หลังจากกำหนดเป้าหมายกับแผนการแล้ว กงจื่อโยวก็เอ่ยถามสองสามข้ออย่างนึกกังขา
“พี่ปี้เฉิง ดอกไม้ขาวมีเพียงดอกเดียว หากต้องเลือกมาสักหนึ่งตระกูล ท่านอยากโค่นตระกูลยินหรือตระกูลลู่?”
เซียวปี้เฉิงนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “สำหรับข้าแล้ว โค่นตระกูลไหนก็ดีทั้งนั้น แต่ความยากง่ายนั้นต่างกันไป”
แนวป้องกันของตระกูลยินกรมขุนนางอ่อนแอกว่า เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายตำแหน่งขุนนาง มีการเรียกรับผลประโยชน์กับขุนนางคนอื่นๆ ที่หนักข้อ ต่อให้ในที่แจ้งจะไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่แนวการกระทำก็ไม่อาจเล็ดลอดหูตาของพวกเขาไปได้ และชื่อเสียงตระกูลยินก็อยู่ในระดับปานกลาง
เทียบกันแล้ว ตระกูลลู่กรมคลังเรียกว่าทำได้แนบเนียนไม่มีช่องโหว่ ในแง่การรีดเงิน ทั้งสองวิชามารอย่างการหลอกลวงและย้อมแมวขายนั้นแทบจะสมบูรณ์แบบ
อวิ๋นหลิงจำเรื่องนี้ได้แม่น นางจำได้ว่าเมื่อตอนได้รับตำแหน่ง ‘เจียอี้’ และได้รับเงินเดือนข้าราชการอย่างเป็นทางการนั้น งานแรกที่จักรพรรดิจาวเหรินมอบหมายให้พวกเขาคือการแจกจ่ายถ่านไม้ในฤดูหนาว
การทำบัญชีถ่านไม้ในฤดูหนาวไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก่อนต้องใช้ขุนนางกรมคลังเจ็ดแปดคน รวมๆ แล้วใช้เวลาสิบกว่าวันจึงจะเสร็จสิ้น มิหนำซ้ำยังมีข้อผิดพลาดไปเสียทุกที่
เวลานั้นหลายคนกำลังรอดูเรื่องตลก อวิ๋นหลิงที่เป็นพระชายาจิ้งอ๋องในขณะนั้นได้คำนวณบัญชีอยู่ในห้องเกือบสามวันติดๆ กันจนตาแทบบอด ต่อมานางก็เผยวิธีทำถุงร้อนด้วยตนเองจนแพร่กระจายไปในหมู่ประชาชน
หลังจากภารกิจสิ้นสุดลง ขุนนางหลายคนที่ต้องสงสัยว่าทุจริตก็ถูกจับกุม ไล่ออก และปลดตำแหน่ง
แต่ทว่าเมื่อทั้งสองสามีภรรยาเข้าสู่ตำหนักบูรพา ติดต่อกับราชสำนักบ่อยครั้งก็พบว่าขุนนางที่เกี่ยวข้องได้กลับสู่ตำแหน่งเดิมโดยไม่มีใครสังเกตเห็น!
“หลังจากนั้นข้ากับปี้เฉิงได้สอบสวนเชิงลึกอยู่พักหนึ่ง พบว่าขุนนางที่เกี่ยวข้องหลายคนนั้นต่างใช้คุณงามความชอบมาไถ่โทษคืนโดยอาศัยผลงานหวนกลับมาทำงาน ที่สำคัญผลงานนั้นไม่มีน้ำเลย ล้วนเป็นของจริงแท้แน่นอนทำให้จับผิดไม่ได้เลยสักนิด”
หลงเย่เงยหน้าขึ้นถาม “เกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ด้วยหรือเปล่า”
อวิ๋นหลิงผงกศีรษะ มุ่นคิ้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ล้วนเป็นผลงานที่ใช้เงินจริงทองจริงแลกมา มีเพียงอาลักษณ์กรมคลังที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ ตระกูลยินก็ออกแรงช่วยไปมากเช่นกัน”
ขณะที่นางพูดๆ อยู่ก็อดก่นด่าสุนัขรับใช้ที่สมควรตายทั้งสองตระกูลนี้ไม่ได้!
เซียวปี้เฉิงกล่าวเสริมต่อ “อีกอย่างจุดที่ทำให้ตระกูลลู่จัดการยากกว่าตระกูลยิน ก็คือพวกเขามีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่ผู้คน หลิงเอ๋อร์ที่เตรียมตัวสร้างโรงเรียนอนุบาลหลวง ก็ควรรู้ไว้ว่าตระกูลลู่บริจาคเงินให้กับสถานสงเคราะห์เด็กแต่ละแห่งมานานกว่าสิบปี สั่งสมชื่อเสียงบารมีให้กับพวกเขา”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า “ใช่แล้ว เมื่ออาลักษณ์กรมคลังเดินไปตามถนน บรรดาชาวบ้านเห็นเขา ต่างก็เรียกเขาว่าใต้เท้าลู่ผู้ใจบุญสุนทานด้วยความเคารพ”
เพราะนอกจากบริจาคเงินให้สถานสงเคราะห์เด็กแล้ว ตระกูลลู่ยังช่วยเหลือคนยากจนมานาน ช่วยจัดหาบ้านพักให้ผู้พิการและผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวอีกด้วย
นอกจากนี้เขายังควักเงินตัวเองสร้างบ่อน้ำ สร้างสะพาน ปูถนนให้กับผู้คนที่อยู่รอบนอกเมืองหลวง เซียวปี้เฉิงเคยไปดูงานที่ตระกูลลู่สร้างขึ้น ไม่ใช่งานสุกเอาเผากิน กลับกันมีคุณภาพดีมากทีเดียว มิน่าผู้คนจึงยกย่องตระกูลลู่
แต่ตระกูลลู่ใช้เงินที่พวกเขายักยอกมาจากท้องพระคลังมาทำสิ่งเหล่านี้!
การเอาเงินจากท้องพระคลังไปทำความดีเพื่อสร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้กับตนเองนั้น ไม่เสียแรงที่เป็นผู้รับผิดชอบกรมคลัง เกรงว่าแทบไม่ต้องใช้ลูกคิดในมือด้วยซ้ำ
หลงเย่ได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างอดมิได้ “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ยิ่งภายนอกตระกูลลู่มีหน้ามีตามากเท่าใด ภายในก็ยิ่งสกปรกโสมมมากเท่านั้น อาลักษณ์กรมคลังผู้นี้ทำงานได้ดีมีชั้นเชิง ต่อกรยากยิ่งกว่าเสนาบดีเฟิงกับเสนาบดีหลี่เสียอีก”
อวิ๋นหลิงเม้มริมฝีปากเอ่ยว่า “นั่นน่ะสิ เทียบกันแล้วผู้เฒ่าสองคนนั้นยังน่ารักกว่าเยอะ จะดีจะชั่วพวกเขาก็ภักดีต่อราชวงศ์ ถึงจะโลภในอำนาจแต่ก็จะไม่ข้ามล้ำเส้น ปัญหาร้ายแรงมักจะเกิดขึ้นกับคนรุ่นเยาว์ในครอบครัวมากกว่า”
เสนาบดีซ้ายเฟิงไม่รู้ว่าสองพี่น้องเฟิงจิ่งเหวยกับเฟิงจิ่นเฉิงไปก่อเรื่องอะไร หลังจากถูกเปิดเผยและลงโทษ จวบจนถึงบัดนี้ตาเฒ่านั่นก็ยังไม่กล้าว่ากล่าวพวกเขาเลย
ราวกับได้กลับไปชาติก่อนหน้านี้ ขอเพียงมีหลงเย่อยู่ข้างกาย ทุกคนก็จะรู้สึกสบายใจเหมือนมีเสาหลักให้พึ่งพิง
หลงเย่ระบายยิ้มบางค่อยๆ เอ่ยโน้มน้าว “น้องสาม คำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนสามารถทำลายคนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่ก็สามารถสร้างคนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ทั้งเจ้าและข้ามาจากศตวรรษที่ยี่สิบสาม น่าจะสัมผัสกับเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งที่สุด ไม่ว่าเมื่อใดและที่ไหน ความคิดเห็นประชาชนก็เสมือนดาบคมกริบ ถ้าเจ้าจับอาวุธนี้ได้อยู่หมัด อยากจะฆ่าใครก็ปลิดชีพได้ตามสบาย...”
นางพูดเช่นนี้ อวิ๋นหลิงพลันได้รับคำชี้แนะจนจิตใจเปิดกว้าง ผุดความคิดอันหลักแหลมขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว
หลงเย่กล่าวต่อ “ยุคสมัยนี้ความเร็วในการเผยแพร่ข้อมูลยังล้าหลังอยู่มาก แต่ตอนนี้ประจวบเหมาะที่เจ้ามีข้อได้เปรียบอันยอดเยี่ยม สามารถควบคุมความคิดเห็นของประชาชนขณะที่เผยแพร่ข่าวไปทั่วทุกสารทิศได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ”
ได้ฟังเช่นนี้ ดวงตาอวิ๋นหลิงลุกวาวขึ้นในทันใด โพล่งออกมาว่า “หนังสือพิมพ์!”
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้นางได้ปรับปรุงแท่นเรียงพิมพ์ของยุคนี้ บัดนี้ทำมาได้หนึ่งปีกว่า จนช่ำชองกับเทคโนโลยีนี้แล้ว
คนยุคใหม่ที่เคยประสบกับสงครามข้อมูลย่อมเข้าใจดีว่าอำนาจความคิดเห็นของประชาชนนั้นน่ากลัวเพียงใด
ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีฟอรัมออนไลน์ แต่นางก็สามารถจัดทำหนังสือพิมพ์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ทางการกับหนังสือพิมพ์ประชาชนได้ในคราวเดียวกัน เพื่อลดความล้าหลังด้านการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในยุคนี้
ถึงเวลานั้นคิดจะฝ่าด่านแนวป้องกันชื่อเสียงของตระกูลลู่ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ไม่ต้องพูดถึงตระกูลลู่เล็กๆ นี้เลย ต่อให้เป็นผู้คนหลายสิบล้านคนในใต้หล้า ไม่ว่าประชาชนจะฉลาดหรือโง่ ล้วนอยู่ที่ความคิดชั่ววูบของพวกเขา!
นี่จะเป็นการโจมตีขั้นแตกหัก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...