หลิวฉิงนั่งในขณะที่รู้สึกเจ็บ พลิกบัญชีแล้วบอกรายละเอียดการบริหารจัดการสวนสัตว์ให้อวิ๋นหลิงฟัง
“ข้าขายบัตรเข้าชมถูก แค่คนละสิบเหวินเท่านั้น ต่อให้มีนักท่องเที่ยวหนึ่งหมื่นคนต่อวัน ก็จะมีรายได้ค่าเข้าชมแค่หนึ่งร้อยตำลึง ตอนนี้อาศัยการแสดงของสัตว์ทำเงิน และผู้ที่ทำเงินสูงสุดในช่วงนี้คือ...ท่านปู่งูเหลือม”
เพราะหลิวฉิงอยากให้ปุถุชนสามัญสามารถเข้าเที่ยวชมสวนสัตว์ได้ จึงกำหนดราคาต่ำมาก
ส่วนจะสร้างรายได้อย่างไร ก็ย่อมต้องดูดเงินจากกระเป๋าคนรวยอยู่แล้ว
การแสดงสร้างรายได้ที่ว่าก็เหมือนการถ่ายรูปและป้อนอาหารสัตว์ในยุคปัจจุบัน
ทว่ายุคนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป จึงให้นักท่องเที่ยวป้อนอาหารสัตว์และลูบจับ
ซึ่งกำหนดราคาค่อนข้างสูงมาก เริ่มต้นกันที่หลายสิบตำลึงกันเลยทีเดียว คือเป็นการหาเงินกับพวกเศรษฐีและผู้เรืองอำนาจโดยแท้จริง
ถึงแม้สวนสัตว์ยังมีสัตว์ประเภทอื่นที่หลิวฉิงจับมา อาทิเช่น ลิง กระรอกเป็นต้น ทว่าคนส่วนใหญ่เข้าใช้บริการเพราะเทพอสูรทั้งสี่ โดยเฉพาะท่านปู่งูเหลือม
หลิวฉิงอุทาน “ลำพังงูแก่ๆอย่างมันก็สร้างรายได้หนึ่งหมื่นตำลึงให้พวกเราแล้ว เป็นรายได้เศษหนึ่งส่วนสามเลย นับจากวันที่เปิดกิจการมา จุดที่ข้าสร้างให้ยืนชมดู มีคนเข้าแถวตรงนั้นกันเต็มเลย”
ทุกครั้งที่ดูบัญชี นางมักจะรู้สึกว่าคุ้มค่ากับความลำบากจริงๆ
โชคดีที่นางหนักแน่นที่จะเชิญท่านปู่งูเหลือมมาให้ได้ ท่านปู่งูเหลือมบำเพ็ญเป็นเซียนสำเร็จ คงจะไปเป็นเทพมั่งคั่งกระมัง?
อวิ๋นหลิงแค่ฟังหลิวฉิงเล่าคร่าวๆก็พอจะจินตนาการภาพอันครื้นเครงได้ จึงเริ่มกังวลสภาพจิตใจของท่านปู่งูเหลือมขึ้นมา
“ตอนนี้ท่านปู่งูเหลือมเป็นอย่างไรบ้าง เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่? ถ้าเป็นขึ้นมาต้องให้พี่ใหญ่ไปรักษาโดยด่วนนะ ท่านปู่งูเหลือมเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวหลัก จะให้ล้มป่วยไม่ได้”
“วางใจเถิด เขาเป็นตาเฒ่าอายุเกือบร้อยปีแล้ว ยังไม่เคยเจอมรสุมแบบไหนอีก การประเคนความสำรวญแก่นักท่องเที่ยวเป็นเรื่องจิ๊บจ๋อยอยู่แล้ว”
หลิวฉิงพูดความจริง ท่านปู่งูเหลือมไม่มีอาการวิตกกังวลแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยชอบพบปะผู้คน
มันนอนขดตัวทุกวัน ท่าทางราวกับนกกระจอกเทศที่มุดหัวใต้ร่างกายไม่มีผิด
ถ้าถึงเวลาเลิกงานแล้วปลอดคน มันก็จะเลื้อยออกจากสวนสัตว์ไปผ่อนคลาย ฟ้าสว่างแล้วจึงจะกลับรัง
เซียวปี้เฉิงได้ยินก็ถามด้วยความแปลกใจ “แต่ท่านปู่งูเหลือมบอกว่าไม่ทำการแสดงแลกเงินไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงทำเงินเยอะเพียงนี้?”
“ข้าวางรูปปั้นหินหน้าประตู มีประชาชนเอาธูปเอาของ มาเซ่นไหว้กันเยอะ ทั้งยังพาไก่ เป็ดตัวเป็นๆมาเซ่นไหว้ด้วย ท่านปู่กินไม่หมดก็จะแบ่งให้พวกเจ้าเสือขี้แย ประหยัดค่าอาหารหยัดได้เยอะทีเดียว”
ท่านปู่งูเหลือมในฐานะกลัวคนเยอะๆ ไม่มีทางให้คนแปลกหน้าลูบจับใกล้ๆ ขนาดยืนดูยังต้องห่างสิบกว่าเมตรเลย
ทว่าก็ไม่เป็นอุสรรคในการอยากเที่ยวชมของประชาชน ล้วนประเคนเงินโดยสมัครทั้งสิ้น
หลิวฉิงยังทำป้ายประกาศตามคำแนะนำของหลงเย่ โดยจะติดรายชื่อผู้มีจิตศรัทธาที่มีเครื่องเซ่นไหว้และกับเงินบูชาสูงสุดสิบคน และจะติดประกาศข้อมูลใหม่ทุกๆสิบวัน
มีเศรษฐีไม่น้อยต้องการให้ติดอันดับหนึ่ง จึงแข่งกันเซ่นไหว้ กระเป๋าเงินของหลิวฉิงจึงแน่นตามไปด้วย
เซียวปี้เฉิงได้ยินก็อยากปรบมือให้กับสองสามีภรรยาหลงเย่ ผัวเมียคู่นี้มีวิธีทำเงินได้ดีเลิศ น่านับถือยิ่ง
หลิวฉิงพลิกสมุดบัญชีพร้อมกับพูดต่อไปว่า “ท่านย่าเทพเต่ากับเจ้าเสือขี้แยทำเงินได้เจ็ดพันตำลึงกว่า ส่วนผัวเมียหงส์ไม่ค่อยกระตือรือร้นในการทำงาน ทำเงินได้เพียงสามพันกว่าตำลึง”
อวิ๋นหลิงไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเสือขี้แยจะทำเงินได้เยอะเพียงนี้ เพราะมันเป็นเหมือนแมวน้อยขี้อ้อน ใครเห็นใครรัก
แต่การที่ท่านย่าเทพเต่าทำเงินสูงเพียงนี้ มันเกินความคาดเดาของนาง
หลิวฉิงอธิบายต่อเรื่องนี้ว่า “ท่านย่าเทพเต่านิสัยดี มีไหวพริบ แล้วประชาชนก็อยากอายุยืน ดังนั้นมีคนไปเซ่นไหว้มันกันเยอะ”
เพราะเป็นถึงสัตว์มงคง เทพเต่าเชียวนะ
เซียวปี้เฉิงเห็นสีหน้ากังวลใจของนาง แม้ใบหน้าจะส่งยิ้ม ทว่าภายในใจก็มีความกังวลไม่น้อย
ช่วงนี้ไม่ใช่แค่เขา คนรอบข้างก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ
กระทั่งพระเจ้าหลวงยังมีตำหนักบูรพาบ่อยครั้งขึ้น ว่างๆก็จะมาจ้องท้องของอวิ๋นหลิง แล้วถามเขาเป็นการส่วนตัวว่าเหตุใดยังไม่คลอด สุขภาพของอวิ๋นหลิงไม่ดีตรงไหนหรือไม่
เขารู้สึกเสียดาย ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เขาควรถามตอนเฟิ่งไข่เหล็กทำนายอย่างละเอียดแล้ว
ได้รับความช่วยเหลือจากผู้สูงศักดิ์...แล้วผู้สูงศักดิ์ท่านนี้คือใคร? อยู่ตรงไหน?
……
พวกนางพี่น้องนั่งในตำหนักบูรพาทั้งวัน
เมื่อเห็นฟ้าเริ่มมืดแล้ว กลัวสามีที่บ้านจะเป็นห่วง จึงลุกขึ้นเตรียมตัวกลับจวน
ก่อนออกไปหลงเย่พูดเสียงเบาว่า “น้องสาม สามีของเจ้าเหมือนมีความลับบางอย่างต่อเจ้านะ”
นางเล่าท่าทีที่เซียวปี้เฉิงพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึก แล้วก็เตือนคำเดียว ไม่ได้พูดอย่างอื่นมาก
อวิ๋นหลิงหรี่ตา เริ่มเฝ้าสังเกตการณ์เต็มที่
จากการวิเคราะห์ของนาง ท่าทางผิดปกติของเซียวปี้เฉิงต้องเกี่ยวข้องกับเงินแน่
หลังครุ่นคิดดูแล้ว อวิ๋นหลิงก็ให้ตงชิงไปตามเฉียวเย่มา เตรียมสอบถามเป็นการส่วนตัว
เพราะลู่ฉีเป็นคนปากไม่มีหัวรูด เซียวปี้เฉิงคงไม่ให้อีกฝ่ายรู้ความลับแน่ ส่วนเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ต้องออกทำงานด้านนอกทุกวัน ดังนั้นความสัมพันธ์ของเฉียวเย่กับเซียวปี้เฉิงแน่นแฟ้นสุดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...