พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 80

ลู่ฉีรีบรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นเซียวปี้เฉิงยังคงต้องแสร้งเป็นตาบอดต่อไป

ลู่ฉีแม้จะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ยี่หระ แต่ฝีมือการต่อสู้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งสองลงมายืนหน้าห้องที่ชั้นหนึ่งอย่างเงียบๆ

เซียวปี้เฉิงหรี่ตาลงอย่างรู้ทัน เขามองผ่านหน้าต่างเข้าไป และคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฉู่อวิ๋นหาน!

ในมือของนางถืออะไรบางอย่างไว้ และมองสำรวจรอบๆ ห้องอย่างลนลาน จากนั้นก็รีบยัดสิ่งที่อยู่ในมือลงในแจกันดอกไม้

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ฉู่อวิ๋นหานก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ปรับสีหน้าเสื้อผ้าหน้าผมให้กลับมาปกติ จากนั้นก็เดินย่องออกไปเบาๆ

ขณะเปิดประตูออกมา ก็พบกับใบหน้านิ่งขรึมไร้ความรู้สึกของเซียวปี้เฉิง นางตกใจจนแทบร้องโวยวายออกมา

ลู่ฉีเมื่อได้เห็นฉู่อวิ๋นหาน ดวงตาคมก็เบิกโพลงขึ้นทันที “คุณหนูรองฉู่? ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”

เมื่อจู่ๆ ก็พบฉู่อวิ๋นหานปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหนที่ไม่ได้พบฉู่อวิ๋นหาน ตั้งแต่พระชายาแต่งเข้ามา ฉู่อวิ๋นหานก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย

เซียวปี้เฉิงเมื่อได้ยิน ก็แสร้งมองผ่านหน้านางไปยังพื้นที่ที่ว่างเปล่า “อวิ๋นหาน?”

ฉู่อวิ๋นหานดึงสติกลับมา รู้สึกถึงทั้งหน้าผากและแผ่นหลังของตนเต็มไปด้วยเหงื่อ นางข่มเสียงพูดให้ปกติที่สุด

“ทะ…ท่านพี่ปี้เฉิง”

ฉู่อวิ๋นหานรู้สึกโชคดีที่เซียวปี้เฉิงตาบอด ไม่เช่นนั้นเขาคงเห็นสิ่งที่นางพึ่งทำไปเมื่อครู่

ขณะที่ฉู่อวิ๋นหานกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เซียวปี้เฉิงก็ค่อยขยับเอียงตัวไปสั่งกับลู่ฉีว่า “ลู่ฉี เจ้าไปเฝ้าอยู่ด้านนอกก่อนอย่าให้ใครเข้าใกล้ที่นี่”

ลู่ฉีได้ยินก็เบิกตาโพลง “พะ…พ่ะย่ะค่ะ”

พระเจ้า! ท่านอ๋องต้องการจะอยู่กับคุณหนูรองฉู่ตามลำพังงั้นหรือแต่พระชายายังรับแขกอยู่บนชั้นสามของเรืออยู่เลยนะ!

หากไม่มีใครอนุญาต คุณหนูรองฉู่ไม่มีทางขึ้นเรือมาเองได้แน่ นี่ท่านอ๋องต้องการจะลอบนัดพบกับคุณหนูรองฉู่อย่างนั้นหรือ? หรือที่ผ่านมาทั้งหมดจะเป็นแค่การแสดงเพื่อตบตาพระชายา?

ท่านอ๋องนี่ช่างเร่าร้อนเสียจริงๆ!

ลู่ฉีรู้สึกราวกับตนได้ล่วงรู้ความลับชิ้นใหญ่ ในขณะที่เดินออกไปยังรู้สึกมึนงงอยู่เล็กน้อย

เซียวปี้เฉิงมองตามท่าทีของลู่ฉีอย่างรู้ทันความคิดของเขา ในใจก็รู้สึกขุ่นเคืองอย่างหมดหนทาง ทว่าในตอนนี้เขาก็ยังไม่สะดวกอธิบายอะไรให้ลู่ฉีฟัง

“อวิ๋นหาน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้”

ฉู่อวิ๋นหานเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วของนางจิกลงที่กระโปรงโดยไม่รู้ตัว

“คือ…ไม่กี่วันก่อนข้าได้ยินมาว่าท่านโดนลอบสังหารได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าเป็นห่วงท่านมาก ทว่าท่านพี่ไม่อยากเจอหน้าข้า ข้าเกรงว่านางจะโกรธ จึงไม่กล้าไปเยี่ยมท่านที่จวนอ๋อง…”

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“วันนี้มาชมดอกไฟริมน้ำพอดี จึงแวะมาเยี่ยมท่าน ข้ายังได้ยินมาว่าท่านพี่เชิญเหล่าสตรีสูงศักดิ์มามากมาย คิดว่าต่อหน้าพวกนางท่านพี่คงไม่กล้าหักหน้าข้ากระมัง ดังนั้นข้าจึงขอร้องให้คุณหนูหรงแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงพาข้าขึ้นเรือมาด้วย”

พอได้ขึ้นมาบนเรือ ฉู่อวิ๋นหานค่อยหาข้ออ้างปลีกตัวออกมา และให้หรงฉานไปชั้นบนสุดเพียงคนเดียว ส่วนตัวนางเองก็แอบลงมาที่ชั้นหนึ่ง

คำพูดของนางฟังดูแล้วไม่มีความผิดปกติอื่นใด ทว่านัยน์ตาเซียวปี้เฉิงกลับหลุดความเย็นชาออกมา

เขาหลับตาลงขจัดความเย็นชา พูดออกมาเบาๆ “เป็นเช่นนี้เองหรือ ข้าไม่เป็นอันใดมากแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

ฉู่อวิ๋นหานกำลังพูดปด เขาสังเกตท่าทางของนางได้ เมื่อใดก็ตามที่นางจิกนิ้วลงที่ใดสักที่ด้วยท่าทีประหม่า นั่นหมายถึงมีความผิดแผกจากสิ่งที่นางพูด

ฉู่อวิ๋นหานเมื่อเห็นว่าเซียวปี้เฉิงไม่มีท่าทีสงสัยอะไร ก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง

ที่นางมาในคืนนี้เพราะคำขอของฮูหยินเหลียน ที่สั่งนางให้มามอบกลิ่นสลายวิญญาณให้อวิ๋นหลิงโดยเฉพาะ!

แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของนาง จึงต้องการที่จะเล่นงานอวิ๋นหลิงถึงชีวิต จึงจงใจคิดแผนใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร

ดูท่าแล้วเซียวปี้เฉิงมองแผนของนางไม่ออกแน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลอะไร

เมื่อนึกได้ จิตใต้สำนึกของฉู่อวิ๋นหานก็สั่งให้เอ่ยถามว่า “ท่านพี่ปี้เฉิง นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ดวงตาของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

เซียวปี้เฉิงตอบกลับ “อวิ๋นหลิงบอกว่าอีกไม่นานคงจะฟื้นฟูกลับมาปกติ”

เมื่อได้ยินชื่ออวิ๋นหลิง ฉู่อวิ๋นหานก็ชักสีหน้าไม่พอใจ นางคงคิดว่าเซียวปี้เฉิงมองไม่เห็นจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนสีหน้าแสร้งเป็นหญิงสาวอ่อนน้อม

“จริงหรือ? ข้าดีใจแทนท่านพี่ปี้เฉิงจริงๆ”

น้ำเสียงของนางฟังแล้วตื่นเต้นเริงร่าเต็มไปด้วยการตั้งตารอ ผิดกลับใบหน้าที่ยังคงแสดงถึงความไม่พอใจ

มองท่าทางของฉู่อวิ๋นหาน เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

คิดไม่ถึงว่าหญิงที่เคยออกแสวงหายามาเพื่อรักษาเขา ทั้งยังบอกว่าจะไม่มีทางแยกจากเขาในตอนนั้น นิสัยที่แท้จริงของนางเป็นเช่นนี้เองหรือ

ขณะนั้นเอง เขาก็ฉุกคิดขึ้นว่าตนนั้นจำรูปลักษณ์ใบหน้าของหญิงสาวอ่อนโยนจิตใจดีในตอนนั้นไม่ได้เสียแล้ว

ทุกๆความอ่อนโยนในตอนนั้น คงจะมีไว้เพื่อไต่เต้าเป็นพระชายาจิ้งอ๋องเท่านั้นกระมัง

เมื่อเห็นเซียวปี้เฉิงค่อยๆเผยสีหน้าผิดหวังเศร้าใจออกมา ใจของฉู่อวิ๋นหานกระตุกอย่างแรง สายตานางที่จ้องมองเขาสั่นไหวเล็กน้อย

“ใช่แล้ว! ท่านพี่ปี้เฉิง ปลายเดือนนี้…ข้าก็จะต้องแต่งเข้า…จวนรุ่ยอ๋อง”

น้ำเสียงของนางแผ่วลงแสดงให้เห็นถึงความเศร้าสร้อย มองไปยังชายรูปงามตรงหน้า แววตาของนางเต็มไปด้วยเสียใจ

ตอนนี้ความรู้สึกของนางเป็นความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้ง นางเคยรักชายตรงหน้าจริงๆ ทั้งยังเคยพร่ำคิดว่าจะอยู่คู่เขาไปตลอดชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือความสามารถ เซียวปี้เฉิงไม่ด้อยกว่ารุ่ยอ๋องแม้แต่น้อย ความรักที่เขามีให้นางนั้นมากเสียจนคนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างริษยา ยกให้นางเป็นหญิงที่น่าอิจฉาที่สุดในเมืองหลวง

แต่น่าเสียดายที่เขาดันตาบอด

หากไม่มีเรื่องนี้เข้ามาแทรก นางคงเป็นพระชายาจิ้งอ๋องไปตั้งแต่นานนม

เซียวปี้เฉิงเก็บสีหน้าผิดหวัง พยักหน้าเบา “ข้าทราบแล้ว ตอนนี้ข้าก็แต่งงานแล้ว เจ้าเองก็กำลังจะออกเรือน ต่อไปก็เจ้าก็อย่าบุมบ่ามเข้ามาเช่นนี้ ใครมาเห็นเข้าจะถูกนำไปซุบซิบนินทาเอา”

เขาใคร่รู้จริงๆ ว่าฉู่อวิ๋นหานใส่อะไรลงไปในแจกันดอกไม้นั่น จึงพยายามพูดกล่อมให้นางรีบกลับไป

ทว่าฉู่อวิ๋นหานกลับไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คิดเพียงว่าเซียวปี้เฉิงคงเป็นห่วงชื่อเสียงของนาง นางมองเขาด้วยแววตาใสซื่อ

สีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อครู่ของเซียวปี้เฉิง เป็นเพราะนางกำลังจะแต่งเข้าจวนรุ่ยอ๋องงั้นหรือ?

เหอะ! นางรู้อยู่แล้ว หากไม่มีฉู๋อวิ๋นหลิงนั่นเป็นก้างขวางคอ เซียวปี้เฉิงไม่มีทางแสดงท่าทีเฉยเมยต่อนางแน่นอน

ในใจของเขามีเพียงนาง…ฉู่อวิ๋นหานเสมอมา

ฉู่อวิ๋นหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่ปี้เฉิงพูดถูก วันนี้เป็นเพราะข้าบุ่มบ่ามเกินไป เช่นนั้นข้าขอขึ้นไปเยี่ยมท่านพี่ได้ไหม? นางจะโกรธข้าหรือไม่?”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง ทำให้เซียวปี้เฉิงที่ได้ฟังก็ลอบขมวดคิ้ว “นางคงกำลังต้อนรับแขก คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่”

อวิ๋นหลิงไม่ใช่คนเช่นนั้น นางไม่มีทางทำให้ผู้อื่นลำบากใจโดยไม่มีเหตุผล

ฉู่อวิ๋นหานพยักหน้า พูดด้วยเสียงเบา “เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”

หลังเดินออกไปไม่กี่ก้าว นางก็อดไม่ได้หันมาเอ่ยลากับเซียวปี้เฉิงอีกครั้ง “ท่านพี่ปี้เฉิง หานเอ๋อร์ขอให้ท่านมีความสุขไปชั่วชีวิตเลยนะเจ้าคะ”

เซียวปี้เฉิงชะงักชั่วครู่ ไม่นานก็พยักหน้าตอบกลับ

แววตาของฉู่อวิ๋นหานแฝงความสงสารเล็กน้อย นางเองเคยหวังว่าเซียวปี้เฉิงจะหายดี แต่ตอนนี้…

เขาไม่สามารถหายดี และจะไม่มีทางหายดีอีกต่อไป เพราะอวิ๋นหลิงต้องตายในไม่ช้า

หลังฉู่อวิ๋นหานเดินจากไป ใบหน้าเซียวปี้เฉิงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม รีบผลักประตูเข้าไปในห้อง เพื่อตรวจสอบแจกันดอกไม้นั่น

ภายในอากาศ มีกลิ่นหอมเย็นสดชื่น ช่วยให้จิตสงบ ลอยอยู่ทั่วห้อง

ไม่นานเซียวปี้เฉิงก็พบสิ่งที่ฉู่อวิ๋นหานซ่อนไว้ในแจกันดอกไม้ มันคือกระดาษจดหมายที่ยับยู่ยี่

เมื่อเห็นตัวอักษรบนกระดาษ เขาก็ตะลึงไปชั่วขณะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ