พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 808

กว่าหลายคนจะพูดจบก็ปาเข้าไปเกือบจะยามจื่อเที่ยงคืนแล้ว

หลังจากส่งมอบงานสำคัญอย่างก่อตั้งหนังสือพิมพ์ให้หลงเย่กับสามี อวิ๋นหลิงก็รู้สึกผ่อนคลายเหลือแสน ล่วงเข้าสู่ห้วงนิทราหลับสนิท

จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ยามตะวันสายโด่งนางจึงค่อยตื่นนอนอย่างเหนื่อยล้า

นางไม่ได้แวะไปทักทายที่ตำหนักโยวซินเหมือนดังเคย แต่ก่อนกินอาหารกลางวัน องค์หญิงอี๋อันได้พาโม่อี้ซือมาเยี่ยมเยียนที่ตำหนักบูรพาเป็นการส่วนตัว

ขณะที่ตงชิงรายงานข่าวคราว ก็รายงานข่าวที่ได้ยินมาเมื่อวานกับอวิ๋นหลิงอย่างเงียบๆ

“เมื่อวานนี้หลังจากที่ท่านกับรัชทายาทกลับมายังตำหนักบูรพา พระเจ้าหลวงพบกับองค์หญิงอี๋อันและลูกสาวเพียงลำพังในตำหนักฉางหนิง ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน พอองค์หญิงอี๋อันกลับถึงตำหนักโยวซิน ก็สั่งสอนโม่อี้ซือไปพักหนึ่ง ได้ยินว่านางร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องทั้งคืน!”

อวิ๋นหลิงฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ด้วยนิสัยอ่อนโยนขององค์หญิงอี๋อันและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับโม่อี้ซือ นางยังคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นมารดาที่รักและให้ท้ายลูกเสียอีก

ไม่นึกว่าลูกสาวของผู้มีคุณจะสั่งสอนให้บทเรียนจนโม่อี้ซือร้องไห้ทั้งคืน ดูท่าคำตักเตือนอบรมจะไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

เป็นดังที่คาดไว้ เมื่อเหล่านางกำนัลพาองค์หญิงอี๋อันกับลูกสาวมานั้น นัยน์ตาของโม่อี้ซือยังคงบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด นางก้มหน้าลงดูท่าทางกลัดกลุ้ม เดินตามอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปย่อกายคำนับให้อวิ๋นหลิง

“เสด็จพี่กับซือซือมาได้อย่างไร ไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งลงเถิด ตงชิงรีบไปชงชา แล้วบอกให้ทางห้องเครื่องเพิ่มอาหารมื้อกลางวันด้วย!”

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มละไมอย่างเป็นมิตร ลุกขึ้นยืนกำลังจะก้าวเข้าไปรับหน้าทักทาย แต่องค์หญิงอี๋อันก้าวมาจับไหล่อวิ๋นหลิงเสียก่อน ทำให้นางชะงักไป

“น้องสะใภ้สามไม่ต้องวุ่นวายไป พวกเรากินข้าวเที่ยงมาจากตำหนักโยวซินแล้ว ยากนักที่ตอนเช้าจะมีเวลาว่าง ข้าจึงตุ๋นน้ำแกงไก่แก่ที่ช่วยบำรุงสุขภาพมาให้เจ้าเป็นพิเศษ ดื่มสักชามก่อนกินข้าวจะช่วยเจริญอาหาร”

กล่าวจบ องค์หญิงอี๋อันก็รับกล่องอาหารจากนางกำนัลที่ตามมา แล้วตักน้ำแกงให้อวิ๋นหลิงด้วยตนเอง

น้ำแกงไก่สีใสมีกลิ่นหอมโชยมาปะทะจมูก อวิ๋นหลิงชิมไปสองสามคำตามมารยาท กลิ่นหอมเย้ายวนใจชวนให้อร่อยอย่างน่าประหลาดใจ และไม่เลี่ยนเลยสักนิด

“เสด็จพี่ทำน้ำแกงฝีมือเลิศเลอ เสน่ห์ปลายจวักโดยแท้ เก่งกว่าพ่อครัวในห้องเครื่องเสียอีก”

พูดจบ อวิ๋นหลิงก็ซดน้ำแกงไก่ไปครึ่งค่อนชามเพื่อพิสูจน์ว่านางไม่ใช่แค่พูดไปตามมารยาท

องค์หญิงอี๋อันระบายยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เจ้าชอบก็ดีแล้ว แต่ก่อนตอนอยู่ในจวนอ๋องไม่มีอะไรทำ ก็มักจะฝึกปรือฝีมือการทำน้ำแกงบ่อยๆ ข้าถนัดทำน้ำแกงบำรุงสุขภาพสตรีที่มีครรภ์ ถ้าน้องสะใภ้สามไม่รังเกียจ คราวหน้าข้าจะทำน้ำแกงอื่นๆ มาให้เจ้าลองชิม”

เรือนหลังของอ๋องไหวเซียงมีหญิงสาวหลายคน นางรู้สึกผิดต่อสามีเพราะไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ ดังนั้นหากบรรดาอนุในเรือนหลังตั้งครรภ์ นางก็จะพยายามดูแลอย่างเต็มที่

ฝีมือทำน้ำแกงนี้ก็ฝึกฝนมาตลอดสิบกว่าปี

หลังจากรออวิ๋นหลิงซดน้ำแกงรักษาหน้าเสร็จแล้ว องค์หญิงอี๋อันก็จับมืออวิ๋นหลิงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“น้องสะใภ้สาม พูดแล้วก็ละอายใจ กลับวังมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพาซือซือมาเยี่ยมชมตำหนักบูรพา หากเสียมารยาทไปบ้าง โปรดอย่าถือสา”

ความจริงในช่วงสิบกว่าวันนับตั้งแต่กลับวังมา นางอยากจะพาโม่อี้ซือมาทักทายที่ตำหนักบูรพาตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะดูจากอารมณ์หรือเหตุผลนี่เป็นสิ่งที่พึงกระทำ

เพียงแต่ว่าอวิ๋นหลิงมาเร็วมากทุกวัน ทำให้นางไม่มีโอกาสก้าวออกจากตำหนักโยวซินก่อนเลยแม้แต่น้อย

องค์หญิงอี๋อันตื่นเช้าจนเคยชิน แต่โม่อี้ซือเพิ่งจะสิบห้าปี เด็กในวัยนี้มักจะชอบนอนขี้เซา ปลุกให้ตื่นแต่เช้าทุกวันคงเป็นเรื่องยาก

ทุกครั้งที่พยายามปลุกโม่อี้ซือให้ตื่น อีกฝ่ายจะงัวเงียตาปรือ หลังจากแต่งตัวเสร็จด้วยความมึนงง อวิ๋นหลิงก็เข้ามาเยี่ยมเสียก่อน

ใบหน้าองค์หญิงอี๋อันผ่อนคลายลง แล้วเหลือบมองโม่อี้ซืออย่างบอกเป็นนัย

ฝ่ายหลังก็เข้าใจ กัดริมฝีปากแล้วคำนับอวิ๋นหลิงก่อนกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยพระชายารัชทายาทที่ไม่ถือสาความผิดพลาดของซือซือ อีกทั้งยินดีออกโรงช่วยเหลือ”

อวิ๋นหลิงกล่าวตามมารยาท “เจ้ายังเด็ก อารมณ์ยังไม่ค่อยมั่นคง ทำผิดพลาดไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ”

องค์หญิงอี๋อันฟังแล้วก็อดมองประเมินตำหนักของอวิ๋นหลิงอย่างละเอียดอีกครั้งไม่ได้

หลังจากนางมาตำหนักบูรพาในวันนี้ จึงรู้ว่าสิ่งของที่กรมวังส่งมาก่อนหน้านั้นทั้งงดงามและมีค่าเพียงใด เครื่องประดับตกแต่งในตำหนักบูรพานั้นยังเทียบกับของในตำหนักโยวซินไม่ได้เลย

นึกถึงว่านางเคยสุขุมนุ่มลึกเพียงใด องค์หญิงอี๋อันก็รู้สึกละอายใจ

“เฮ้อ ข้าสอนเด็กคนนี้ได้ไม่ดีนัก...น้องสะใภ้สาม ตอนนี้เจ้าสนิทกับข้ามากที่สุดในวังแห่งนี้ ข้าเองก็เล่าอย่างไม่อาย แต่กลัวจะทำให้เจ้าขบขัน”

“พวกเราสองแม่ลูกอยู่ที่เซียงโจวมาหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นอะไรดีๆ เลย และก็ไม่เคยมีใครเห็นความสำคัญด้วย ดังนั้นช่วงสองสามวันนี้จึงดีใจจนตัวลอยไปบ้าง แม้แต่ข้าก็ตาลายกับของที่เจ้าส่งมา มิน่าที่จู่ๆ เด็กคนนี้จะเกิดความโลภไปชั่วขณะ”

โม่อี้ซือได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็เดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง

เดิมคิดว่ามารดาแค่มีน้ำโหเฉยๆ ดุด่าว่ากล่าวก็แล้วกันไป ไม่นึกว่านางจะเปิดเผยข้อผิดพลาดของตนต่อหน้าคนนอก

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนพวงแก้มร้อนผ่าว ไม่กล้ามองอวิ๋นหลิงด้วยซ้ำ จนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไป

จากนั้นนางก็หายใจถี่กระชั้น จวนเจียนจะร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ