ครั้นเห็นสองพี่น้องคุยกันอย่างออกรสออกชาติและดูตื่นเต้นอยู่ด้านข้าง เซียวปี้เฉิงกับกงจื่อโยวสบตากันปราดหนึ่ง ต่างเห็นเครื่องหมายปรัศนีในดวงตาของกันและกัน
กงจื่อโยวชิงถามก่อน “ช้าก่อน เหตุใดข้าจึงฟังที่พวกเจ้าสองคนคุยกันไม่รู้เรื่อง หนังสือพิมพ์คืออะไร”
อวิ๋นหลิงสงบความตื่นเต้นลง “หนังสือพิมพ์ก็คือสิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่งที่สามารถพิมพ์งานกิจกรรมและข่าวต่างๆ บนกระดาษ แล้วออกขายให้ประชาชนทั่วไป จะถ่ายทอดข่าวได้อย่างรวดเร็วและเป็นแนวทางแสดงความคิดเห็นของประชาชนได้!”
เซียวปี้เฉิงเข้าใจความคิดของพวกนางจากที่สองพี่น้องคุยกันคร่าวๆ
“พวกเจ้าอยากจะสร้างข่าวลือบางอย่างเพื่อสั่นคลอนชื่อเสียงตระกูลลู่ใช่หรือไม่ จริงๆ แล้วเสด็จพ่อใช่ว่าจะไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน มีคนในหมู่ชาวบ้านที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ แต่ส่วนใหญ่พึ่งพาวิธีนักเล่านิทานในโรงน้ำชา จึงไม่ค่อยได้ผล แต่เจ้าสิ่งที่เรียกว่าหนังสือพิมพ์นี้ไม่รู้ว่ามีอะไรพิเศษตรงไหน”
ตอนที่อวิ๋นหลิงเล่าเรื่องราวของศตวรรษที่ยี่สิบสามให้เซียวปี้เฉิงฟังก่อนหน้านี้ ก็เคยพูดคุยถึงวิธีควบคุมความคิดเห็นของประชาชนด้วย
แต่เวลานั้นหนังสือพิมพ์เป็นสินค้าที่สูญพันธุ์และล้าหลังไปแล้วในศตวรรษที่ยี่สิบสาม ดังนั้นที่นางเล่าให้เซียวปี้เฉิงฟัง ส่วนใหญ่จึงเป็นแนวคิดของ ‘อินเทอร์เน็ต’
เวลานั้นเซียวปี้เฉิงเล่าว่าแว่นแคว้นต่างๆ ก็มีองค์กรใต้ดินที่คล้ายกับ ‘กองทัพไซเบอร์’ ที่นางเรียก และขึ้นตรงกับราชสำนัก
ที่คนเหล่านี้ทำเป็นหลักคือส่งเสริมชื่อเสียงอันดีงามและบารมีของราชวงศ์กับราชสำนัก รวมถึงปลอบขวัญจิตใจของประชาชนยามเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเพื่อจะได้ไม่ตื่นตระหนก
ทุกปีท้องพระคลังจะใช้เงินกับเรื่องนี้ไปเป็นจำนวนมาก
อวิ๋นหลิงอธิบายอย่างอดทน “ข้อมูลที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นั้นเร็วกว่าการบอกกันปากต่อปากในหมู่ผู้คนมากนัก ที่สำคัญกว่าคือข้อมูลที่ส่งไปจะแม่นยำยิ่งขึ้นและไม่มีการคลาดเคลื่อน!”
นึกถึงชื่อเสียงของเว่ยฉือเลี่ย ตอนที่เขามาเยือนครั้งแรก เยียนอ๋องใส่ไคล้ลับหลังบรรยายว่าเขาอัปลักษณ์และโหดร้ายอำมหิตไปหน่อย
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ข่าวลือในวังหลังก็เบี่ยงเบนไปจากการควบคุมของเขาอย่างรวดเร็ว พูดกันไปต่างๆ นานาว่าเว่ยฉือเลี่ยเป็นสัตว์ประหลาดดื่มเลือดผมเผ้ารกรุงรังเต็มตัว
หากมีหนังสือพิมพ์ ข่าวนั้นก็จะมีหลักฐาน สามารถป้องกันไม่ให้ความคิดเห็นของประชาชนถูกผู้บงการอยู่เบื้องหลังควบคุมได้เป็นส่วนใหญ่
“ใช้เงินจ้างนักเล่านิทานควบคุมความคิดเห็นประชาชน ชาวบ้านหลายคนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งหรือหัวเราะเยาะเอาได้ แต่หนังสือพิมพ์ทางการที่พวกเราตั้งขึ้นก็เหมือนกับประกาศที่ทางการติด เป็นของที่ออกมาจากราชสำนัก ดังนั้นประชาชนย่อมรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ”
ขณะที่อวิ๋นหลิงพูด แรงบันดาลใจและความคิดต่างๆ ก็ไหลพรั่งพรู ว่าแล้วนางก็คิดแผนต่อไป
ด้วยเทคโนโลยีแท่นเรียงพิมพ์ดินเหนียวในปัจจุบันและจำนวนสำนักพิมพ์ประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถขายหนังสือพิมพ์รายวันได้ทุกวัน แต่ถ้าทำออกขายหนึ่งฉบับทุกๆ เจ็ดวันก็ย่อมทำได้อย่างง่ายดาย
นางวางแผนจะจัดตั้งสำนักพิมพ์ทางการและสำนักพิมพ์ประชาชน
สำนักพิมพ์ทางการเผยแพร่เฉพาะข้อมูลที่ยุติธรรม เป็นกลาง เข้มงวดและเชื่อถือได้ มุ่งเน้นเข้าถึงประชาชน ขยายภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจทิศทางของราชสำนัก รวมทั้งท่าทีความคิดเห็นของประเทศอื่นๆ ในแผ่นดินใหญ่ได้อย่างแม่นยำ
เซียวปี้เฉิงฟังไปเพียงครึ่งเดียวก็เข้าใจความมหัศจรรย์ของมัน สายตาพลันทอประกายวาวโรจน์
“นี่เป็นวิธีการที่ดีจริงๆ หากยามปกติราชสำนักมีกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ ต้องการประกาศให้ประชาชนทราบก็ข้ามผู้ส่งสารที่อยู่ตรงกลางไปได้เลย เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งสารผิด หรือคนกลางหลอกลวงเบื้องบนแกล้งระรานเบื้องล่าง หลอกใช้ความแตกต่างในข้อมูลหาผลประโยชน์ใส่ตัวได้”
ทว่านับตั้งแต่กงจื่อโยวแต่งงาน การค้าก็แทบจะกลายเป็นกิจการหลักของพวกเขาไปแล้ว
“สำนักทิงเสวี่ยมีร้านหนังสือรวมสี่แห่งในเมืองหลวงแคว้นต้าโจว แต่ละแห่งอยู่ประจำแต่ละทิศของเมือง ตอนที่พวกเจ้าทำแท่นเรียงพิมพ์ดินเหนียวก่อนหน้านี้ ข้ายังถือโอกาสเปิดร้านพิมพ์ขนาดใหญ่ใกล้กับห้องสมุดเมืองหลวงที่อยู่ใจกลางเมือง หากนั่งรถล้อไม้ก็จะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีไปถึงร้านหนังสือแต่ละแห่ง ตอนนี้คนกันเองในสำนักล้วนมีหน้าที่ตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่าง จะช่วยพวกเจ้าได้อีกแรงหนึ่งพอดี!”
สามารถกลับมาทำกิจการเดิมได้ กงจื่อโยวรู้สึกมีกำลังวังชาอีกครั้ง แทบรอไม่ไหวอยากจะเริ่มตั้งโรงพิมพ์ประชาชน
เซียวปี้เฉิงได้ยินก็ตกตะลึง “เจ้าเปิดสำนักพิมพ์ตั้งแต่เมื่อใด ทำไมข้าไม่รู้”
กงจื่อโยวเกาหัวไปมา แล้วกะพริบตาจิ้งจอกที่ไม่ฉายแววฉลาดเอาเสียเลย
“เอ่อคือว่า...ในสำนักมีร้านค้าเยอะเหลือเกิน แต่สำนักพิมพ์ก็ไม่ใช่ร้านเสื้อผ้า ร้านหม้อไฟ หรืออะไรทำนองนั้น พวกเจ้าจะเอาประกาศิตป้ายดำไปกินดื่มเที่ยวเล่นก็ไม่ได้ ข้าจึงไม่เคยพูดถึงมันเลย”
ฟังถึงตรงนี้ อวิ๋นหลิงก็รู้สึกดีใจระคนตื่นเต้น อารมณ์สับสนเล็กน้อย
เมื่อกงจื่อโยวบอกว่ากินพื้นที่ขนาดใหญ่ มันต้องไม่ธรรมดาแน่
ละแวกห้องสมุดเมืองหลวง...นั่นคือสถานที่ที่ที่ดินทุกตารางนิ้วมีค่าเป็นเงินทอง!
นางถูกรังสีความล่ำซำของอีกฝ่ายป้ายยาโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...