เมื่อไม่มีที่พึ่ง ไม่มีลูก แม้แต่หน้าตาที่งดงามซึ่งเป็นจุดเด่นเพียงข้อเดียวก็ไม่มีเหลือ
หลังจากแท้งลูกโชคดีที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่กระทบต่อรากฐานลมปราณ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ซีดเซียวลงมาก ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
เพื่อที่จะกู้คืนหัวใจของสามี ชดเชยใน”ความผิด”ของตนเอง นางที่เป็นพระชายาได้แต่ยอมลดศักดิ์ศรีลง พยายามที่จะจัดการเรื่องของเรือนด้านหลังให้เรียบร้อยเหมาะสม
แต่เรือนด้านหลังมีหญิงสาวมากมายขนาดนั้น และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้ากันได้
อนุภรรยาเหล่านั้นไม่เห็นนางอยู่ในสายตา มีการต่อสู้ระหว่างกันอย่างดุเดือด องค์หญิงอี๋อันยุ่งอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นจนไม่มีเวลาว่าง เหนื่อยทั้งกายและใจ ยังถูกใส่ร้ายป้ายสีไม่น้อย
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น บ่าวรับใช้ในจวนและเหล่าอนุภรรยาทั้งหลายค่อยๆไม่เห็นนางอยู่ในสายตา มักจะถูกจิกหัวใช้อยู่บ่อยๆ
กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากที่อ๋องไหวเซียงดื่มจนเมา และทำเรื่องอย่างว่ากับสาวใช้ในห้องนอนของนาง และเรียกใช้นางราวกับบ่าวไพร่ ให้เอาน้ำมาให้สามรอบติดๆกัน
เตรียมน้ำร้อนช้าไป ยังถูกเขาปากแก้วชาใส่และดุด่าเหยียดหยาม
องค์หญิงอี๋อันหวนคิดถึงเรื่องในอดีตที่ไม่น่าจดจำ ใบหน้าที่มีร่องรอยของน้ำตา เต็มได้ด้วยความเศร้าโศก
“เพราะเรื่องนี้ สามีคิดว่าข้ามีดวงกินผัวกินลูก ทำให้ครอบครัวเขาต้องโชคร้าย หลายปีแล้วก็ยังไม่ยอมให้อภัยข้า”
หลังจากที่นางแท้งลูก ทุ่มเทแรงกายแรงใจในจัดการเรื่องในจวนอ๋อง เพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบเก้าปี กลับแก่เหมือนหญิงอายุสี่สิบปี และไม่มีชื่อเสียงที่ดีหลงเหลือไว้เลย
จักรพรรดิจาวเหรินฟังแล้วก็โมโหมาก กระแทกแก้วชากับโต๊ะอย่างแรง
“ไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าคิดว่าเรื่องที่เจ้าแท้งเป็นอุบัติเหตุ ที่แท้เป็นเพราะผู้หญิงในเรือนด้านหลังเหล่านั้นคิดไม่ซื่อ ไม่สามารถปกป้องเจ้ากับลูกได้ก็แล้วไปเถอะ แทนที่จะยอมรับผิดกลับย้อนมาเล่นงานเจ้า น่าโมโหจริงๆ”
ใบหน้าของเขามีโทสะพวยพุ่งขึ้นมาทันที ทำเอาองค์หญิงอี๋อันร่างกายสั่นเทาไปหมด ขาอ่อนแรงคุกเข่าลงกับพื้น
“เสด็จพ่อใจเย็นๆเพคะ......ล้วนเป็น ล้วนเป็นเพราะซูโยวไม่ดี ต้องโทษที่ซูโยวไม่เอาไหน......”
อวิ๋นหลิงที่ฟังอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าขรึมเคร่ง เดิมทียังรู้สึกโกรธต่อสิ่งที่องค์หญิงอี๋อันต้องเผชิญอยู่หลายส่วน เห็นนางมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก็มีความรู้สึกสับสนพูดไม่ถูกอยู่บ้าง
“เสด็จพี่ นี่จะเป็นความผิดของท่านได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าอ๋องไหวเซียงโยนความผิดมาให้ท่าน”
“ใช่แล้ว ทั้งๆที่ไอ้สารเลวนั่นตาบอดแท้ๆ”
จักรพรรดิจาวเหรินเอ่ยด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ดึงตัวองค์หญิงอี๋อันให้ลุกขึ้นมา
เซียวปี้เฉิงที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามต่อไปว่า “เสด็จพี่ แม้ว่าท่านจะไม่มีบุตร กับอ๋องไหวเซียงก็เป็นการแต่งงานพระราชทาน เขาเอาความกล้ามาจากไหนถึงกล้าหย่ากับท่าน คงไม่ใช่เพราะแก่จนเลอะเลือนไปแล้วกระมัง”
องค์หญิงอี๋อันสีหน้าอ้างว้าง หัวเราะเสียงขม “แม้ข้าจะเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ แต่พอไปถึงเซียวโจว ก็เหมือนกับคนอื่นๆที่นั่น ต้องพึ่งพาตระกูลโม่ในการดำรงชีวิต”
ในเมืองเซียว ตระกูลโม่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นางมองจักรพรรดิจาวเหรินอย่างหวาดกลัว กระทั่งไม่กล้าพูด ตอนที่สามีอยู่ในเมืองเซียว ขุนนางในพื้นที่เห็นเขา ล้วนต้องคำนับเขาด้วยการอวยพรให้อายุยืนหมื่นปีด้วยซ้ำ
“สองเดือนก่อน ตอนที่อนุภรรยาที่เขาโปรดปรานแท้งลูก พอดีกับที่ข่าวของอี๋หนิงแต่งงานเพื่อสันติภาพกับอ๋องทูเจวียถูกส่งไปถึงเซียวโจว ด้วยเหตุนี้จึงหย่าข้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด......”
อี๋หนิงเป็นชื่อขององค์หญิงหก
เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินก็เขียวคล้ำขึ้นมาทันที ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงมองตากัน ต่างก็ฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดขององค์หญิงอี๋อัน
อ๋องไหวเซียงเป็นเจ้าพ่อมาสิบกว่าปี เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงสองปีนี้เขาต้องไม่รู้อย่างแน่นอน พอได้ยินว่าองค์หญิงหกที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดถูกส่งไปแต่งงานเพื่อสันติภาพกับทูเจวีย จึงคิดว่าจักรพรรดิจาวเหรินก็ยังคงไม่น่ากลัวเหมือนสิบกว่าปีที่แล้ว
ในสายตาของอีกฝ่าย ถ้าหากราชวงศ์มีความสามารถจริง คงไม่ต้องส่งองค์หญิงที่มีสถานะสูงส่งและเกิดจากภรรยาเอกไปแต่งงานเพื่อสันติภาพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...