พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 79

ภายในเรือนหลันชิงที่สงบสุขมาเป็นเวลานาน เพียงพริบตาเดียวงานแข่งเรือในเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างก็มาถึง

อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงออกไปตามนัดขององค์หญิงหก ตกเย็นก็รุดหน้าไปล่องเรือสำราญชมดอกไม้ไฟริมแม่น้ำ

ในแผ่นดินนี้แคว้นต้าโจวเป็นแคว้นแรกที่ค้นพบดินปืน ถึงแม้จะไม่เพียงพอต่อการประดิษฐ์พวกอาวุธปืน แต่อย่างไรก็ตามกิจการดอกไม้ไฟก็ยังคงรุ่งเรืองแพร่หลายอยู่เช่นเดิม

ในการฉลองเทศกาลในทุกๆปี ก็จะขาดการแสดงดอกไม้ไฟไปไม่ได้

เซียวปี้เฉิงพูดขึ้นยิ้มๆ “ในตอนที่เสด็จปู่ยังหนุ่มๆ แคว้นต้าโจวอดอยากกว่าตอนนี้เสียอีก หากไม่มีเงินไปสู้รบ ทุกคนก็จะเลิกสร้างอาวุธและหันมาสร้างดอกไม้ไฟขายให้กับแคว้นอื่น เพื่อนำเงินมาสร้างอาวุธอีกที”

ปัจจุบันนี้ ดอกไม้ไฟเกือบทั่วทุกแคว้นในแผ่นดินใหญ่ล้วนซื้อจากแคว้นต้าโจว

แคว้นอื่นแม้จะสร้างเองได้ แต่คุณภาพก็เทียบไม่ได้กับของแคว้นต้าโจว

อวิ๋นหลิงได้เข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ขึ้นมาไม่น้อย

เรือสำราญนี้อวิ๋นหลิงเป็นคนออกเงินเช่าด้วยตัวเอง สินเดิมของนางกองโตเกือบเท่าภูเขา จึงใช้มาเช่าเรือสำราญที่ใหญ่และดีที่สุด และครองตำแหน่งที่ดีที่สุดกลางแม่น้ำ

เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงหกไม่ได้เป็นคนเอ่ยนัดพวกเขาก่อน จึงไม่ได้ขึ้นเรือลำเดียวกับพวกเขา เพียงมาเอ่ยทักทายสองสามคำก็รีบปลีกตัวไปหาเหล่าสตรีสูงศักดิ์เพื่อนสนิทของนาง

เรือสำราญมีทั้งหมดสามชั้น อวิ๋นหลิงเลือกเช่าลำนี้เพราะเห็นว่ามีเงินอยู่มากมายจนไม่รู้จะใช้อย่างไรแล้ว

นางเตรียมพร้อมมาอย่างดีในวันนี้

ส่วนเรื่องขายโสมหิมะน้ำค้างหยกสูตรปรับปรุง เซียวปี้เฉิงได้จัดเตรียมร้านค้าและกำลังคนเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญเขาได้ลงทุนซื้อวัตถุดิบยาต่างๆเรียบร้อยแล้วเช่นกัน และในตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการผลิตยาชุดแรก

การชมดอกไม้ไฟครั้งนี้ บริเวณโดยรอบล้วนเต็มไปด้วยเหล่าสตรีสูงศักดิ์ อวิ๋นหลิงตั้งใจนำสินค้าตัวอย่างมา เพื่อกระตุ้นการขายสักหน่อย

นางสั่งให้ตงชิงและเหล่าสาวใช้ไปเชื้อเชิญเหล่าสตรีสูงศักดิ์บริเวณรอบๆ แต่เพราะชื่อเสียงภายในวังหลวงของนางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คนที่ขึ้นเรือมาจึงมีไม่มากนัก

อวิ๋นหลิงก็ไม่รีบร้อนใจ เซียวปี้เฉิงบอกว่าอู๋อันกงจะกลับเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นหากมีผู้ปรับปรุงสูตรโสมหิมะน้ำค้างหยกออกมาโฆษณาด้วยตัวเอง มีหรือที่สินค้าจะขายไม่ออก

บนเรือสำราญอีกลำที่อยู่ไม่ไกล ที่กำลังมองคู่ชายหญิงนั่งดื่มด้วยกัน เป็นภาพที่เห็นแล้วโดดเด่นสะดุดตา หรงฉานแปลกใจ จ้องไปยังเรือสำราญลำที่สวยโดดเด่น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พระชายาจิ้งอ๋องเชิญเหล่าสตรีสูงศักดิ์ขึ้นไปชมดอกไม้ไฟบนเรือด้วยทำไมกัน? นางคิดจะทำอะไรงั้นหรือ?”

ฉู่อวิ๋นหานเมื่อเห็นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในภาพจำของนางอวิ๋นหลิงเป็นคนไม่ชอบสังสรรค์กับผู้อื่น นางละอายที่ตนอัปลักษณ์ จึงปิดซ่อนตนเองไม่ค่อยพบปะผู้คน

สาวใช้ปากไวข้างๆ เอ่ยตอบ “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าจวนจิ้งอ๋องได้สร้างยารักษาบาดแผลที่มีฤทธิ์เทียบเท่ากับโสมหิมะน้ำค้างหยก ไม่เพียงแต่สามารถรักษารอยดำบนใบหน้า ทั้งยังทำให้ผิวขาวเนียนขึ้นอีกด้วยเจ้าค่ะ! หนึ่งขวดแค่ห้าร้อยตำลึงเองเจ้าค่ะ!”

หรงฉานเอามืออุดปากด้วยความประหลาดใจ “แค่ห้าร้อยตำลึงเองงั้นหรือ?”

ราคาตามท้องตลาดของโสมหิมะน้ำค้างหยกคือสามพันตำลึงต่อหนึ่งขวด ซึ่งราคาสูงจนไม่มีผู้ใดกล้าซื้อ

อวิ๋นหลิงขายยาที่มีฤทธิ์เทียบเท่าโสมหิมะน้ำค้างหยกด้วยราคาต่ำเช่นนี้ ย่อมยากที่คนทั่วไปจะเชื่อ

หรงฉานเดาเอาเองว่า “หรือนี่จะเป็นตำรับยาที่อู๋อันกงปรับปรุงขึ้นมาใหม่ จึงลดราคาลงต่ำเช่นนี้”

ฉู๋อวิ๋นหานขมวดคิ้วแน่น “เป็นไปไม่ได้ สองปีมานี้อู๋อันกงไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขามัววิ่งเต้นรอบทิศเพื่อรับใช้จิ้งอ๋องและเยี่ยนอ๋อง จะเอาเวลาที่ไหนไปปรับปรุงสูตรโสมหิมะน้ำค้างหยกกันล่ะ?”

หรงฉานพึมพำออกมาเบาๆ “ได้ยินมาว่าฝีมือการแพทย์ของพระชายาจิ้งอ๋องก็ไม่ธรรมดา หรือนางจะเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง?”

“นี่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!” ฉู่อวิ๋นหานตะโกนแทรกเสียงดัง จนกระทั่งเหล่าสหายของหรงฉานต่างจ้องมาที่นาง นางจึงรู้สึกตัวว่าตนเองเสียงดังจนเกินไป

นางกระแอมออกมาเบาๆ พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขั้นตอนการปรุงโสมหิมะน้ำค้างหยกนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก พี่สาวข้าทำไม่ได้อย่างแน่นอน ยิ่งเป็นสูตรปรับปรุงใหม่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นการคิดค้นของท่านอาจารย์ของข้า นางเป็นถึงลูกศิษย์ของอู๋อันกงเชียวนะ”

ท่านอาจารย์ที่ฉู่อวิ๋นหานเอ่ยถึง คงจะหมายถึงหลินซิน

หรงฉานดวงตาเป็นประกาย “คุณหนูรองฉู่ เช่นนั้นรบกวนท่านบอกท่านอาจารย์หลินซินขายให้ข้าสักขวดได้หรือไม่?”

ในวัยเด็กนางเคยล้มหน้าผากฟาดเข้ากับบันไดหิน จนเกิดรอยแผลเป็นจางๆ มาจนถึงทุกวันนี้

แม้มันจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีผลต่อความงามของนาง จนตอนนี้หรงฉานก็ยังคงไม่ชอบเปิดหน้าผากให้ใครได้เห็น

ต่อมาหรงฉานเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “หากมาจากการคิดค้นของท่านอาจารย์หลินซินจริงๆ เหตุใดคุณหนูรองฉู่จึงไม่ทราบอะไรเลยเล่า?”

ฉู๋อวิ๋นหานดึงสติกลับมา กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น

ไม่กี่วันก่อน นางพยายามแสดงตัวตนต่อหน้าหรงฉานอยู่หลายต่อหลายครั้ง พยายามสร้างความประใจให้นางเป็นพิเศษ เพื่อให้ผูกมิตรกับนางได้อย่างราบรื่น

แต่หรงฉานที่ภายนอกดูบอบบางละเอียดอ่อนราวกับแก้วเจียระไนแต่จริงๆ แล้วเป็นเม่นที่มีหนามแหลมคมทั่วทั้งร่างกาย สิ่งที่นางพูดออกมาล้วนแทงใจผู้ฟังได้ดีเสมอ

แววตาหรงฉานแสดงออกถึงความผิดหวัง “ว่าไปแล้วพระชายาจิ้งอ๋องเชิญเหล่าสตรีสูงศักดิ์บริเวณรอบๆ ขึ้นเรือไป เหตุใดนางจึงจงใจเลี่ยงไม่เชิญข้ากันล่ะ?”

“ถ้ายานั่นของนางได้ผลจริง ข้าจะซื้อเลยทันทีสิบขวด!”

นางเป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกในจวนเจิ้นกั๋วกง กะอีแค่เงินห้าร้อยตำลึง เหอะ! เล็กน้อย

หรงฉานเริ่มคิดหนัก “คงไม่ใช่เพราะข้าจะแต่งเข้าจวนรุ่ยอ๋อง พระชายาจิ้งอ๋องจึงไม่พอใจขึ้นมากระมัง? เช่นนี้ข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ?”

คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าพระชายาจิ้งอ๋องมีใจให้รุ่ยอ๋อง ถึงขั้นกล้าวางยาหมายจะให้พระองค์มาเป็นของตน

ฉู่อวิ๋นหานกลอกตาอย่างเอือมๆ พร้อมพูดออกมาเสียงนิ่ง “แม่นางหรงท่านอย่าคิดเช่นนี้ บางทีทั้งหมดนี่อาจเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรขึ้นเรือมากับท่านในวันนี้”

หรงฉานเข้าใจในความหมายของนางทันที เป็นเพราะพระชายาจิ้งอ๋องอิจฉาริษยาฉู่อวิ๋นหาน เลยพลอยไม่ชอบตนไปด้วย

เมื่อนึกถึงยานั่นที่มีฤทธิ์เทียบเท่ากับโสมหิมะน้ำค้างหยก หรงฉานก็ร้อนรนในใจ ใช้สองมือตบลงที่โต๊ะพร้อมดีดตัวลุกขึ้นอย่างแรง ราวตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว “ข้าไม่สนแล้ว! อีกอย่างข้ามีเงินไปจ่าย พระชายาจิ้งอ๋องคงจะไม่ขัดขวางไม่ให้ข้าขึ้นเรือกระมัง?”

หรงฉานใส่ใจในความงามของตนมากกว่ารุ่ยอ๋องเสียอีก

ขอแค่อวิ๋นหลิงยอมขายยานั่นให้นาง จะให้ทำอะไรนางก็ยอม

ฉู่อวิ๋นหานก้มหน้ามองพื้นเอ่ยถามขึ้นมาเสียงออดอ้อน “แม่นางหรงพาข้าไปด้วยได้ไหม?”

“ท่านก็สนใจยานั่นเช่นกันหรือ? ข้าซื้อเผื่อท่านอีกขวดก็ได้นะ”

แม้อีกไม่กี่วันพวกนางต้องออกเรือน แต่ความประทับใจที่หรงฉานมีต่อฉู่อวิ๋นหานก็มีไม่น้อย

ฉู่อวิ๋นหานส่ายหัวเบาๆ “ไม่กี่วันก่อนพี่สาวข้ามีอาการเลือดคั่ง ข้าอยากไปเยี่ยมนาง แต่นางกลับไม่ยอมพบข้า”

นางช่างเป็นน้องสาวที่ดีจริงๆ หรงฉานรู้สึกซาบซึ้งในใจ

แม้จะเป็นแค่ลูกอนุ แต่นิสัยนางกลับอ่อนน้อมถ่อมตนทั้งยังมีจิตใจดีอีก เหตุใดพระชายาจิ้งอ๋องจึงทำตัวเป็นปรปักษ์กับน้องสาวตนเองเพียงเพราะชายผู้เดียวกันนะ?

นางเองที่เป็นบุตรีคนเดียวในจวนเจิ้นกั๋วกง ยังอยากมีพี่น้องเช่นนี้เลย

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปกับข้าเถิด”

พูดจบ หรงฉานก็คว้าเอามือฉู่อวิ๋นหานเดินไปด้วยกัน ฉู่อวิ๋นหานที่เดินตามด้านหลังฏ็แสยะยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

หรงฉานผู้นี้ไร้เดียงสาทั้งยังหลอกง่ายกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีนางจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง

เมื่อทั้งสองลงจากเรือ ผู้ติดตามก็ปรากฏตัวจากความมืด

“องค์หญิง ท่าน…”

หรงจั้นขมวดคิ้วเครียด “เจ้ารีบตามฉานเอ๋อร์ไป” เจ้าเด็กโง่นี่ แต่ก็ช่างเถอะ หากไม่ได้รับบทเรียนนางคงไม่หลาบจำ

……

บนเรือที่สวยงามราวภาพวาด อวิ๋นหลิงกำลังเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ เมื่อนางเห็นหรงฉานมาเยือนกะทันหัน ตาของนางก็กระตุกราวกับมีลางร้าย

นางแอบสงสัยในใจ ยัยบื้อนี่มาได้ยังไงกัน?

วันนี้อวิ๋นหลิงพยายามหลีกเลี่ยงเรือของจวนเจิ้นกั๋วกง และไม่ได้เชิญหรงฉานเพราะเกรงว่านางจะจำตนได้

คาดไม่ถึงว่าหรงฉานจะมาเยือนถึงที่โดยไม่ได้เชิญเช่นนี้

อวิ๋นหลิงมัวพบปะเหล่าสตรีสูงศักดิ์ เซียวปี้เฉิงก็ไม่สะดวกเข้ามาแทรกแซง จึงรออยู่ที่ชั้นสองของเรือ

เขาพยายามฝึกสมาธิด้วยตนเอง และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองใช้พลังจิตนอกจวนอ๋อง ขั้นแรกเขาใช้พลังจิตสำรวจทั่วทั้งชั้นสามของเรือ

พลังจิตนี่ถ้าไม่ลองก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อได้ลอง เขาก็สัมผัสถึงร่างสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ชั้นหนึ่งของเรือ

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วแน่น ออกคำสั่งเสียงทุ้มว่า “ลู่ฉี พาข้าไปที่ชั้นหนึ่งของเรือ”

ชั้นหนึ่งมีห้องอยู่เพียงห้องเดียว ซึ่งมีไว้สำหรับเขาและอวิ๋นหลิงโดยเฉพาะ และไม่ควรมีบุคคลอื่นอยู่ที่นั่นในตอนนี้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ