พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 807

ครั้นเห็นสองพี่น้องคุยกันอย่างออกรสออกชาติและดูตื่นเต้นอยู่ด้านข้าง เซียวปี้เฉิงกับกงจื่อโยวสบตากันปราดหนึ่ง ต่างเห็นเครื่องหมายปรัศนีในดวงตาของกันและกัน

กงจื่อโยวชิงถามก่อน “ช้าก่อน เหตุใดข้าจึงฟังที่พวกเจ้าสองคนคุยกันไม่รู้เรื่อง หนังสือพิมพ์คืออะไร”

อวิ๋นหลิงสงบความตื่นเต้นลง “หนังสือพิมพ์ก็คือสิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่งที่สามารถพิมพ์งานกิจกรรมและข่าวต่างๆ บนกระดาษ แล้วออกขายให้ประชาชนทั่วไป จะถ่ายทอดข่าวได้อย่างรวดเร็วและเป็นแนวทางแสดงความคิดเห็นของประชาชนได้!”

เซียวปี้เฉิงเข้าใจความคิดของพวกนางจากที่สองพี่น้องคุยกันคร่าวๆ

“พวกเจ้าอยากจะสร้างข่าวลือบางอย่างเพื่อสั่นคลอนชื่อเสียงตระกูลลู่ใช่หรือไม่ จริงๆ แล้วเสด็จพ่อใช่ว่าจะไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน มีคนในหมู่ชาวบ้านที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ แต่ส่วนใหญ่พึ่งพาวิธีนักเล่านิทานในโรงน้ำชา จึงไม่ค่อยได้ผล แต่เจ้าสิ่งที่เรียกว่าหนังสือพิมพ์นี้ไม่รู้ว่ามีอะไรพิเศษตรงไหน”

ตอนที่อวิ๋นหลิงเล่าเรื่องราวของศตวรรษที่ยี่สิบสามให้เซียวปี้เฉิงฟังก่อนหน้านี้ ก็เคยพูดคุยถึงวิธีควบคุมความคิดเห็นของประชาชนด้วย

แต่เวลานั้นหนังสือพิมพ์เป็นสินค้าที่สูญพันธุ์และล้าหลังไปแล้วในศตวรรษที่ยี่สิบสาม ดังนั้นที่นางเล่าให้เซียวปี้เฉิงฟัง ส่วนใหญ่จึงเป็นแนวคิดของ ‘อินเทอร์เน็ต’

เวลานั้นเซียวปี้เฉิงเล่าว่าแว่นแคว้นต่างๆ ก็มีองค์กรใต้ดินที่คล้ายกับ ‘กองทัพไซเบอร์’ ที่นางเรียก และขึ้นตรงกับราชสำนัก

ที่คนเหล่านี้ทำเป็นหลักคือส่งเสริมชื่อเสียงอันดีงามและบารมีของราชวงศ์กับราชสำนัก รวมถึงปลอบขวัญจิตใจของประชาชนยามเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อจะได้ไม่ตื่นตระหนก

ทุกปีท้องพระคลังจะใช้เงินกับเรื่องนี้ไปเป็นจำนวนมาก

อวิ๋นหลิงอธิบายอย่างอดทน “ข้อมูลที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นั้นเร็วกว่าการบอกกันปากต่อปากในหมู่ผู้คนมากนัก ที่สำคัญกว่าคือข้อมูลที่ส่งไปจะแม่นยำยิ่งขึ้นและไม่มีการคลาดเคลื่อน!”

นึกถึงชื่อเสียงของเว่ยฉือเลี่ย ตอนที่เขามาเยือนครั้งแรก เยียนอ๋องใส่ไคล้ลับหลังบรรยายว่าเขาอัปลักษณ์และโหดร้ายอำมหิตไปหน่อย

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ข่าวลือในวังหลังก็เบี่ยงเบนไปจากการควบคุมของเขาอย่างรวดเร็ว พูดกันไปต่างๆ นานาว่าเว่ยฉือเลี่ยเป็นสัตว์ประหลาดดื่มเลือดผมเผ้ารกรุงรังเต็มตัว

หากมีหนังสือพิมพ์ ข่าวนั้นก็จะมีหลักฐาน สามารถป้องกันไม่ให้ความคิดเห็นของประชาชนถูกผู้บงการอยู่เบื้องหลังควบคุมได้เป็นส่วนใหญ่

“ใช้เงินจ้างนักเล่านิทานควบคุมความคิดเห็นประชาชน ชาวบ้านหลายคนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งหรือหัวเราะเยาะเอาได้ แต่หนังสือพิมพ์ทางการที่พวกเราตั้งขึ้นก็เหมือนกับประกาศที่ทางการติด เป็นของที่ออกมาจากราชสำนัก ดังนั้นประชาชนย่อมรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ”

ขณะที่อวิ๋นหลิงพูด แรงบันดาลใจและความคิดต่างๆ ก็ไหลพรั่งพรู ว่าแล้วนางก็คิดแผนต่อไป

ด้วยเทคโนโลยีแท่นเรียงพิมพ์ดินเหนียวในปัจจุบันและจำนวนสำนักพิมพ์ประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถขายหนังสือพิมพ์รายวันได้ทุกวัน แต่ถ้าทำออกขายหนึ่งฉบับทุกๆ เจ็ดวันก็ย่อมทำได้อย่างง่ายดาย

นางวางแผนจะจัดตั้งสำนักพิมพ์ทางการและสำนักพิมพ์ประชาชน

สำนักพิมพ์ทางการเผยแพร่เฉพาะข้อมูลที่ยุติธรรม เป็นกลาง เข้มงวดและเชื่อถือได้ มุ่งเน้นเข้าถึงประชาชน ขยายภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจทิศทางของราชสำนัก รวมทั้งท่าทีความคิดเห็นของประเทศอื่นๆ ในแผ่นดินใหญ่ได้อย่างแม่นยำ

เซียวปี้เฉิงฟังไปเพียงครึ่งเดียวก็เข้าใจความมหัศจรรย์ของมัน สายตาพลันทอประกายวาวโรจน์

“นี่เป็นวิธีการที่ดีจริงๆ หากยามปกติราชสำนักมีกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ ต้องการประกาศให้ประชาชนทราบก็ข้ามผู้ส่งสารที่อยู่ตรงกลางไปได้เลย เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งสารผิด หรือคนกลางหลอกลวงเบื้องบนแกล้งระรานเบื้องล่าง หลอกใช้ความแตกต่างในข้อมูลหาผลประโยชน์ใส่ตัวได้”

ทว่านับตั้งแต่กงจื่อโยวแต่งงาน การค้าก็แทบจะกลายเป็นกิจการหลักของพวกเขาไปแล้ว

“สำนักทิงเสวี่ยมีร้านหนังสือรวมสี่แห่งในเมืองหลวงแคว้นต้าโจว แต่ละแห่งอยู่ประจำแต่ละทิศของเมือง ตอนที่พวกเจ้าทำแท่นเรียงพิมพ์ดินเหนียวก่อนหน้านี้ ข้ายังถือโอกาสเปิดร้านพิมพ์ขนาดใหญ่ใกล้กับห้องสมุดเมืองหลวงที่อยู่ใจกลางเมือง หากนั่งรถล้อไม้ก็จะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีไปถึงร้านหนังสือแต่ละแห่ง ตอนนี้คนกันเองในสำนักล้วนมีหน้าที่ตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่าง จะช่วยพวกเจ้าได้อีกแรงหนึ่งพอดี!”

สามารถกลับมาทำกิจการเดิมได้ กงจื่อโยวรู้สึกมีกำลังวังชาอีกครั้ง แทบรอไม่ไหวอยากจะเริ่มตั้งโรงพิมพ์ประชาชน

เซียวปี้เฉิงได้ยินก็ตกตะลึง “เจ้าเปิดสำนักพิมพ์ตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าไม่รู้”

กงจื่อโยวเกาหัวไปมา แล้วกะพริบตาจิ้งจอกที่ไม่ฉายแววฉลาดเอาเสียเลย

“เอ่อคือว่า...ในสำนักมีร้านค้าเยอะเหลือเกิน แต่สำนักพิมพ์ก็ไม่ใช่ร้านเสื้อผ้า ร้านหม้อไฟ หรืออะไรทำนองนั้น พวกเจ้าจะเอาประกาศิตป้ายดำไปกินดื่มเที่ยวเล่นก็ไม่ได้ ข้าจึงไม่เคยพูดถึงมันเลย”

ฟังถึงตรงนี้ อวิ๋นหลิงก็รู้สึกดีใจระคนตื่นเต้น อารมณ์สับสนเล็กน้อย

เมื่อกงจื่อโยวบอกว่ากินพื้นที่ขนาดใหญ่ มันต้องไม่ธรรมดาแน่

ละแวกห้องสมุดเมืองหลวง...นั่นคือสถานที่ที่ที่ดินทุกตารางนิ้วมีค่าเป็นเงินทอง!

นางถูกรังสีความล่ำซำของอีกฝ่ายป้ายยาโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ