สรุปเนื้อหา ตอนที่ 815 พี่ฉิงเจอเข้ากับพวกค้ามนุษย์ – พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali
บท ตอนที่ 815 พี่ฉิงเจอเข้ากับพวกค้ามนุษย์ ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายโรแมนติกโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anchali อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
พระเจ้าหลวงพอใจกับท่าทีตกตะลึงของทั้งสองสามีภรรยามาก เอ่ยอย่างได้ใจว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เหลนของข้าทั้งสองคนร้ายกาจมากใช่ไหม ฟังที่ข้าเตือนสักครั้ง ให้เด็กสองคนนี้เริ่มเรียนเร็วหน่อยจะดีกว่า ต้องชนะตั้งแต่เริ่มต้นจึงจะดี”
เขารู้สึกชอบเด็กสองคนนี้มาก แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ตั้งแต่ที่ออกมาจากครรภ์มารดา ก็ไม่เคยมีพฤติกรรมทะเลาะเบาะแว้งกันเลย
ฮั่วถวนกับเสวี่ยถวนเหมือนคนคนเดียวกัน ทั้งสองเหมือนมีจิตที่สื่อถึงกันได้ ในหลายๆเรื่องล้วนใจตรงกันโดยปริยาย
บางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างลูกแฝดกับลูกคนเดียว
ดังนั้นพระเจ้าหลวงจึงรู้สึกหวั่นไหวอยู่ลึกๆ จักรพรรดิอีกสองอันดับถัดไปอาจจะสามารถเลือกจากหนึ่งในสองพี่น้องนี้ได้
แต่จะให้เลือกพี่ชายหรือน้องชายนั้น ก็ต้องดูกันไปยาวๆ
อวิ๋นหลิงได้สติกลับมาจากความตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของลูกชายทั้งสองคน ในใจเกิดความรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจ
เมื่อพบกับสายตาที่คาดหวังของพวกเขา นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยปากเห็นด้วยกับเรื่องนี้
“เสด็จปู่พูดถูก เด็กสองคนนี้อัจฉริยะ และอยู่ในวังนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ เพียงแต่เข้าเรียนตั้งแต่สองขวบนั้นเร็วเกินไป รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าพวกเขาอายุครบสองขวบครึ่งแล้ว ค่อยส่งไปที่โรงเรียนอนุบาลเถอะ และก่อนจะถึงตอนนั้นสามารถให้คนพาพวกเขาไปเล่นที่โรงเรียนอนุบาลบ่อยๆได้ เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา”
แม้ว่าลูกทั้งสองคนจะเป็นอัจฉริยะ แต่รูปร่างยังเล็กเกินไป ไม่แน่ว่าจะสามารถดูแลตัวเองได้ บางครั้งเวลาเดินยังไม่มั่นคงเลย
เซียวปี้เฉิงก็ตื่นเต้นกับความสามารถที่โดดเด่นของลูกชายทั้งสองคน รีบพยักหน้าตัดสินใจทันที “ตกลงตามนี้แล้วกัน หลังจากที่โรงเรียนอนุบาลเปิดแล้ว ก็ให้เฉียวเย่พาพวกเขาไปโรงเรียนอนุบาลสองวันครั้ง ไปทำความคุ้นเคยก่อนค่อยว่ากันอีกที”
ทางด้านโรงเรียนอนุบาล ถึงเวลาจะมีซวงหลีและเสิ่นชิ่นอยู่ เรื่องการดูแลลูกทั้งสองคนนี้สามารถวางใจได้
อีกอย่างลูกชายของเฉียวเย่ก็สี่ขวบครึ่งแล้ว ถึงเวลาจะเข้าเรียนในห้องอนุบาลสอง ถ้ามอบหมายงานให้อีกฝ่าย เขาก็จะมีเวลาอยู่กับลูกได้มากขึ้น
เด็กทั้งสองคนฟังราวกับเข้าใจแต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ รู้เพียงแค่ว่าไม่นานก็จะสามารถไปเล่นกับเพื่อนๆที่โรงเรียนอนุบาลหลวงแล้ว ดีใจจนร้องตะโกนออกมา น้ำลายกระเซ็นไปหมด
ช่วงนี้โรงเรียนอนุบาลหลวงเป็นที่พูดถึงการอย่างมาก อวิ๋นหลิงนอกจากจะเตรียมข้อสอบรับสมัครนักเรียนของสำนักศึกษาชิงอี้แล้ว เวลาที่เหลือก็ใช้ไปกับความคืบหน้าในการสร้างโรงเรียนอนุบาลเอกชน
ซวงหลีพาเสิ่นชิ่นเข้าเดินทางเข้าวังพร้อมกัน ทำการรายงานความคืบหน้าคร่าวๆ
เมื่อเทียบกับโรงเรียนอนุบาลหลวงแล้ว การสร้างโรงเรียนอนุบาลเอกชนมีปัญหาและอุปสรรคมากกว่า
ก่อนหน้านี้ซวงหลีได้รับคำสั่งและช่วยงานอยู่ที่กรมคลังพักใหญ่ ได้ทำการรวบรวมจำนวนเด็กที่มีอายุถึงเกณฑ์ในเมืองหลวงโดยเฉพาะ
“พระชายารัชทายาท หม่อมฉันทำการคำนวณคร่าวๆแล้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงมีเด็กที่อายุถึงเกณฑ์ในการเข้าเรียนไม่ถึงสี่หมื่นคน ถ้าหากทำตามที่ท่านว่าไว้คือสี่ร้อยคนต่อหนึ่งโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องมีโรงเรียนอนุบาลถึงหนึ่งร้อยแห่ง ก็สามารถจัดสรรได้อย่างเหมาะสมแล้ว”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า
สมัยโบราณมีการให้กำเนิดลูกจำนวนมาก แต่อัตราการตายก่อนวัยอันควรในเด็กก็มีค่อนข้างสูง สามารถเติบโตอย่างแข็งแรงจนถึงสามขวบนั้นมีไม่มาก
หากรวบรวมคร่าวๆ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของจำนวนประชากรทั้งหมดในเมืองหลวง ตอนนี้ราชสำนักของแคว้นต้าโจวร่ำรวยขึ้นแล้ว คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์เช่นนี้จะดีขึ้นมาในอนาคต
ส่วนเสิ่นชิ่นนั้นรับผิดชอบในการตรวจสอบจำนวนเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นางเอ่ยว่า “ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเมืองหลวง เด็กที่มีอายุตั้งแต่สามขวบจนถึงเจ็ดขวบน่าจะมีประมาณสองถึงสามพันคน เก้าในสิบนั้นเป็นเด็กผู้หญิง”
ดังนั้นอวิ๋นหลิงจึงรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ายังมีเด็กในช่วงอายุอื่นๆต้องเลี้ยงดู การเป็นนายหน้าเป็นการขายขาดในครั้งเดียว เก็บค่าเช่ากับรับเงินเดือนที่มั่นคงไม่ดีกว่าหรือ
หรือว่าจะได้รับผลกระทบจากความคิดที่ว่า”เด็กผู้หญิงเรียนหนังสือไปก็ไร้ประโยชน์”จริงๆ
“เรื่องนี้น่าแปลกอยู่บ้าง ซวงหลี เจ้าให้ท่านอ๋องจินลองตรวจสอบดูอย่างลับๆ ดูว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งสิบแห่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ซวงหลีพยักหน้า ไม่นานก็จากไปพร้อมกับเสิ่นชิ่น
ทั้งสองคนเพิ่งจะออกไป อีกคนก็เดินเข้ามาในตำหนักบูรพาด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบ
อวิ๋นหลิงเห็นคนที่เดินเข้ามา ก็เอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ “พี่ฉิง ทำไมพี่จึงไปหลายวันนัก ไปลักพาตัวท่านปู่งูเหลือมกลับมาได้แล้วหรือ”
คนที่มาคือหลิวฉิง เห็นร่างของนางสกปรกมอมแมม รองเท้าที่สวมอยู่ก็ขาดเป็นรูหลายรู ทั้งดำและผอมโซ
หลิวฉิงพยักหน้า รับน้ำชาที่นางยื่นมาให้และดื่มรวดเดียวจนหมด พอเอ่ยปากประโยคแรกกลับไม่ได้พูดถึงท่านปู่งูเหลือม
“ที่ฉันเสียเวลาระหว่างเดินทางไปเจ็ดแปดวัน ก็เพราะระหว่างที่เดินทางกลับเมืองหลวงได้พบเข้ากับกลุ่มค้ามนุษย์โดยไม่ตั้งใจ พวกเขาพบฉันในถิ่นทุรกันดาร คิดว่าฉันเป็นหญิงขอทานที่ตกอับ อยากจะจับฉันไปขาย ฉันจึงใช้แผนซ้อนแผนเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น และช่วยเหลือสาวน้อยสิบคนจากรังโจรของพวกมันได้โดยบังเอิญ”
ผู้หญิงเหล่านั้นล้วนถูกส่งให้ไปอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง อายุน้อยสุดคือสี่ห้าขวบ มากสุดมีสิบสองสิบสามปี ท่าทีสับสนมึนงงนั้นเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พอเอ่ยถาม ล้วนบอกว่ามาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมืองหลวง จะไปเป็นสาวรับใช้ในตระกูลใหญ่ที่อยู่นอกเมืองหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...