พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 793

เขาย่อมรู้ดีว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสม แต่เวลานั้นไม่มีวิธีการอื่นแล้ว

อ๋องผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ตำแหน่งขุนนางต้องถูกสืบทอดให้ลูกชายคนโตในไม่ช้า คนที่เป็นฮ่องเต้อย่างเขาจำเป็นต้องปลอบขวัญและดึงตระกูลโม่มาเป็นพวก ให้ตระกูลโม่เฝ้ารักษาพื้นที่ชายแดนอันห่างไกลด้วยความจงรักภักดีต่อไป

ตอนนั้นท้องพระคลังก็ยากจนเสียเหลือเกิน ไม่มีเงินในการปูนบำเหน็จ เกรงว่าอีกฝ่ายจะคิดไม่ซื่อ และไม่กล้าจะขยายอำนาจทหารของตระกูลโม่

คิดไปคิดมา การประทานเสด็จพี่ให้แต่งงานกับอีกฝ่าย เป็นวิธีการที่ดีที่สุด

ภายใต้ความระอาใจและลำบากใจที่ถูกเยี่ยนอ๋องตำหนิต่อหน้าคนรุ่นลูกมากมายเช่นนี้ จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกเสียหน้ามาก

คิดว่าเขาไม่รู้สึกเสียใจและสงสารหรืออย่างไร

“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าพูดเรื่องเหล่านี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ไม่สู้มาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรกับเสด็จพี่ของเจ้าดี ความลำบากที่นางต้องทนทุกข์หลายปีมานี้ ล้วนทำเพื่อรักษาความสงบสุขของชายแดนเซียวโจว”

จักรพรรดิจาวเหรินด่าเยี่ยนอ๋องด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา กำชับทุกคนอย่างจริงจัง

“พวกเจ้าทุกคนจำไว้ให้ดี ต้องปฏิบัติต่อซูโยวดั่งพี่สาวคนโตด้วยความเคารพรักและห่วงใย อย่าดูถูกเหยียดหยามนางเพียงเพราะถูกหย่าและทอดทิ้ง ไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ อย่าให้นางรู้สึกว่าพวกเจ้ากับนางมีฐานะแตกต่างกัน เวลาอยู่ด้วยกันก็พยายามตามใจซูโยวบ้าง อย่าให้นางต้องระวังตัวมากเกินไปจนลำบากใจ”

“ใช่แล้ว ซูโยวมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง อยู่ข้างกายนางมาตลอดหลายปีนี้ ไม่แตกต่างจากลูกสาวแท้ๆ แม้ว่าจะเป็นลูกของสาวรับใช้ แต่ข้าได้ตัดสินใจแต่งตั้งให้นางเป็นจิ้งอันเสี่ยนจู่ พวกเจ้าก็ต้องปฏิบัติต่อนางเหมือนหลานสาวแท้ๆคนหนึ่งด้วย”

ได้ยินดังนั้น พวกหรงฉานและพระสนมทั้งหมดต่างก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

“เสด็จพ่อโปรดวางใจ องค์หญิงอี๋อันเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา ย่อมต้องเคารพรักและเป็นห่วงนางอยู่แล้ว”

พวกนางล้วนเป็นผู้หญิง ย่อมต้องเข้าใจและสงสารในความลำบากที่อีกฝ่ายได้เผชิญมา

จักรพรรดิจาวเหรินมีสีหน้าดีขึ้น จากนั้นก็มองไปทางอวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิง กำชับพวกเขาอย่างหนักแน่นอีกครั้ง

“โดยเฉพาะพวกเจ้าสองคนสามีภรรยา ต้องใส่ใจในทุกเรื่องของซูโยวให้มาก สะใภ้เจ้าสามปกติจะอยู่แต่ในตำหนักบูรพา ไปมาหาสู่กับซูโยวสะดวกที่สุด ถ้าไม่มีอะไรก็ให้ไปพูดคุยเป็นเพื่อนกับนางที่ตำหนักโยวซินให้มากหน่อย”

อวิ๋นหลิงตอบรับอย่างรวดเร็ว “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว วันนี้เห็นเครื่องเรือนในตำหนักโยวซินมีความเก่าแก่อยู่บ้าง ข้าได้เขียนรายการให้กรมวัง พรุ่งนี้จะให้ขันทีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด”

เป็นถึงพระชายารัชทายาท ท่าทีของนางที่มีต่อองค์หญิงอี๋อันสำคัญกว่าพวกหรงฉาน จุดนี้นางเองก็เข้าใจดี

จักรพรรดิจาวเหรินพยักหน้า สีหน้ารู้สึกดีใจอยู่บ้าง กำลังอยากจะให้ทุกคนแยกย้ายกันไป กลับได้ยินเสียงเยี่ยนอ๋องบ่นพึมพำเบาๆอยู่ที่มุมห้อง

“......อีกไม่ถึงสองเดือนพี่สะใภ้สามก็จะคลอดแล้ว ให้นางวิ่งวุ่นไปทั่ว นี่ไม่เท่ากับจงใจให้พี่สามต้องเป็นกังวลหรอกหรือ เห็นได้ชัดว่าควรจะให้พี่ใหญ่ไปเป็นแขกที่ตำหนักบูรพามากกว่าจึงจะเหมาะสม”

น้ำเสียงของเขาไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องตำราได้ยินกันอย่างชัดเจน

เซียวปี้เฉิงรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาเองก็คิดเช่นนี้ แต่ไปมาหาสู่กับจักรพรรดิจาวเหรินนานแล้ว เขากับอวิ๋นหลิงต่างก็ฉลาดขึ้นแล้ว รู้ว่าควรพูดอะไรเวลาไหนจะเหมาะสมที่สุด

อวี้จือเจ้าเด็กโง่ ทำไมจึงได้พูดออกมาตรงๆเช่นนี้ นี่ไม่เท่ากับเป็นการล้ำเส้นจักรพรรดิจาวเหรินหรอกหรือ

เป็นดั่งคาด เส้นเอ็นสีเขียวตรงขมับของจักรพรรดิจาวเหรินปูดขึ้นมา หันไปมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคืองทันที

“เจ้าสี่ เจ้าไม่พอใจซูโยวใช่หรือไม่ เสียแรงที่เมื่อก่อนนางรักเจ้ามาก คอยช่วยเจ้าแก้ตัวทุกครั้งเวลาที่เจ้าถูกลงโทษสั่งสอน เจ้าใช้ท่าทีเช่นนี้ปฏิบัติต่อพี่ใหญ่ของเจ้าหรือ”

เยี่ยนอ๋องยื่นขอยาว ตอกกลับด้วยเสียงแข็งว่า “ข้าปฏิบัติต่อพี่ใหญ่ไม่ดีตรงไหน เมื่อก่อนอวี้กูกูที่รับใช้ข้างกายเสี่ยวเฟิงทำเมินเฉยต่อนาง ข้ายังเอาก้อนหินปาหัวอวี้กูกูเลย อย่างไรเสียก็ดีกว่าเสด็จพ่อที่เอาแต่เข้าข้างเสี่ยวเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่มีทางมอบพี่ใหญ่ให้แต่งงานกับผู้ชายแก่ที่มีอายุมากกว่านางถึงหนึ่งรอบแน่ๆ”

พูดจบ อวิ๋นหลิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเยี่ยนอ๋อง เด็กคนนี้ทำไมวันนี้จึงได้ดูกบฏเป็นพิเศษ

จักรพรรดิจาวเหรินโกรธมาก คว้าม้วนหนังสือขึ้นมาโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น โยนไปทางใบหน้าของเยี่ยนอ๋อง

“ไอ้ลูกสารเลว ทำไมพูดจากับข้าเช่นนี้ จะต่อต้านข้าใช่หรือไม่”

อาศัยจังหวะนี้ อวิ๋นหลิงรีบลากตัวเยี่ยนอ๋องที่ไปกระตุกหนวดเสือเข้าออกไปทันที

ข้างนอกลมเย็นอยู่บ้าง พระจันทร์สว่างไสวดวงดาวกระจัดกระจาย

ห่างจากห้องตำราประมาณยี่สิบกว่าเมตร คนทั้งกลุ่มจึงหยุดฝีเท้าลง

เซียวปี้เฉิงยกมือขึ้นฟาดไปที่ด้านหลังศีรษะของเยี่ยนอ๋องทีหนึ่ง “วันนี้เจ้ากินประทัดมาหรืออย่างไร ทำไมจึงเอาแต่ทำให้เสด็จพ่อลำบากใจต่อหน้าทุกคน”

แม้ว่าเยี่ยนอ๋องจะซุกซนเกเรอยู่บ้าง แต่เป็นคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่รู้จักพูดจาปากหวานให้คนอื่นดีใจ เมื่อก่อนยังเคยเป็นน้ำมันหล่อลื่นลดการเสียดสีระหว่างจักรพรรดิจาวเหรินและพระสนมหลี่ ไม่เคยมีท่าที”ไม่รู้จักชั่วดี”เหมือนอย่างเมื่อครู่มาก่อน

เยี่ยนอ๋องนวดหน้าผากที่ถูกกระแทกจนบวมขึ้นมา โกรธจนไม่อยากจะพูดอะไร

ไม่มีใครรู้ใจสามีเท่าภรรยา ตี้หวู่เหยาถอนหายใจออกมา “เขาอัดอั้นตันใจ รู้สึกเจ็บใจแทนเสด็จแม่”

ก่อนหน้านี้พระสนมหลี่ทะเลาะกับจักรพรรดิจาวเหรินและล้มป่วยลง นิสัยและอารมณ์ของนางก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ตอนนี้เยี่ยนอ๋องก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแล้ว

เพียงแต่ปัญหาระหว่างพ่อแม่ยากจะแยกถูกผิด เขาที่เป็นลูกชายไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ได้

แต่หลังจากที่รู้เรื่องของแม่นางหลี และเดินทางไปที่สำนักศึกษาชิงอี้พร้อมกับพระสนมหลี่ เยี่ยนอ๋องก็อดไม่ได้ที่จะโมโหจักรพรรดิจาวเหริน

สามารถปฏิบัติต่อผู้หญิงที่รู้จักกันเพียงแรมเดือนอย่างอดทนและอ่อนโยน ทำไมจึงปฏิบัติต่อเสด็จแม่ที่อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปีด้วยความเย็นชาไร้เยื่อใยเช่นนี้

เยี่ยนอ๋องได้ยินดังนั้น ก็ทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะพูดว่า “ข้าไม่ได้ไม่พอใจพี่ใหญ่ แต่ทนไม่ไหวกับท่าทีเช่นนี้ของเขาจริงๆ ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายที่ตนรักอย่างลำเอียง มักจะให้คนอื่นๆกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม”

“อีกอย่าง สิบห้าปีก่อนเขาทำอะไรอยู่ ถึงมารู้สึกสงสารพี่ใหญ่เอาป่านนี้ ช่างน่าขันจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ