หัวหน้าศาลต้าหลี่เล่าที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังเน้นย้ำอีกว่า “ตราประทับท่านแม่ทัพเป็นผู้ยืมไปประทับเอง”
ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าเซียวปี้เฉิงจะได้สติกลับมาจากความตกตะลึง “ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปทำงานต่อเถอะ”
เขาต้องค่อยๆย่อยข่าวสารที่น่าตกใจ และเกิดขึ้นอย่างกะทันหันอย่างคาดไม่ถึงสักพัก
หัวหน้าศาลต้าหลี่พยักหน้า เดินจากไปอย่างไม่เต็มใจและหันกลับมา กำชับเซียวปี้เฉิงอย่างกระตือรือร้น
“องค์รัชทายาท ถ้าหากจักรพรรดิฉินถามขึ้นมา พระองค์อย่าได้บอกเขาเด็ดเขาว่า ท่านแม่ทัพเป็นผู้ประทับตราเอง”
เขากลัวจริงๆว่าหลังจากที่กู้จื่ออวี๋รู้เรื่องนี้แล้ว จะพาลโกรธมาถึงตนเอง
ความรักความแค้นระหว่างสามคนนั้นสลับซับซ้อนเกินไป เขาก็แค่ขุนนางลำดับสามตัวเล็กๆคนหนึ่ง ไม่อยากจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แต่แล้วขณะที่หัวหน้าศาลต้าหลี่เพิ่งจะเดินออกไปถึงทางเลี้ยวหน้าประตูตำหนัก ก็พบกู้จื่ออวี๋ยืนอยู่ข้างหน้าราวกับเทพสังหาร
ใต้ท้องฟ้าสดใสหลังฝนตก สีหน้าของอีกฝ่ายอึมครึมราวกับเมฆดำที่ปกคลุมเมือง ราวกับจะมีพายุฝนคะนองเกิดขึ้น
หัวหน้าศาลต้าหลี่ตกใจ สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง
เขาคำนับด้วยความกลัวและสั่นเทา ฝืนยิ้มออกมา
“จักร ถวายบังคมจักรพรรดิฉินขอทรงพระเจริญหมื่นปี......”
กู้จื่ออวี๋กวาดตามองเขาด้วยความเย็นชา ทั้งๆที่อายุน้อยกว่าหัวหน้าศาลต้าหลี่ถึงยี่สิบกว่าปี กลิ่นอายแห่งความกดดันรอตัวกลับทำให้หัวหน้าศาลต้าหลี่ รู้สึกอึดอัดยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับจักรพรรดิจาวเหรินเวลาโกรธเสียอีก
หัวหน้าศาลต้าหลี่ตัวสั่นสะท้าน ยกเท้าจะรีบหนีไปให้ไกลโดยเร็ว
อวิ๋นหลิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวหน้าประตูตำหนัก แอบถอนหายใจเงียบๆที่กู้จื่ออวี๋มาได้เวลาพอดีจริงๆ
นางยิ้มออกมา ลุกขึ้นไปต้อนรับและพูดว่า “ลมอะไรหอบอ๋องน้อยมาถึงที่นี่ รีบนั่งลงดื่มชากันก่อน”
ตงชิงกำลังอยู่ในช่วงลาหยุดเพื่อแต่งงาน ซวงหลีถูกส่งออกไปทำงานนอกวัง ไม่ทันระวังชั่วขณะ ข้างกายก็ไม่เหลือนางกำนัลที่คอยส่งข่าวเลยสักคน
กู้จื่ออวี๋นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆก้าวข้ามธรณีประตู น้ำเสียงเย็นยะเยือก
“พวกเขาอยากทำให้ข้าโกรธจนหนีไปใช่หรือไม่ จึงได้แต่งงานกันอย่างกะทันหันเช่นนี้”
อวิ๋นหลิงเก็บรอยยิ้ม เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ พวกเขาสองคนเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา ต่างก็รักกัน ความรักสุกงอมแล้ว”
“แต่งงานกันอย่างรีบร้อนเช่นนี้ ยังนับว่าเป็นความรักสุกงอมอีกหรือ”
กู้จื่ออวี๋มองอวิ๋นหลิงอย่างดื้อดึง ราวกับจะได้รับคำตอบที่อยากได้ยินจากปากนาง
“เมื่อมีความรักต่อกันลึกซึ้งจิตใจก็ตรงกัน ไม่ว่าจะแต่งงานเวลาไหนก็ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไป”
อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าสีหน้าขาวซีดของเขาดูโดดเดี่ยวน่าสงสารอยู่บ้าง แต่ก็ทำลายความหวังสุดท้ายของกู้จื่ออวี๋ลงอย่างไร้เยื่อใย
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่กู้จื่ออวี๋อยากจะได้ยิน เขายืนอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว เส้นเอ็นสีเขียวผุดขึ้นมาเลือนราง
เซียวปี้เฉิงได้สติกลับมาแล้ว เบี่ยงประเด็นสนทนา “จักรพรรดิเสี่ยวฉินมาที่นี่มีเรื่องอะไร”
วันนี้ที่กู้จื่ออวี๋มาหาเซียวปี้เฉิง เดิมคิดอยากจะเอ่ยถึงเรื่องกำหนดการเดินทางไปสำนักศึกษาชิงอี้ ไหนเลยจะคิดว่าจะได้รับรู้ข่าวที่ไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
เดิมทียังคงลังเลอยู่ ไม่อยากจะไปจากแคว้นต้าโจวเร็วนัก เวลานี้กลับมีความรู้สึกใจร้อนอยากจะหนีกลับเป่ยฉินไปทันที
มุมปากของเขากระตุก ผ่านไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆแทบจะไม่ได้ยินว่า
“ข้าอยากเจอพวกเขา”
เขาอยากจะได้ยินคำตอบจากปากของหลิวฉิง
เซียวปี้เฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ “ข้าจะส่งคนไปส่งข่าว เรียกพวกเขาสองคนเข้าวัง”
กู้ฉางเซินได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยเสียงอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีการหาเงินอยู่บ้าง อยากจะล้างหนี้ทั้งหมดภายในครึ่งปีไม่ยาก”
แววตาของหลิวฉิงเย็นชาลงเล็กน้อย หูผึ่งและพูดขึ้นว่า “หาเงินสองหมื่นสองพันตำลึงในครึ่งปี ทำงานอะไรกัน”
“ประเมินวัตถุโบราณ” กู้ฉางเซินเผยรอยยิ้มสดใสจางๆออกมา “ตระกูลสูงศักดิ์มีวัตถุโบราณมากมาย แค่สามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสิ่งนั้นได้ ค่าตอบแทนอย่างน้อยก็หลายร้อยจนถึงพันตำลึง”
ราชวงศ์เป่ยฉินเป็นระบบการสืบสันตติวงศ์ของราชวงศ์ในเก้าแคว้น มีมรดกความรู้ที่ยาวนาน เป็นสิ่งที่อีกสามแคว้นเทียบไม่ได้
กู้ฉางเซินมีชาติกำเนิดสูงส่ง แก้วชาที่เคยใช้ชงชาในจวน ไม่ว่าจะหยิบใบไหนก็อาจเป็นวัตถุโบราณที่มีอายุนับร้อยปี
การอบรมบ่มเพาะทางด้านนี้ของเขามีมาแต่กำเนิด มีสายตาเฉียบขาดในการประเมินวัตถุโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยอมหมอบราบคาบแก้ว
เพียงแต่การมีฐานะเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน คนทั่วไปอยากจะเชิญเขาไปประเมินวัตถุโบราณ ไม่ใช่เรื่องที่มีแค่เงินจะทำได้
“ถึงว่าตอนที่ท่านมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับกู้จื่ออวี๋ จึงไม่รู้สึกเศร้าใจเลยสักนิด”
หลิวฉิงรู้สึกโล่งอก หางตามีแววยินดีผุดขึ้นมา
“รอให้คืนหนี้หมดแล้ว ปีหน้าพวกเราก็หาเวลาจัดงานแต่งงานชดเชย ถึงตอนนั้นก็เชิญท่านพ่อกับพี่ใหญ่และพี่รองพวกเขามาด้วย เพื่อนที่รู้จักในเป่ยฉินก็ต้องเชิญมาให้ครบ ถึงตอนนั้นพวกเราก็สามารถเก็บเงินใส่ซองได้ก้อนใหญ่ รวยภายในชั่วข้ามคืนไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว”
กู้ฉางเซินทำหน้าไม่ถูก รู้สึกเหมือนการเก็บเงินใส่ซองต่างหาก ที่เป็นเหตุผลให้หลิวฉิงตัดสินใจจะจัดงานแต่งงาน
ใครว่านางไม่เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการเงิน มีแผนการในใจไว้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ ก็ได้รับข่าวที่ส่งมาจากตำหนักบูรพา พรุ่งนี้จักรพรรดิเสี่ยวฉินเชิญพวกเขาไปพบในวัง
หลิวฉิงขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงขรึม “พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเขาตามลำพัง”
เรื่องบางเรื่องยืดเยื้อนานเกินไปแล้ว สมควรตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...