สองคนที่จับมือกันสีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันที
ไม่เคยคิดเลยว่าจู่ๆ เสนาบดีซ้ายเฟิงจะมาเยี่ยมถึงโรงยาโหยวเจียนในคืนวันแห่งความรักจีน
“เมิ่งชูคำนับท่านใต้เท้าเสนาบดีซ้าย”
หลี่เมิ่งชูจิตใจตื่นเต้น ดวงหน้าเรียวเล็กซีดเล็กน้อย บังคับตัวเองให้คารวะอีกฝ่ายอย่างสงบ
เฟิงอู๋จีหลุดจากภวังค์อย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านปู่โปรดระงับโทสะ โปรดฟังหลานอธิบายก่อน”
ถึงแม้ความสัมพันธ์จะถูกขัดขวางเร็วถึงเพียงนี้จนทำให้รู้สึกตั้งตัวไม่ติด แต่เขาก็ตระเตรียมจะสารภาพกับตระกูลในภายภาคหน้ามาตั้งนานแล้ว จึงตัดสินใจใช้เหตุไม่คาดฝันครั้งนี้บอกความจริงเรื่องของเขากับหลี่เมิ่งชู
“หุบปาก! ข้าไม่อยากฟัง เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าข้ากับตาเฒ่าหลี่อยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้ ศรศิลป์ไม่กินกัน แต่เจ้ายังดันทุรังไปคบหาดูใจกับลูกสาวตระกูลหลี่อีก! เจ้าๆๆ...เจ้าเจตนาจะยั่วโมโหข้าให้ตายเลยหรือไร!”
เสนาบดีซ้ายเฟิงจ้องมองเขม็งด้วยความฉุนจัด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เสียงแผดคำรามดังสะเทือนฟ้าได้ยินก้องไปถึงลานบ้านข้างๆ ด้วยซ้ำ
เฟิงอู๋จีรู้ว่าปู่ของเขาไม่ลงรอยกับเสนาบดีขวาหลี่ แต่ไม่นึกว่าจะเคืองแค้นฝังใจเช่นนี้ ถึงกับทำให้เสนาบดีซ้ายเฟิงผู้สุขุมสง่าผ่าเผยจะลืมตัวเสียกริยาถึงเพียงนี้
เห็นเขาหอบหายใจแรง หน้าอกสะท้อนขึ้นลง ท่าทางโงนเงนจะล้มมิลมแหล่
“ท่านปู่…”
เฟิงอู๋จีก้าวขึ้นหน้าไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งกังวลสุขภาพร่างกายของเสนาบดีซ้ายเฟิง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขากับเสนาบดีขวาหลี่มีความเคียดแค้นอะไรกันแน่
เสนาบดีซ้ายเฟิงต้องการจะพูดอะไรบ้างอย่าง แต่จนใจที่ในหัวมีเสียงดังอื้ออึงวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลอกตาสลบเหมือดไปเพราะความเดือดดาล
“ท่านปู่!”
“ใต้เท้าเสนาบดีซ้าย!”
ภายในลานชุลมุนวุ่นวาย ทั้งสองรีบเรียกเด็กโรงยาให้ยกเสนาบดีซ้ายเฟิงเข้าไปพักในเรือนให้เรียบร้อย
หลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่ยังตื่นตระหนกไม่หายกับลู่หยินซีที่ยังไม่จากไปก็ตกใจเช่นกัน
ลู่หยินซีอยู่ในอารามตกใจ เอ่ยด้วยความดูแคลน “ไฉนการแต่งงานที่คุยกับข้าเสียดิบดีจึงพังทลายลงทันที ที่แท้เฟิงอู๋จีลอบคบหากับหญิงอื่นนี่เอง ลูกสาวตระกูลหลี่นี่จริงๆ เลยคนหนึ่งชอบแก่งแย่งอีกคนหนึ่งก็ไม่อยู่ในกรอบเกณฑ์ ไม่นึกว่าคนพรรค์นี้ถึงกับได้รับความโปรดปรานจากตำหนักบูรพาเชียวหรือ”
สายตาของรัชทายาทกับพระชายาก็ไม่ค่อยจะดีนัก
หลี่เมิ่งเอ๋อร์ได้ยินถ้อยคำนี้เข้าพอดี
ครั้นรู้ว่าพี่สาวสายตรงมีใจให้ลูกอนุตระกูลเฟิง เดิมทีนางเองก็คัดค้าน แต่พอได้ยินคำวิจารณ์ที่ประชดประชันเยี่ยงนี้ นางก็เดือดพล่านเป็นไฟในทันใด
“ไม่ให้เกียรติพี่สาวข้าแล้วข้าจะให้เกียรติเจ้าได้อย่างไร ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยว่าเหมือนตัวอะไร ใบหน้ายื่นยาวตาก็เหล่ งามสู้พี่สาวข้าไม่ได้เลยสักกระผีกริ้น มิน่าที่เฟิงอู๋จีจึงยอมแสร้งทำเป็นป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงาน!”
“หลี่เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอะไร!”
จมูกของลู่หยินซีบิดเบี้ยวด้วยความโมโห นางชิงชังคนที่พูดว่านางตาตี่ที่สุด
“เห็นชัดว่าพี่สาวเจ้าไม่อยู่ในกรอบเกณฑ์ รู้ทั้งรู้ว่าตระกูลลู่กับตระกูลเฟิงหารือเรื่องการแต่งงานกันอยู่ แต่ไม่วายยังสอดมือสอดเท้าเข้าก้าวก่าย ชักนำให้เฟิงอู๋จีถอนหมั้น! หึ...ก็ไม่แปลกใจที่เจ้าจะพูดแก้ต่างให้หลี่เมิ่งชู อย่างไรเสียหญิงที่ลักลอบได้เสียก่อนแต่งงานอย่างเจ้า จะเกิดในมดลูกแม่เดียวกันกับนาง ก็ไม่น่าประหลาดใจเลย!”
แม้ว่าจะไม่ยินดีแต่งงานกับเฟิงอู๋จี แต่นางก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ที่จะได้ทีขี่แพะไล่และชมละครฉากเด็ด
หลี่เมิ่งเอ๋อร์ถูกพูดจี้ใจดำจนหน้าเผือดสีเล็กน้อย แต่พลังต่อสู้กลับฮึกเหิมเพิ่มสูงขึ้นถึงจุดสูงสุด
“ถุย! ชักนำอะไร เหลวไหลสิ้นดี ระวังท่านพญายมจะตัดลิ้นเจ้าทิ้ง! เฟิงอู๋จีเป็นนกดีต้องรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนัก เขาคงตาบอดถ้าปล่อยพี่สาวข้าหลุดมือไป แล้วมาหมั้นหมายกับหญิงอย่างเจ้าที่ไม่มีอะไรนอกจากเงินทองเน่าๆ พรสวรรค์ก็ไม่มีหน้าตาก็ขี้ริ้วขี้เหร่!”
“อีกอย่างเจ้าพูดเสียสวยหรูจริงๆ ว่าหมั้นหมายกัน แต่เรื่องราวยังไม่มีท่าทีว่าจะเกิดขึ้นเลย สำหรับเจ้าคงเป็นการถอนหมั้นมากกว่ากระมัง มาถึงขั้นขอวันเดือนปีเกิดแล้วหรือ จุดธูปเสี่ยงทายถามเหล่าทวยเทพแล้วหรือยัง”
หลี่เมิ่งเอ๋อร์ยิ้มหยัน ปะทุความเกรี้ยวกราดอย่างไม่ไว้หน้า
“ข้าว่าเจ้ากลัวที่ตัวเองอัปลักษณ์จะไม่ได้ออกเรือน จนแทบจะรอแต่งงานกับเฟิงอู๋จีไม่ไหวกระมัง ใครกันนะตอนอยู่สำนักศึกษาเป่ยลู่ ถึงจะใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยก็ไม่มีใครมาเหลียวแลสนใจ ไหนเลยจะเหมือนข้าที่แค่โบกมือ ก็มีสุนัขหลายตัวเดินตามมาเป็นพรวน เจ้ายังเทียบข้าไม่ติดฝุ่นเสียด้วยซ้ำ แล้วเจ้าคู่ควรไปเทียบชั้นกับพี่สาวข้าได้หรือ!”
ลู่หยินซีไม่ใช่คนปากคอเราะรายมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับหลี่เมิ่งเอ๋อร์มาก่อน ครั้นถูกยั่วโทสะก็ร้องห่มร้องไห้ทันที
นางกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความเดือดดาล ปาดน้ำตาแล้วหมุนตัววิ่งหนีไป
“หลี่เมิ่งเอ๋อร์สมควรตาย ประเดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่!”
นางถอนหายใจ รู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ขณะนี้เองก็ได้ยินเสียงแผดคำรามโกรธเกรี้ยวที่คุ้นเคยดังมาจากด้านนอกโรงยา
“ตาเฒ่าเฟิง เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะขอสู้ตายกับเจ้าสักตั้ง!”
“ท่านปู่มาอย่างนั้นหรือ”
หลี่เมิ่งชูตะลึงงัน ไม่นึกว่าเสนาบดีขวาหลี่จะรู้ข่าวเร็วขนาดนี้และมาเยือนถึงที่
นางใจหายวาบ บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับการตำหนิและความเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปรับหน้า
ไม่คาดคิดว่าเสนาบดีขวาหลี่จะกวัดแกว่างกระบี่ไม้ไทเก๊กในมืออย่างดุเดือด โบกมาทางนางราวกับลมบ้าหมูโดยไม่มองนางเลยสักแวบเดียว
ในห้อง เฟิงอู๋จีคอยพัดระบายอากาศให้เสนาบดีซ้ายเฟิงหายใจคล่องอยู่ตลอดเวลา ตะล่อมเตือนปากเปียกปากแฉะให้เขาดื่มยาก่อนด้วยความหวังดี
แต่ทว่าขณะที่เสียงของเสนาบดีขวาหลี่ดังแว่วมา ก็เห็นปู่ของเขาพลันลืมตาโพลง ทะลึ่งตัวขึ้นจากเตียงเหมือนปลาไนกระโดดเหนือน้ำ แผดตะโกนเสียงกร้าวดังสนั่น
“ตาเฒ่าหลี่ วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!”
ก่อนที่เฟิงอู๋จีจะทันได้โต้ตอบ เขาก็ฉวยหยิบไม้เท้ารีบวิ่งพรวดออกไปโดยไม่สนจะสวมรองเท้าด้วยซ้ำ
เมื่อตาเฒ่าทั้งสองประจันหน้ากัน สองตาพลันแดงฉานราวกับแข่งชนวัวที่ถูกยั่วให้โกรธแค้น โถมเข้าใส่กันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ภายในไม่กี่อึดใจ กวานผมกับรองเท้าก็ปลิวละลิ่วลอยละล่องขึ้นฟ้าไปพร้อมๆ กัน ฝุ่นคลุ้งตลบเต็มลานบ้าน
“อุ๊ยตายแล้ว! ท่านเสนาบดีทั้งสอง โปรดอย่าทะเลาะกัน!”
คนที่เหลือเริ่มได้สติ รีบรุดเข้าไปห้ามทัพ ทว่าเสนาบดีซ้ายเฟิงกับเสนาบดีขวาหลี่ต่างคว้าผมของกันและกันไว้แน่นไม่มีวี่แววจะคลายมือ
ตอนที่เซียวปี้เฉิงได้ข่าวก็รีบเร่งมานั้น เห็นเสนาบดีซ้ายเฟิงกอดรัดพันแข้งพันขากับเสนาบดีขวาหลี่ มือเจ้าค้ำคอข้า ขาข้าก่ายเอวเจ้า ทั้งสองคนทำราวกับเป็นฝาแฝดกัน จะจับแยกอย่างไรก็แยกไม่ออก
เขาตกตะลึงพรึงเพริดในฉับพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...