พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 833

เซียวปี้เฉิงออกคำสั่งด้วยใบหน้าหม่นทะมึนให้คนไล่ชาวบ้านที่มามุงดูอย่างอยากรู้อยากเห็นตรงหน้าประตูโรงยาออกไป

“ใครก็ได้รีบพาเสนาบดีซ้ายกับเสนาบดีขวาเข้าไปในห้อง” เขาสั่งการเสียงเข้ม จากนั้นหยุดครู่หนึ่งแล้วเสริมว่า “จัดพวกเขาไว้ในห้องเดียวกัน”

ผู้คนโดยรอบจ้องมองอย่างนึกกังขา แต่เซียวปี้เฉิงอธิบายด้วยสีหน้าปกติโดยจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง

“จัดให้อยู่ด้วยกัน ประเดี๋ยวจะได้ไปซักถามสะดวก”

ลู่ฉีแสดงสีหน้าไม่เชื่อ เขาเดาว่ารัชทายาทคงดูเพื่อความสนุกสนานเพราะไม่ใช่เรื่องของตน จึงอยากชมละครฉากเด็ดเป็นแน่

เซียวปี้เฉิงใบหน้าขรึมลงเล็กน้อย “เจ้ามองเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เอาละ...ก่อนอื่นเจ้ารีบกลับวังไปรายงานข่าวกับหลิงเอ๋อร์ บอกว่าข้าจะกลับวังค่ำๆ หน่อย”

ลู่ฉีถูกส่งออกไป ทั้งเสนาบดีขวาหลี่กับเสนาบดีซ้ายเฟิงก็ถูกหามเข้าไปในห้อง

ห้องในโรงยาโหยวเจียนล้วนได้รับการปรับปรุงใหม่ตามคำขอของอวิ๋นหลิง ทั้งสองอยู่ในห้องผู้ป่วยคู่โดยแยกกันอยู่ทางซ้ายคนทางขวาคน

เดิมทีตาเฒ่าทั้งสองแสร้งทำเป็นลม แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็แก่แล้ว หลังจากวิวาทะกันอย่างดุเดือดเมื่อครู่ เรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้าไปบ้าง ตอนนี้ชักจะเริ่มวิงเวียนศีรษะ

พอหรี่ตาลงสักพัก พวกเขาก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งตัว

เซียวปี้เฉิงมองใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายของพวกเขาด้วยสายที่ยากจะบรรยาย ในใจรู้สึกหนาวยะเยือก รีบเรียกให้เด็กโรงยาไปตักน้ำมาให้พวกเขาล้างหน้าล้างตา

เฟิงอู๋จีกับหลี่เมิ่งชูเดินตามหลังมาติดๆ แล้วแยกไปนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ปู่ของตน ก่อนถอนใจยาว

“เหตุใดเรื่องของพวกเจ้าสองคนจึงถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้”

หลี่เมิ่งชูเอ่ยยิ้มหน้าปูเลี่ยนๆ “มันเป็นเหตุสุดวิสัย ศิษย์ก็ไม่นึกว่าจะเกิดโดยไม่ทันตั้งตัว พลอยทำให้ท่านเดือดร้อนไปด้วย”

นางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างสั้นๆ เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วโดยไม่ให้สังเกตเห็น

ดูท่าตระกูลลู่ยังไม่ยอมถอดใจจะเกี่ยวดองกับตระกูลเฟิง

เฟิงอู๋จีมุ่นคิ้วแน่น เล่าความในใจอันแสนหนักอึ้ง “ไม่รู้ว่าท่านปู่กับเสนาบดีขวาหลี่มีความเคียดแค้นอะไรกันแน่ จึงได้เกลียดกันจนเข้ากระดูกดำถึงเพียงนี้”

“ไม่ว่าพวกเขาจะมีความเคืองแค้นอะไรกัน ก็จะไม่ข้ามรุ่นบานปลายไปถึงคนรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะรับผิดชอบเอง พวกเจ้าไม่ต้องกลุ้มใจไป”

เซียวปี้เฉิงเอามือกอดอก หมุนพัดในมือเล่นสองทีด้วยสีหน้าสุขุมนุ่มลึก

หลี่เมิ่งชูมองเขาด้วยประกายตาซาบซึ้งใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ศิษย์ทราบดีว่ารัชทายาทเข้าข้างพวกเรา เพียงแต่เป็นห่วงสุขภาพของผู้เฒ่าทั้งสอง...”

เซียวปี้เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าวางใจได้ เสนาบดีซ้ายเฟิงกับเสนาบดีขวาหลี่จะไม่เป็นไร ลำพังแค่พวกเขาสองคนมีจิตใจจะประลองกันอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ว่าอย่างไรก็จะสู้กันจนสุดกำลังจนกว่าอีกฝ่ายจะตายไปข้างหนึ่ง”

หลี่เมิ่งชูสำลัก รู้สึกว่าสมเหตุสมผลอย่างบอกไม่ถูก

ความกระวนกระวายใจแต่เดิมพลันมลายหายไปเพราะคำพูดประโยคนี้ของเซียวปี้เฉิง

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกัน อู๋อันกงที่รู้ข่าวก็มาถึงโรงยาโหยวเจียน

หลังจากเขาดูฝ้าที่ลิ้นและเปลือกตาของทั้งสองแล้ว ก็ฝังเข็มตรงจุดชีพจรสองสามแห่ง ก่อนชักมือกลับ

“ไม่มีอะไรร้ายแรง แค่ตื่นเต้นมากเกินไป ออกแรงไปเยอะ ต้องพักผ่อนสักสองสามวัน ก็จะฟื้นตัวได้ดี”

คู่หนุ่มสาวตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ถอนใจด้วยความโล่งอก ขณะที่เซียวปี้เฉิงถือโอกาสซักถามสองสามคำ

“อาจารย์ปู่ เสนาบดีซ้ายเฟิงกับเสนาบดีขวาหลี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดหลายปีที่ผ่าน พอเจอหน้าก็ทะเลาะกันจนเป็นแบบนี้ ตกลงระหว่างพวกเขาเคยมีความเคียดแค้นอะไรกันแน่*”

อู๋อันกงเป็นผู้เฒ่ารุ่นราวคราวเดียวกับพระเจ้าหลวง อายุมากกว่าเสนาบดีสองคนนี้ถึงยี่สิบกว่าปี เขาน่าจะรู้อะไรมาบ้าง

แต่เมื่อเห็นอู๋อันกงนั่งเก้าอี้จับพู่กันเขียนใบสั่งยา เขาก็กลอกตามองบน

“พวกเขาสองคนจะมีความเคียดแค้นอะไรไปได้ ก็แค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งเท่านั้นเอง สมัยเป็นหนุ่มๆ เด็กสองคนนี้ร่ำเรียนอยู่สำนักศึกษาเดียวกัน กินอยู่หลับนอนบนเตียงเดียวกันมาสิบกว่าปี คบหากันมายาวนานย่อมกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา”

เซียวปี้เฉิงกระตุกมุมปาก “แค่นี้เองหรือ ดูท่าทางพวกเขาแล้ว ข้ายังคิดว่าใครนอกใจใครหรือเปล่า...”

ได้ยินเช่นนี้ หลี่เมิ่งชูตกใจเล็กน้อยพยายามหลีกทางให้ แต่เฟิงอู๋จีกลับคว้ามือนางไว้

เมื่อเผชิญกับสายตาที่แน่วแน่ของอีกฝ่าย นางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินตามเขากลับไปยังโถงด้านหน้าของลานเล็กอย่างเงียบๆ

ต่อหน้าเซียวปี้เฉิง เฟิงอู๋จีเล่าต้นสายปลายเหตุด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉยหนึ่งรอบ รวมถึงเรื่องราวระหว่างเขากับหลี่เมิ่งชูด้วย

“ท่านพ่อ เมิ่งชูเป็นคนดี ยามนั้นถ้าไม่ได้นางช่วยส่งจดหมายถึงรัชทายาท ป่านนี้ข้าคงโดนเฟิงเหยียนกับแม่ของเขาหักมือหักเท้า ถูกส่งออกไปไกลหลายพันลี้แล้ว”

“ลูกตัดสินใจแล้วว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเมิ่งชู ต่อให้ท่านปู่จะไม่เห็นด้วย ถึงข้าจะถูกขับออกจากตระกูลเฟิงก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจเป็นอันขาด!”

สิ้นคำ หลี่เมิ่งชูก็มองไปทางท่านพ่อเฟิงด้วยความวิตกกังวล

แต่เห็นอีกฝ่ายไม่ได้ตกใจหรือคัดค้าน แค่มองเฟิงอู๋จีด้วยความงุนงง ท่าทางใจลอยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นครู่หนึ่งก็น้ำตาคลอเบ้า

เฟิงอู๋จีอึ้งไป “ท่านพ่อ?”

“ลูกเอ๋ย เจ้าไม่ต้องห่วง พ่อจะช่วยสนับสนุน”

ท่านพ่อเฟิงได้สติกลับมา มองเขากับหลี่เมิ่งชู ระบายยิ้มด้วยดวงตาแดงก่ำ

“ไม่ว่านางจะเป็นใคร ถ้าเจ้าสามารถหาคู่ครองที่รักกันไปจนฟ้าดินสลาย และถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรอยู่กับนางไปจนชั่วชีวิตได้ พ่อก็ดีใจกับเจ้าด้วย แม่เจ้าที่อยู่ปรโลกก็จะไม่เสียใจแน่นอน…”

“ตอนนั้นข้าไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่เจ้า บัดนี้จะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเกิดขึ้นกับเจ้าอีก เจ้าทำสิ่งที่อยากทำให้เต็มที่เลย ส่วนทางด้านปู่เจ้า...ในฐานะพ่อ ข้าจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเจ้าโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น!”

เซียวปี้เฉิง “...” ช่างเป็นลูกกตัญญูโดยแท้

เขามองไปยังห้องปีกตะวันออกโดยไม่รู้ตัว

โชคดีที่ห้องนี้กันเสียงได้ดี ไม่เช่นนั้นเสนาบดีซ้ายเฟิงได้ยินเข้าคงจะอดเต้นผางไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ