กว่าหลายคนจะพูดจบก็ปาเข้าไปเกือบจะยามจื่อเที่ยงคืนแล้ว
หลังจากส่งมอบงานสำคัญอย่างก่อตั้งหนังสือพิมพ์ให้หลงเย่กับสามี อวิ๋นหลิงก็รู้สึกผ่อนคลายเหลือแสน ล่วงเข้าสู่ห้วงนิทราหลับสนิท
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ยามตะวันสายโด่งนางจึงค่อยตื่นนอนอย่างเหนื่อยล้า
นางไม่ได้แวะไปทักทายที่ตำหนักโยวซินเหมือนดังเคย แต่ก่อนกินอาหารกลางวัน องค์หญิงอี๋อันได้พาโม่อี้ซือมาเยี่ยมเยียนที่ตำหนักบูรพาเป็นการส่วนตัว
ขณะที่ตงชิงรายงานข่าวคราว ก็รายงานข่าวที่ได้ยินมาเมื่อวานกับอวิ๋นหลิงอย่างเงียบๆ
“เมื่อวานนี้หลังจากที่ท่านกับรัชทายาทกลับมายังตำหนักบูรพา พระเจ้าหลวงพบกับองค์หญิงอี๋อันและลูกสาวเพียงลำพังในตำหนักฉางหนิง ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน พอองค์หญิงอี๋อันกลับถึงตำหนักโยวซิน ก็สั่งสอนโม่อี้ซือไปพักหนึ่ง ได้ยินว่านางร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องทั้งคืน!”
อวิ๋นหลิงฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ด้วยนิสัยอ่อนโยนขององค์หญิงอี๋อันและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับโม่อี้ซือ นางยังคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นมารดาที่รักและให้ท้ายลูกเสียอีก
ไม่นึกว่าลูกสาวของผู้มีคุณจะสั่งสอนให้บทเรียนจนโม่อี้ซือร้องไห้ทั้งคืน ดูท่าคำตักเตือนอบรมจะไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
เป็นดังที่คาดไว้ เมื่อเหล่านางกำนัลพาองค์หญิงอี๋อันกับลูกสาวมานั้น นัยน์ตาของโม่อี้ซือยังคงบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด นางก้มหน้าลงดูท่าทางกลัดกลุ้ม เดินตามอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปย่อกายคำนับให้อวิ๋นหลิง
“เสด็จพี่กับซือซือมาได้อย่างไร ไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งลงเถิด ตงชิงรีบไปชงชา แล้วบอกให้ทางห้องเครื่องเพิ่มอาหารมื้อกลางวันด้วย!”
อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มละไมอย่างเป็นมิตร ลุกขึ้นยืนกำลังจะก้าวเข้าไปรับหน้าทักทาย แต่องค์หญิงอี๋อันก้าวมาจับไหล่อวิ๋นหลิงเสียก่อน ทำให้นางชะงักไป
“น้องสะใภ้สามไม่ต้องวุ่นวายไป พวกเรากินข้าวเที่ยงมาจากตำหนักโยวซินแล้ว ยากนักที่ตอนเช้าจะมีเวลาว่าง ข้าจึงตุ๋นน้ำแกงไก่แก่ที่ช่วยบำรุงสุขภาพมาให้เจ้าเป็นพิเศษ ดื่มสักชามก่อนกินข้าวจะช่วยเจริญอาหาร”
กล่าวจบ องค์หญิงอี๋อันก็รับกล่องอาหารจากนางกำนัลที่ตามมา แล้วตักน้ำแกงให้อวิ๋นหลิงด้วยตนเอง
น้ำแกงไก่สีใสมีกลิ่นหอมโชยมาปะทะจมูก อวิ๋นหลิงชิมไปสองสามคำตามมารยาท กลิ่นหอมเย้ายวนใจชวนให้อร่อยอย่างน่าประหลาดใจ และไม่เลี่ยนเลยสักนิด
“เสด็จพี่ทำน้ำแกงฝีมือเลิศเลอ เสน่ห์ปลายจวักโดยแท้ เก่งกว่าพ่อครัวในห้องเครื่องเสียอีก”
พูดจบ อวิ๋นหลิงก็ซดน้ำแกงไก่ไปครึ่งค่อนชามเพื่อพิสูจน์ว่านางไม่ใช่แค่พูดไปตามมารยาท
องค์หญิงอี๋อันระบายยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เจ้าชอบก็ดีแล้ว แต่ก่อนตอนอยู่ในจวนอ๋องไม่มีอะไรทำ ก็มักจะฝึกปรือฝีมือการทำน้ำแกงบ่อยๆ ข้าถนัดทำน้ำแกงบำรุงสุขภาพสตรีที่มีครรภ์ ถ้าน้องสะใภ้สามไม่รังเกียจ คราวหน้าข้าจะทำน้ำแกงอื่นๆ มาให้เจ้าลองชิม”
เรือนหลังของอ๋องไหวเซียงมีหญิงสาวหลายคน นางรู้สึกผิดต่อสามีเพราะไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ ดังนั้นหากบรรดาอนุในเรือนหลังตั้งครรภ์ นางก็จะพยายามดูแลอย่างเต็มที่
ฝีมือทำน้ำแกงนี้ก็ฝึกฝนมาตลอดสิบกว่าปี
หลังจากรออวิ๋นหลิงซดน้ำแกงรักษาหน้าเสร็จแล้ว องค์หญิงอี๋อันก็จับมืออวิ๋นหลิงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“น้องสะใภ้สาม พูดแล้วก็ละอายใจ กลับวังมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพาซือซือมาเยี่ยมชมตำหนักบูรพา หากเสียมารยาทไปบ้าง โปรดอย่าถือสา”
ความจริงในช่วงสิบกว่าวันนับตั้งแต่กลับวังมา นางอยากจะพาโม่อี้ซือมาทักทายที่ตำหนักบูรพาตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะดูจากอารมณ์หรือเหตุผลนี่เป็นสิ่งที่พึงกระทำ
เพียงแต่ว่าอวิ๋นหลิงมาเร็วมากทุกวัน ทำให้นางไม่มีโอกาสก้าวออกจากตำหนักโยวซินก่อนเลยแม้แต่น้อย
องค์หญิงอี๋อันตื่นเช้าจนเคยชิน แต่โม่อี้ซือเพิ่งจะสิบห้าปี เด็กในวัยนี้มักจะชอบนอนขี้เซา ปลุกให้ตื่นแต่เช้าทุกวันคงเป็นเรื่องยาก
ทุกครั้งที่พยายามปลุกโม่อี้ซือให้ตื่น อีกฝ่ายจะงัวเงียตาปรือ หลังจากแต่งตัวเสร็จด้วยความมึนงง อวิ๋นหลิงก็เข้ามาเยี่ยมเสียก่อน
ใบหน้าองค์หญิงอี๋อันผ่อนคลายลง แล้วเหลือบมองโม่อี้ซืออย่างบอกเป็นนัย
ฝ่ายหลังก็เข้าใจ กัดริมฝีปากแล้วคำนับอวิ๋นหลิงก่อนกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยพระชายารัชทายาทที่ไม่ถือสาความผิดพลาดของซือซือ อีกทั้งยินดีออกโรงช่วยเหลือ”
อวิ๋นหลิงกล่าวตามมารยาท “เจ้ายังเด็ก อารมณ์ยังไม่ค่อยมั่นคง ทำผิดพลาดไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
องค์หญิงอี๋อันฟังแล้วก็อดมองประเมินตำหนักของอวิ๋นหลิงอย่างละเอียดอีกครั้งไม่ได้
หลังจากนางมาตำหนักบูรพาในวันนี้ จึงรู้ว่าสิ่งของที่กรมวังส่งมาก่อนหน้านั้นทั้งงดงามและมีค่าเพียงใด เครื่องประดับตกแต่งในตำหนักบูรพานั้นยังเทียบกับของในตำหนักโยวซินไม่ได้เลย
นึกถึงว่านางเคยสุขุมนุ่มลึกเพียงใด องค์หญิงอี๋อันก็รู้สึกละอายใจ
“เฮ้อ ข้าสอนเด็กคนนี้ได้ไม่ดีนัก...น้องสะใภ้สาม ตอนนี้เจ้าสนิทกับข้ามากที่สุดในวังแห่งนี้ ข้าเองก็เล่าอย่างไม่อาย แต่กลัวจะทำให้เจ้าขบขัน”
“พวกเราสองแม่ลูกอยู่ที่เซียงโจวมาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นอะไรดีๆ เลย และก็ไม่เคยมีใครเห็นความสำคัญด้วย ดังนั้นช่วงสองสามวันนี้จึงดีใจจนตัวลอยไปบ้าง แม้แต่ข้าก็ตาลายกับของที่เจ้าส่งมา มิน่าที่จู่ๆ เด็กคนนี้จะเกิดความโลภไปชั่วขณะ”
โม่อี้ซือได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็เดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง
เดิมคิดว่ามารดาแค่มีน้ำโหเฉยๆ ดุด่าว่ากล่าวก็แล้วกันไป ไม่นึกว่านางจะเปิดเผยข้อผิดพลาดของตนต่อหน้าคนนอก
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนพวงแก้มร้อนผ่าว ไม่กล้ามองอวิ๋นหลิงด้วยซ้ำ จนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไป
จากนั้นนางก็หายใจถี่กระชั้น จวนเจียนจะร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...