อวิ๋นหลิงยิ้มพลางมองไปทางกู้ฉางเซิน ใจกลับตกไปอยู่นอกตำหนักบูรพาซึ่งห่างออกไปเป็นร้อยเมตร
เวลานี้ มีพลังจิตที่คุ้นเคยสองสาย กำลังปกคลุมตำหนักอย่างเงียบๆ
กู้ฉางเซินไม่รู้ ในเวลานี้ทุกคำพูดของเขา ทุกประโยคที่กล่าวไป ถูกอีกคนหนึ่งที่กำลังกลั้นหายใจ รับฟังอย่างละเอียด
……
ในสวนหลวง ศาลากลางทะเลสาบ
แสงแดดในฤดูร้อนเจิดจ้า บนดอกไม้มีผึ้งและผีเสื้อบินวน เอ้อระเหยสบายใจ
นั่งอยู่ที่ศาลาเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว หลิวฉิงรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว
“จู่ๆพี่กับน้องหลิงก็ลากฉันเข้ามาในวังทำไม ฉันยังต้องรีบกลับไปตักขี้นะ มีเวลาว่างมาดื่มชาที่ไหนกัน”
เช้านี้นางถูกทั้งสองคนลากเข้ามาในวังพร้อมกัน เดิมทีคิดว่ามีเรื่องสำคัญอะไร ปรากฏว่าหลงเย่ลากนางมาดื่มชาอยู่ที่ศาลากลางทะเลสาบตลอดทั้งช่วงเช้า ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่
หลิวฉิงเป็นห่วงงานในสวนสัตว์ คิดแต่อยากจะรีบกลับไปปรับปรุงบ้านไร่ให้เสร็จเรียบร้อย
รีบเปิดทำการรีบหาเงิน ภายหน้าจะได้ไม่ต้องให้เจ้าหวังมาอดอยากพร้อมกับนาง
หลงเย่ค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า “เธอจะรีบร้อนทำไม วันนี้กู้ฉางเซินมารายงานเรื่องสำคัญที่ตำหนักบูรพา ประเดี๋ยวก็ออกไปพร้อมกับเขาได้”
ได้ยินคำพูดนี้ จิตใจกระวนกระวายของหลิวฉิง ก็รู้สึกสงบลงอย่างน่าประหลาดใจ
แค่คำพูดประโยคเดียวของหลงเย่ นางนั่งอยู่ที่สวนหลวงตลอดทั้งเช้าจริงๆ
คนข้างๆเป็นกำลังใจให้นางแอบฟังด้วยกัน
หลิวฉิงเองก็รู้สึกคันยิบๆในใจ อยากจะรู้เหมือนกันว่าหลายวันมานี้กู้ฉางเซินทำอะไรอยู่ในสำนักศึกษา
นางแอบฟังอีกฝ่ายคุยกับเซียวปี้เฉิงอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินนางกำนัลมาเชิญเขาไปที่ตำหนักของอวิ๋นหลิง
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างอ้อมค้อม หลิวฉิงก็ได้สติขึ้นมาทันที อวิ๋นหลิงกอยากจะเป็นแม่สื่อให้นาง
นางคิดไม่ถึงว่าเพียงชั่วพริบตาพี่น้องของนางจะหักหลังตนเอง เพิ่งจะลุกพรวดขึ้นมาด้วยจิตใจที่เต้นเร็วแรง จู่ๆขาก็เหมือนมีรากงอกออกมา
หลังจากนั้น เสียงรอบข้างก็จางหายไปหมด ในหูมีเพียงเสียงของกู้ฉางเซินดังก้องอยู่
“ได้มาถือเป็นเกียรติของข้า ยินดียอมรับอย่างเต็มใจ”
ภายในตำหนักบูรพา กู้ฉางเซินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองอวิ๋นหลิงด้วยสายตาแวววาว น้ำเสียงเอ้อระเหยแฝงแววมั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“น้องสาม รบกวนเจ้าช่วยข้าไปบอกกับแม่นางคนนั้น พี่ใหญ่ก็เป็นขุนนางมือสะอาด ไม่มีของดีมีค่าอะไร มีเพียงใจหนึ่งดวงที่จะปกป้องนางตลอดชีวิต มีเพียงดาบยาวหนึ่งเล่มจะคุ้มครองนางตลอดไป......”
“ถ้าหากได้นางเป็นภรรยา จะรักเดียวใจเดียวเป็นที่พึ่งทางใจหนึ่งเดียวของข้า หากมีชีวิตอยู่บนโลกได้ร้อยปี ไม่ว่าจะเกิดแก่เจ็บตาย แม้สรรพสิ่งจะเปลี่ยนแปลง จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างเด็ดขาด”
ในตำหนักที่เปิดโล่งเย็นสบาย น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจนของเขาดังก้องอยู่ในหู
ไม่เสียแรงที่เป็นเจ้าอ๋อง แม้แต่คำว่า”ข้ายินดี” ยังพูดได้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก
หัวใจของอวิ๋นหลิงเองก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง รสชาติของความรู้สึกดีใจและปวดแปลบสับสนกระจายไปทั่วในอก
ที่รู้สึกใจและปวดแปลบก็คือ พี่ฉิงปกป้องพวกนางมาตั้งหลายปี ที่สุดวันนี้ก็หาผู้ชายที่สามารถปกป้องนางทั้งชีวิตได้เสียที
ที่รู้สึกสับสนก็คือ สามีในอนาคตของผู้อื่นช่างมีความรู้ยิ่งนัก ทำเอาเซียวปี้เฉิงเหมือนคนไม่รู้หนังสือไปเลย
แต่งงานกันมาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินเจ้าทึ่มนั้นพูดจาหวานซึ้งเลยแม้แต่คำเดียว ที่น่าจะเป็นดั่งที่เขาว่าแพ้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการมีความรู้แล้ว......
รอให้ลูกชายทั้งสองคนเติบโตแล้ว ต้องกำชับพวกเขาให้เรียนรู้กับพ่อบุญธรรมให้ดี
เมื่อได้สติกลับมา อวิ๋นหลิงเผยรอยยิ้มดีใจให้กับกู้ฉางเซิน
“มีคำมั่นสัญญาเช่นนี้ ข้าก็วางใจจะมอบศิษย์พี่รองให้พี่ใหญ่แล้ว ตอนนี้นางรับรู้ถึงความคิดในใจของพี่ใหญ่แล้ว นางกำลังรออยู่ที่ศาลากลางทะเลสาบในสวนหลวง พี่ใหญ่รีบไปหานางเถอะ”
กู้ฉางเซินได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกสงสัย หลังจากกล่าวลาอย่างอ่อนโยน ก็ก้าวเท้าออกจากตำหนักบูรพาอย่างรวดเร็ว
……
ศาลากลางทะเลสาบ
ไม่รู้เมื่อไหร่ ที่เหลือแค่เงาร่างบอบบางของหลิวฉิงเพียงคนเดียว
สมองของนางว่างเปล่า ยืนอยู่กับที่ด้วยหัวใจที่เต้นแรง แม้แต่หลงเย่ที่จากไปอย่างเงียบๆเมื่อไหร่ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...