พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 828

หลิวฉิงนั่งในขณะที่รู้สึกเจ็บ พลิกบัญชีแล้วบอกรายละเอียดการบริหารจัดการสวนสัตว์ให้อวิ๋นหลิงฟัง

“ข้าขายบัตรเข้าชมถูก แค่คนละสิบเหวินเท่านั้น ต่อให้มีนักท่องเที่ยวหนึ่งหมื่นคนต่อวัน ก็จะมีรายได้ค่าเข้าชมแค่หนึ่งร้อยตำลึง ตอนนี้อาศัยการแสดงของสัตว์ทำเงิน และผู้ที่ทำเงินสูงสุดในช่วงนี้คือ...ท่านปู่งูเหลือม”

เพราะหลิวฉิงอยากให้ปุถุชนสามัญสามารถเข้าเที่ยวชมสวนสัตว์ได้ จึงกำหนดราคาต่ำมาก

ส่วนจะสร้างรายได้อย่างไร ก็ย่อมต้องดูดเงินจากกระเป๋าคนรวยอยู่แล้ว

การแสดงสร้างรายได้ที่ว่าก็เหมือนการถ่ายรูปและป้อนอาหารสัตว์ในยุคปัจจุบัน

ทว่ายุคนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป จึงให้นักท่องเที่ยวป้อนอาหารสัตว์และลูบจับ

ซึ่งกำหนดราคาค่อนข้างสูงมาก เริ่มต้นกันที่หลายสิบตำลึงกันเลยทีเดียว คือเป็นการหาเงินกับพวกเศรษฐีและผู้เรืองอำนาจโดยแท้จริง

ถึงแม้สวนสัตว์ยังมีสัตว์ประเภทอื่นที่หลิวฉิงจับมา อาทิเช่น ลิง กระรอกเป็นต้น ทว่าคนส่วนใหญ่เข้าใช้บริการเพราะเทพอสูรทั้งสี่ โดยเฉพาะท่านปู่งูเหลือม

หลิวฉิงอุทาน “ลำพังงูแก่ๆอย่างมันก็สร้างรายได้หนึ่งหมื่นตำลึงให้พวกเราแล้ว เป็นรายได้เศษหนึ่งส่วนสามเลย นับจากวันที่เปิดกิจการมา จุดที่ข้าสร้างให้ยืนชมดู มีคนเข้าแถวตรงนั้นกันเต็มเลย”

ทุกครั้งที่ดูบัญชี นางมักจะรู้สึกว่าคุ้มค่ากับความลำบากจริงๆ

โชคดีที่นางหนักแน่นที่จะเชิญท่านปู่งูเหลือมมาให้ได้ ท่านปู่งูเหลือมบำเพ็ญเป็นเซียนสำเร็จ คงจะไปเป็นเทพมั่งคั่งกระมัง?

อวิ๋นหลิงแค่ฟังหลิวฉิงเล่าคร่าวๆก็พอจะจินตนาการภาพอันครื้นเครงได้ จึงเริ่มกังวลสภาพจิตใจของท่านปู่งูเหลือมขึ้นมา

“ตอนนี้ท่านปู่งูเหลือมเป็นอย่างไรบ้าง เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่? ถ้าเป็นขึ้นมาต้องให้พี่ใหญ่ไปรักษาโดยด่วนนะ ท่านปู่งูเหลือมเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวหลัก จะให้ล้มป่วยไม่ได้”

“วางใจเถิด เขาเป็นตาเฒ่าอายุเกือบร้อยปีแล้ว ยังไม่เคยเจอมรสุมแบบไหนอีก การประเคนความสำรวญแก่นักท่องเที่ยวเป็นเรื่องจิ๊บจ๋อยอยู่แล้ว”

หลิวฉิงพูดความจริง ท่านปู่งูเหลือมไม่มีอาการวิตกกังวลแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยชอบพบปะผู้คน

มันนอนขดตัวทุกวัน ท่าทางราวกับนกกระจอกเทศที่มุดหัวใต้ร่างกายไม่มีผิด

ถ้าถึงเวลาเลิกงานแล้วปลอดคน มันก็จะเลื้อยออกจากสวนสัตว์ไปผ่อนคลาย ฟ้าสว่างแล้วจึงจะกลับรัง

เซียวปี้เฉิงได้ยินก็ถามด้วยความแปลกใจ “แต่ท่านปู่งูเหลือมบอกว่าไม่ทำการแสดงแลกเงินไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงทำเงินเยอะเพียงนี้?”

“ข้าวางรูปปั้นหินหน้าประตู มีประชาชนเอาธูปเอาของ มาเซ่นไหว้กันเยอะ ทั้งยังพาไก่ เป็ดตัวเป็นๆมาเซ่นไหว้ด้วย ท่านปู่กินไม่หมดก็จะแบ่งให้พวกเจ้าเสือขี้แย ประหยัดค่าอาหารหยัดได้เยอะทีเดียว”

ท่านปู่งูเหลือมในฐานะกลัวคนเยอะๆ ไม่มีทางให้คนแปลกหน้าลูบจับใกล้ๆ ขนาดยืนดูยังต้องห่างสิบกว่าเมตรเลย

ทว่าก็ไม่เป็นอุสรรคในการอยากเที่ยวชมของประชาชน ล้วนประเคนเงินโดยสมัครทั้งสิ้น

หลิวฉิงยังทำป้ายประกาศตามคำแนะนำของหลงเย่ โดยจะติดรายชื่อผู้มีจิตศรัทธาที่มีเครื่องเซ่นไหว้และกับเงินบูชาสูงสุดสิบคน และจะติดประกาศข้อมูลใหม่ทุกๆสิบวัน

มีเศรษฐีไม่น้อยต้องการให้ติดอันดับหนึ่ง จึงแข่งกันเซ่นไหว้ กระเป๋าเงินของหลิวฉิงจึงแน่นตามไปด้วย

เซียวปี้เฉิงได้ยินก็อยากปรบมือให้กับสองสามีภรรยาหลงเย่ ผัวเมียคู่นี้มีวิธีทำเงินได้ดีเลิศ น่านับถือยิ่ง

หลิวฉิงพลิกสมุดบัญชีพร้อมกับพูดต่อไปว่า “ท่านย่าเทพเต่ากับเจ้าเสือขี้แยทำเงินได้เจ็ดพันตำลึงกว่า ส่วนผัวเมียหงส์ไม่ค่อยกระตือรือร้นในการทำงาน ทำเงินได้เพียงสามพันกว่าตำลึง”

อวิ๋นหลิงไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเสือขี้แยจะทำเงินได้เยอะเพียงนี้ เพราะมันเป็นเหมือนแมวน้อยขี้อ้อน ใครเห็นใครรัก

แต่การที่ท่านย่าเทพเต่าทำเงินสูงเพียงนี้ มันเกินความคาดเดาของนาง

หลิวฉิงอธิบายต่อเรื่องนี้ว่า “ท่านย่าเทพเต่านิสัยดี มีไหวพริบ แล้วประชาชนก็อยากอายุยืน ดังนั้นมีคนไปเซ่นไหว้มันกันเยอะ”

เพราะเป็นถึงสัตว์มงคง เทพเต่าเชียวนะ

เซียวปี้เฉิงเห็นสีหน้ากังวลใจของนาง แม้ใบหน้าจะส่งยิ้ม ทว่าภายในใจก็มีความกังวลไม่น้อย

ช่วงนี้ไม่ใช่แค่เขา คนรอบข้างก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ

กระทั่งพระเจ้าหลวงยังมีตำหนักบูรพาบ่อยครั้งขึ้น ว่างๆก็จะมาจ้องท้องของอวิ๋นหลิง แล้วถามเขาเป็นการส่วนตัวว่าเหตุใดยังไม่คลอด สุขภาพของอวิ๋นหลิงไม่ดีตรงไหนหรือไม่

เขารู้สึกเสียดาย ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เขาควรถามตอนเฟิ่งไข่เหล็กทำนายอย่างละเอียดแล้ว

ได้รับความช่วยเหลือจากผู้สูงศักดิ์...แล้วผู้สูงศักดิ์ท่านนี้คือใคร? อยู่ตรงไหน?

……

พวกนางพี่น้องนั่งในตำหนักบูรพาทั้งวัน

เมื่อเห็นฟ้าเริ่มมืดแล้ว กลัวสามีที่บ้านจะเป็นห่วง จึงลุกขึ้นเตรียมตัวกลับจวน

ก่อนออกไปหลงเย่พูดเสียงเบาว่า “น้องสาม สามีของเจ้าเหมือนมีความลับบางอย่างต่อเจ้านะ”

นางเล่าท่าทีที่เซียวปี้เฉิงพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึก แล้วก็เตือนคำเดียว ไม่ได้พูดอย่างอื่นมาก

อวิ๋นหลิงหรี่ตา เริ่มเฝ้าสังเกตการณ์เต็มที่

จากการวิเคราะห์ของนาง ท่าทางผิดปกติของเซียวปี้เฉิงต้องเกี่ยวข้องกับเงินแน่

หลังครุ่นคิดดูแล้ว อวิ๋นหลิงก็ให้ตงชิงไปตามเฉียวเย่มา เตรียมสอบถามเป็นการส่วนตัว

เพราะลู่ฉีเป็นคนปากไม่มีหัวรูด เซียวปี้เฉิงคงไม่ให้อีกฝ่ายรู้ความลับแน่ ส่วนเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ต้องออกทำงานด้านนอกทุกวัน ดังนั้นความสัมพันธ์ของเฉียวเย่กับเซียวปี้เฉิงแน่นแฟ้นสุดแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ