พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 813

สรุปบท ตอนที่ 813 ถวนถวนอยากไปโรงเรียนอนุบาล: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนที่ 813 ถวนถวนอยากไปโรงเรียนอนุบาล – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 813 ถวนถวนอยากไปโรงเรียนอนุบาล จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อเห็นร่างของเซียวปี้เฉิง ดวงตากลมโตของฮั่วถวนก็เป็นประกายขึ้นมา กระโจนเข้ามากอดขาของเขาเอาไว้

“ท่านพ่อ ถวนถวนก็อยากจะไปโรงเรียนอนุบาลเหมือนกัน”

เซียวปี้เฉิงว่างแก้วน้ำชาลง บีบแก้มที่คล้ายกับขนมข้าวเหนียวของเขา เอ่ยอย่างขำขันว่า “เจ้าตัวกะเปี๊ยก ไปฟังคำว่าโรงเรียนอนุบาลมาจากไหน เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือสถานที่อะไร”

“ถวนถวนย่อมรู้อยู่แล้ว โรงเรียนอนุบาลก็คือสถานที่ที่สามารถเล่นกับเพื่อนเด็กๆอีกมากมาย พี่นั่วเอ๋อร์เป็นคนบอกข้าเอง”

หลายวันมานี้”โรงเรียนอนุบาล”เป็นข่าวครึกโครมในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ราชสำนักได้ทำการปล่อยข่าวออกไปก่อนบางส่วน แจ้งให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้าว่าครึ่งปีหลังจะมีการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลขึ้นมาใหม่

ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง จะทำการประกาศในช่วงปลายเดือนเจ็ด ในหนังสือพิมพ์เหมืองหลวงของแคว้นต้าโจว

ตอนนี้นั่วเอ๋อร์เข้าออกวังหลวงบ่อยมาก และเสิ่นชิ่นก็เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบในงานที่เกี่ยวข้อง เด็กหญิงตัวน้อยย่อมรู้ว่าโรงเรียนอนุบาลคืออะไร อีกทั้งยังอยากจะไปโรงเรียนอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว

ลูกทั้งสองคนอยู่ในวังทั้งวัน ไม่มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน และค่อนข้างจะโหยหาโลกภายนอก

เพราะเหล่าองค์ชายมากมายในรุ่นของเซียวปี้เฉิง ส่วนใหญ่ยังไม่มีทายาท

นอกจากนั่วเอ๋อร์ที่เป็นเด็กวัยเดียวกันแล้ว ก็มีแต่เสี่ยวหนีชิวที่เป็นลูกชายของรุ่ยอ๋องและหรงฉาน เดือนหน้าจึงจะครบขวบปี

ยังมีลูกสาวของฉู่อวิ๋นเจ๋อกับเวินหวยหยูที่ชื่อเสี่ยวเหนียนเกา ตอนนี้ก็เพิ่งจะอายุเจ็ดเดือน เป็นเด็กทารกที่ห่างจากแม่ไม่ได้

หลังจากกู้จื่ออวี๋จากไปแล้ว เด็กทั้งสองคนก็ยิ่งเก็บความรู้สึกที่อยากจะออกไปค้นหาโลกกว้างไว้ไม่อยู่

เซียวปี้เฉิงอุ้มฮั่วถวนขึ้นมาไว้ในอ้อมอก “ภายหน้าเจ้ากับเสวี่ยถวนต้องไปโรงเรียนอนุบาลอย่างแน่นอน แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้ ต้องรอให้พวกเจ้าครบสามขวบแล้วจึงจะไปได้”

เด็กสองคนนี้อีกไม่กี่เดือนก็จะครบสองขวบแล้ว รอให้ถึงเดือนเก้าของปีหน้า เป็นเวลาที่จะได้เข้าเรียนพอดี

“แล้วเมื่อไหร่ถวนถวนถึงจะอายุครบสามขวบเล่า” ฮั่วถวนหดตัวอยู่ในอ้อมอก ทำหน้าย่น ทำปากยื่นพลางนับนิ้วที่อ้วนสั้นของตัวเอง “หนึ่ง......สอง......สาม......”

เซียวปี้เฉิงอธิบายอย่างอดทนว่า “รอให้ถึงเวลานี้ของปีหน้า เจ้ากับน้องชายก็ครบสามขวบแล้ว”

“แล้วปีหน้าคือเมื่อไหร่เล่า”

“ปีหน้า......เอ่อ......ก็หมายความว่าปีหน้า......”

เมื่อเผชิญต่อคำถามมากมายของฮั่วถวน เซียวปี้เฉิงก็รู้สึกรับมือไม่ทันไปชั่วขณะ เกรงว่าถ้าเขาถามขึ้นมาอีกจะไม่จบไม่สิ้น รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

“เอาเป็นว่าเจ้ากับน้องชายจะครบสามขวบในเร็วๆนี้แล้ว ถึงตอนนั้นก็สามารถเล่นกับเพื่อนๆอีกมากมายทีเดียว”

ฮั่วถวนทำปากยื่น เอ่ยอย่างเบื่อหน่ายว่า “แต่ถวนถวนอยากจะไปเร็วๆนี่นา”

เวลานี้เอง เสวี่ยถวนที่นั่งกินน้ำผลไม้อยู่เงียบๆที่มุมห้อง ลุกขึ้นค่อยๆเดินไปข้างกายอวิ๋นหลิง เงยหน้าขาวๆและนุ่มนวลขึ้นมา มองนางด้วยดวงตาดำขลับกลมโตอย่างไร้พิษภัย

แม้ว่าลูกชายจะไม่พูด อวิ๋นหลิงกลับเข้าใจความคิดของเสวี่ยถวนอย่างชัดเจน

“เจ้าก็อยากจะไปโรงเรียนอนุบาลหรือ”

เสวี่ยถวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง สายตาเผยแววคาดหวัง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ้อแอ้ว่า

“ท่านแม่ส่งถวนถวนกับพี่ชายไปที่โรงเรียนอนุบาลได้หรือไม่ ถวนถวนจะเชื่อฟัง ไม่รังแกเพื่อนคนอื่นๆ ยังช่วยท่านแม่ขายหนังสือพิมพ์ด้วย ขายหนังสือพิมพ์แลกเงิน ให้ท่านพ่อกับท่านแม่ซื้อขนมกิน”

อวิ๋นหลิงได้ยินก็รู้สึกมีความสุขมาก อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้ศีรษะเล็กๆของเขาสองสามที

เห็นเพียงบนฝ่ามืออ้วนๆของฮั่วถวน มีเปลวไฟที่ใหญ่เท่ากับเมล็ดถั่วเหลืองล่องลอยอยู่ โยกไปทางซ้ายทีขวาทีโดยไม่มีลมพัด

สีหน้าของอวิ๋นหลิงดำคล้ำลงทันที

พลังจิตของลูกคนนี้ถูกนางสะกดให้หลับใหลอยู่ตลอดมามิใช่หรือ มีการพัฒนาจนสามารถถึงขั้นทะลวง”ปิดผนึก”ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ฮั่วถวนไม่อวดดียังดีหน่อย พอทำเช่นนี้ นางที่เป็นแม่ก็ยิ่งไม่วางใจที่จะให้ลูกไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว

ถ้าหากวันดีคืนดีไม่ทันสังเกตเห็น เผาโรงเรียนอนุบาลจะทำอย่างไร

อวิ๋นหลิงนวดขมับอย่างรู้สึกปวดหัว น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นหลายส่วน “เจ้าเรียนรู้การทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แอบเล่นไฟลับหลังแม่อยู่บ่อยๆใช่หรือไม่”

นางค่อนข้างวางใจในตัวเสวี่ยถวน ตอนที่อีกฝ่ายอายุหนึ่งขวบ ก็ไม่ได้มีการควบคุมพลังจิตของเขาแล้ว

แต่ความสามารถของฮั่วถวนอันตรายเกินไป ทั้งยังเป็นคนนิสัยลุกลี้ลุกลน อวิ๋นหลิงไม่เคยผ่อนปรนพลังในการควบคุมเลย

แต่ตอนนี้ ฮั่วถวนได้ทำลายการควบคุม แต่นางกลับไม่ทันสังเกตเห็นเลย

ฮั่วถวนกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงไม่ชื่นชมตนเอง

แม้จะรู้สึกช้า แต่ก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของอวิ๋นหลิงที่มีในตอนนี้ จึงเอ่ยตอบด้วยท่าที่ว่านอนสอนง่ายว่า “เรียนรู้ตอนที่ท่านพ่อบอกว่าในท้องของท่านแม่มีน้องสาวอยู่ แต่ถวนถวนไม่ได้แอบเล่นไฟนะ ท่านปู่ทวดบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ ถวนถวนเชื่อฟังมากนะ”

เส้นเอ็นที่ขมับของเซียวปี้เฉิงเต้นแรงขึ้นมาทันที

ความหมายของฮั่วถวนก็คือ พระเจ้าหลวงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอวิ๋นหลิง”ปิดผนึก”เจ้าลูกคนนี้เอาไว้ไม่ได้ แต่ก็ปิดบังพวกเขาเอาไว้ไม่ยอมบอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ