พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 832

ถึงแม้ตาเฒ่าทั้งสองจะขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ แต่ก็ต่อว่าต่อขานกันไม่หยุดปาก

“ตาเฒ่าเฟิงสมควรตาย กล้าดีอย่างไรให้ลูกอนุของลูกชายเจ้ามาหลอกล่อลักพาตัวลูกสายตรงของห้องใหญ่ตระกูลหลี่ของข้าไป ตอนเจ้าออกไปข้างนอกทำไมไม่โดนรถม้าชนตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย! เจ้าไอ้แก่สวะตายยาก มารดาไม่สั่งสอน!”

เสนาบดีซ้ายเฟิงมีลูกชายลูกสาวหลายคน ท่านพ่อเฟิงก็เป็นเพียงลูกอนุธรรมดาไม่โดดเด่นคนหนึ่งในนั้น

เด็กสารเลวอย่างเฟิงอู๋จีก็ไร้อนาคตเหมือนอย่างพ่อเขานั่นแหละ ซ้ำยังเป็นลูกอนุเหมือนกัน ส่วนมารดาผู้ให้กำเนิดมาจากหอคณิกา มองๆ แล้วก็ไม่ดีไปกว่าพ่อเขาเลย

ใบหน้าเสนาบดีขวาหลี่มีริ้วรอยเพิ่มขึ้นสองเท่าเนื่องจากโมโหพี่ชายและน้องสาวของหลี่เมิ่งชูเมื่อพักก่อน แต่ต่อให้เขาจะไม่อยากสนใจไยดีหลี่เมิ่งชู แต่ก็ไม่ใช่กงการของลูกอนุตระกูลเฟิงที่จะมาทำรุ่มร่ามกับหลานสาวตัวน้อยของเขา

เสนาบดีซ้ายเฟิงก็โกรธไม่น้อยไปกว่าเขา ตะโกนกร้าวว่า “ลูกสาวสายตรงแล้วอย่างไร ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าบัดนี้ห้องใหญ่ของตระกูลหลี่จะสกปรกถึงขั้นนี้”

“ลูกชายสายตรงถูกขับออกและถูกลบชื่อออกจากลำดับวงศ์ตระกูล มีลูกสาวสายตรงสองคน คนหนึ่งขายไม่ออก อีกคนก็ไม่อยู่ในกรอบเกณฑ์ ถึงหลานชายข้าจะเป็นลูกอนุ แต่ก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลกว่าลูกๆ ห้องใหญ่ของเจ้าหลายเท่านัก ต้องเป็นคนที่สมองมีปัญหาเท่านั้นแหละจึงจะเผลอไปแตะมูลหมูอย่างตระกูลหลี่ของเจ้าได้!”

“ข้าว่าเจ้าโยนความผิดได้เก่งนัก เจ้าเห็นว่าบัดนี้ตระกูลเฟิงของข้าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้อีกครั้ง ในใจต้องอิจฉาและขุ่นเคืองเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจให้หลานสาวสายตรงของเจ้าเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงอี้ ฉวยโอกาสน้ำตาลใกล้มด จงใจเข้าใกล้อู๋จี!”

ยิ่งเสนาบดีซ้ายเฟิงคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ก่อนกล่าวอย่างมีน้ำโห “ตาแก่หงำเหงือกอย่างเจ้าจิตใจมืดมน เห็นตระกูลเฟิงดีกว่าตระกูลหลี่เป็นไม่ได้ จึงยุยงให้ลูกสาวห้องใหญ่ที่ดวงกุดของเจ้าจงใจมาทำร้ายอู๋จี เพียงเพราะต้องการทำลายโชควาสนาของตระกูลเฟิงข้า!”

เซียวปี้เฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็อดขยี้ตามองเสนาบดีซ้ายเฟิงด้วยความชื่นชมไม่ได้

ตาเฒ่าผู้นี้ปกติจะเป็นคนน่าเกรงขามและเคร่งขรึมยามอยู่ในราชสำนัก ไม่ค่อยโต้เถียงกับผู้อื่นตรงๆ เลย ไม่นึกว่าพอเริ่มด่าทอขึ้นมาก็เป็นคนดุดันเช่นกัน

เสนาบดีขวาหลี่ถูกยั่วโมโหจนหัวเราะลั่นดังคาด “พอทีตาเฒ่าเฟิง ข้าพูดไปแค่ประโยคเดียว เจ้าเล่นเกทับสวดข้ายับตั้งสิบประโยค เจ้านี่แน่จริงๆ!”

“ช่างน่าขำสิ้นดี ข้าอิจฉาที่ตระกูลเฟิงดีกว่าตระกูลหลี่อย่างนั้นหรือ เจ้านี่มันใจดำและหน้าเหี่ยวไร้ยางอายโดยแท้ ตระกูลหลี่ด้อยกว่าตระกูลเฟิงตรงไหน เจ้ามีอะไรให้ข้าต้องอิจฉา ข้าคงอิจฉาลูกสาวเจ้าที่ถูกปลดจากฮองเฮาแล้วถูกประทานความตาย หรือไม่ก็คงอิจฉาหลานชายสายตรงของเจ้าที่ทำผิดจนถูกตัดหัวสินะ”

“ถุย! ยังมีหน้ามาว่าห้องใหญ่ตระกูลหลี่สกปรก ถึงจะตกอับแค่ไหนก็ไม่ย่ำแย่เท่าบ้านใหญ่ตระกูลเฟิงหรอก หากตระกูลพวกเจ้าแน่จริง ไฉนจึงเลือกได้แค่พ่อลูกที่เกิดจากอนุมาเชิดหน้าชูตาเล่า”

“เจ้ามันสุนัขบัดซบไร้ยางอายมาหลายสิบปีแล้ว ฮ่าๆ...”

สิ้นคำ จู่ๆ ใบหน้าของหลี่เมิ่งชูกับน้องสาวพลันซีดลงด้วยความตกใจ ก่อนเหลือบมองเซียวปี้เฉิงอย่างตกประหม่าแวบหนึ่ง

ท่านปู่โกรธมากจนหน้ามืด ลืมดูไปว่ามีคนรายล้อมอยู่ด้านข้างเนืองแน่น จึงเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระโพนทะนาไปทั่ว

แต่ทว่าสีหน้าเซียวปี้เฉิงไม่ได้ไม่พอใจอย่างที่คิดไว้ เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างๆ ไม่ได้เข้าไปห้ามปราม และฟังด้วยความสนุกเหลือแสน

วาทกรรมโต้กลับของเสนาบดีขวาหลี่อาจกล่าวได้ว่ารุกฆาตถึงชีวิต โจมตีตรงจุดเจ็บปวดของเสนาบดีซ้ายเฟิง ฝ่ายหลังก็สติหลุดในทันที

“...เจ้า เจ้าตาแก่กะโหลกกะลาพูดจาจาบจ้วง มิน่าที่ลูกสาวเจ้าภักดีต่อฝ่าบาทมาจนชั่วชีวิตก็ยังไม่ได้ขึ้นเป็นคนโปรด ข้าว่าเป็นเพราะปากอัปรีย์ของเจ้าต่างหากที่เป็นต้นเหตุของความเสนียดจัญไร!”

“ลูกสาวข้าสมควรตายก็จริง แต่ไม่นึกว่าฝ่าบาทจะทรงหวนคิดถึงความหลังในวันวาน ทั้งยังยินดีจะให้ข้ารับใช้อยู่ข้างกายด้วย ตาแก่หนังเหนียวที่พักฟื้นอยู่บ้านอย่างเจ้าก็อิจฉาริษยาตาร้อนได้ตามสบายเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ ตระกูลเฟิงของข้าเป็นที่โปรดปรานกว่าตระกูลหลี่ของเจ้าเป็นไหนๆ เจ้าก็โมโหตายไปเลยไป!”

วาจาเฉียบคมของเสนาบดีซ้ายเฟิงตอกย้ำจุดอ่อนถึงแก่ชีวิตของเสนาบดีขวาหลี่อย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาพลันแดงฉานอย่างถึงที่สุด เพลิงโทสะในดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟออกมาจริงๆ

"พูดส่งเดช! ตระกูลหลี่ของข้าต่างหากที่เป็นคนโปรดของโอรสสวรรค์ ตระกูลเฟิงของเจ้านับเป็นอะไรได้!”

“หลอกลวงตนเองและผู้อื่น เห็นชัดว่าฝ่าบาทโปรดตระกูลเฟิงมากกว่า และข้าก็เป็นที่โปรดปรานมากกว่าเจ้า!”

เสนาบดีขวาหลี่โกรธจนจมูกย่น กล่าววาจาเชือดเฉือนราวกับเล็งหัวหอกอันแหลมคมไปยังตัวเสนาบดีซ้ายเฟิง “คนที่สมควรเป็นคนโปรดคือข้าชัดๆ! เจ้าเป็นเพียงพ่อที่อาศัยบารมีลูกสาวเท่านั้นแหละ ส่วนข้าอาศัยความรู้ความสามารถที่แท้จริง ตอนนั้นเราสองคนตอบข้อสอบคัดเลือกข้าราชการเหมือนกันทุกประการ แต่พระเจ้าหลวงกลับทรงชี้ขาดให้ข้าเป็นจอหงวน นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด เจ้ามันตาเฒ่าหัวขี้เลื่อย!”

เอ่ยถึงอดีต เสนาบดีซ้ายเฟิงยังคงจดจำอยู่ในใจเสมอ แต่เขายังคงกัดฟันจงใจแสยะยิ้มอย่างดูแคลน

ตาเฒ่าสองคนกอดกันแน่น พูดลบหลู่สาดน้ำลายใส่กัน ทำให้ทุกคนในลานตกตะลึง

“หน็อยแน่...!”

“ตุ้บตั้บ ตุ้บตั้บ...!”

เสนาบดีผู้เฒ่าทั้งสองนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นโดยไม่คำนึงถึงหน้าตา ถ่มน้ำลายใส่กันเหมือนตัวลามะ ลู่ฉีที่มุงดูจนตาลาย ในที่สุดก็รู้สึกว่าไม่อาจทนดูต่อไปได้จริงๆ

เขาสะกิดเซียวปี้เฉิงที่กำลังดูด้วยความสนุกสนาน แล้วกระซิบ “รัชทายาท ท่านยังไม่ห้ามอีกหรือ มีคนมามุงดูออกันเต็มหน้าประตูโรงยาแล้ว...”

จะมุงดูกันไปอีกนานแค่ไหน

จากนั้นเซียวปี้เฉิงก็ได้สติ ตัวเขาดูสนุกคนเดียวก็พอ แต่จะให้บรรดาชาวบ้านเห็นเป็นเรื่องตลกด้วยก็คงจะไม่งาม

เขาทำหน้าขึงขังทันที ตวาดด้วยเสียงเย็นชาระคนโกรธขึ้ง “พอที ไร้มารยาทสิ้นดี!”

“ยังไม่รีบแยกพวกเขาออกจากกันอีก ในฐานะขุนนางระดับสูง ทะเลาะกันกลางวันแสกๆ ถ้อยคำหยาบคายสุดจะทน ทำให้ราชสำนักต้องอับอายขายหน้าจริงๆ!”

ได้ยินเสียงและเงาร่างที่คุ้นเคยนี้ ตาเฒ่าสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตา ‘ตะลุมบอนกัน’ ก็ตกตะลึงพรึงเพริด จากนั้นก็พบว่ารัชทายาทมาถึงแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด

อ่างน้ำเย็นถูกเทลงมา ดับเพลิงโทสะของทั้งสองได้เป็นอย่างดี สติสัมปชัญญะก็กลับมาในที่สุด

เสนาบดีซ้ายเฟิงกับเสนาบดีขวาหลี่มองหน้ากันอย่างแข็งทื่อครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเพิ่งทำเรื่องโง่ๆ อะไรลงไปบ้าง

จากนั้นพวกเขาก็กลอกตาพร้อมกันแล้วเป็นลมล้มพับไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ