เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 835

อวิ๋นหลิงขบคิดแล้วเอ่ยถาม “ท่านรู้จักจอหงวนตระกูลยินมากน้อยแค่ไหน”

“เจ้าหมายถึงยินถังใช่หรือไม่ เขาเป็นหลานชายสายตรงของอาลักษณ์ยินกรมขุนนาง เมื่อก่อนโด่งดังในเมืองหลวง เขาติดอันดับสองในบรรดาสี่คุณชายใหญ่แห่งเมืองหลวง”

พูดถึงสี่คุณชายใหญ่แห่งเมืองหลวง นั่นคือความนิยมชาวบ้านที่ดูจากรูปร่างหน้าตา ความสามารถ อุปนิสัยและชาติกำเนิดรวมกันของบรรดาคุณชายในเมืองหลวง

ผู้โดดเด่นสะดุดตาอันดับแรกในรายชื่อคือหรงจั้น รัฐทายาทเจิ้นกั๋วกง

ถึงแม้เขาจะต้องพักผ่อนตลอดทั้งปีเนื่องจากโรคหัวใจ ในแง่ความสามารถด้านบทกวีและวรยุทธ์นั้นไม่ได้โดดเด่นเท่ากับอีกสามคน แต่รูปร่างหน้าตาของเขาก็หล่อเหลาขาวใสยิ่งนัก

อยู่ต่อหน้าหนุ่มรูปงามหาใดเปรียบเช่นนี้ ธรรมชาติมนุษย์ที่ชอบของสวยของงามก็ถูกเผยออกมาอย่างลึกซึ้งถึงแก่นเลย

ดังนั้นแม้ว่าการจัดอันดับของอีกสามคนจะยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่หรงจั้นก็รั้งอันดับหนึ่งอย่างไม่สั่นคลอนมาตลอด

สามคนที่เหลือเรียงตามลำดับได้แก่ยินถัง เฟิงจิ่นเฉิงและหลี่หยวนเส้า

ชาติกำเนิดของยินถังนั้นด้อยกว่าของสองคนหลัง แต่ความสามารถทางบทกวีของเขาดีกว่าของเฟิงจิ่นเฉิงมาก รูปร่างหน้าตาเหนือกว่าหลี่หยวนเส้ามากทีเดียว ดังนั้นเขาจึงได้อันดับสองในบรรดาคุณชายทั้งสี่

อวิ๋นหลิงจำการจัดอันดับนี้ได้อยู่บ้าง แต่ก็อดบ่นตัดพ้อไม่ได้ “ชาวบ้านยุคนี้ของพวกท่านตาไม่ถึงเอาเสียเลย ตอนนี้ในสี่คุณชายใหญ่ก็เหลือเพียงสองคน”

เซียวปี้เฉิงพูดเออออไปกับนางอย่างติดตลก “นั่นน่ะสิ ช้าเร็วก็ต้องให้เจ้าจัดการ”

ส่วนเฟิงจิ่นเฉิงที่หลุมฝังศพมีหญ้าขึ้นรกคลุมสูงถึงสามเมตรนั้นไม่ต้องพูดให้มากความ

หลังจากหลี่หยวนเส้าถูกขับออกจากตระกูลก็ถูกถอนชื่อออกด้วย

สถานการณ์ยามนี้ของเขาก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากอวิ๋นหลิงขึ้นสู่อำนาจก็ปราบปรามตระกูลหลี่บ่อยครั้ง เคราะห์ดีที่เด็กคนนั้นได้ชิงหนีออกมาเสียก่อน หากเดินหลงทางจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาอาจต้องไปอยู่เป็นเพื่อนกับเฟิงจิ่นเฉิง

จะว่าไปแล้วตอนนี้ยินถังก็กลายเป็นเป้าหมายการล่าลำดับต่อไปของอวิ๋นหลิง

สำหรับหรงจั้น ถ้าตอนนั้นอวิ๋นหลิงไม่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

คิดใคร่ครวญครู่หนึ่ง ฉับพลันนั้นเซียวปี้เฉิงก็รู้ว่าคนสุดท้ายที่จะอยู่ในรายชื่อนี้ได้ต้องให้ภรรยาของเขาเป็นผู้ตัดสินใจ

เขากล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ยินถังกับหลี่หยวนเส้าเป็นผู้สอบจอหงวนในครั้งนี้ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม หลังจากหลี่หยวนเส้าเกิดเรื่อง ยินถังก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังคว้าอันดับหนึ่งมาครองจนได้ เสด็จพ่อทรงชี้ขาดให้เขาเป็นจอหงวนในการสอบหน้าพระที่นั่ง ตอนนี้เขาได้เป็นบัณฑิตเข้าสู่สำนักศึกษาฮั่นหลินแล้ว”

ด้วยความเป็นผู้หญิง อวิ๋นหลิงแทบไม่ได้ติดต่อกับขุนนางชายในระหว่างที่ตั้งครรภ์เลย จึงไม่เคยพบกับยินถังอย่างจริงจังสักที

ฉู่อวิ๋นหลิงเจ้าของร่างเดิมเคยติดต่อกับเขา แต่ภาพความทรงจำในวัยเด็กนั้นช่างเลือนรางห่างไกลเหลือเกิน นางเค้นความคิดไปก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด

“คนผู้นี้มีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร”

“เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความปลิ้นปล้อนและรอบคอบ มีแผนในใจตลอด” เซียวปี้เฉิงยิ้มบางๆ ขบคิดครู่หนึ่งก่อนวิจารณ์ต่อ “เจ้าจะมองว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยานมากคนหนึ่งก็ได้ และก็หยิ่งทะนงตนกว่าเสี่ยวกู้”

เขาคบหาสมาคมกับยินถังอยู่บ่อยครั้ง พอได้รู้จักมักจี่กันก็รู้สึกตงิดๆ คุณชายยินผู้นี้มักทำให้เขานึกถึงกู้ฮั่นม่อ ผู้มีรอยยิ้มที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางสายลมโชยเย็นอ่อนๆ ยามวสันตฤดูยิ่งนัก

คุณชายแห่งเมืองหลวงเป็นเหมือนหยก หากเนื้อในของกู้ฮั่นม่อเป็นหยกอุ่นที่ละเอียดอ่อน เช่นนั้นยินถังก็คือหยกเย็นที่แข็งเย็นยะเยือก

ความคิดของฝ่ายแรกนั้นเปิดเผยใจกว้างมากกว่า ขณะที่ความคิดของฝ่ายหลังเมื่อเห็นของที่ถูกใจก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้มาอยู่ในมือ

“แล้วเขามีครอบครัวหรือยัง”

“เขายังไม่ได้แต่งงาน เรือนหลังก็ไม่มีสาวใช้อุ่นเตียงหรืออนุภรรยาเลยสักคนเดียว ทุกคนที่ใกล้ชิดเขารู้ดีว่าเขาเป็นคนสะอาดและสง่างาม ตอนนี้อายุยี่สิบสี่แล้ว และไม่เคยได้ยินว่าตระกูลยินพูดเรื่องแต่งงานกับเขา ประมาณว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ”

ด้วยการยุยงของพวกฉู่อวิ๋นหานครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าของร่างเดิมจึงรวบรวมความกล้าไปขอยินถังแลกเปลี่ยนของรางวัลเป็นการส่วนตัว

แต่เพราะเหตุใดก็สุดจะรู้ได้ที่ทำให้ยินถังเข้าใจผิดว่านางกำลังทอดไมตรี สหายๆ ที่มุงดูด้วยความสนุกสนานเล่นพิเรนทร์ดึงเอาผ้าคลุมหน้าของฉู่อวิ๋นหลิงออก แล้วพากันหัวเราะเกรียวกราว

ยินถังข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงเยาะเย้ยนางด้วยใบหน้าเย็นชาระคนกรุ่นโกรธอย่าง ‘หน้าเหมือนหมูเปื้อนเลือดช้ำแดงช้ำเขียว’ เป็นคำที่จี้จุดใจดำยิ่งนัก

เวลานั้นเองฉู่อวิ๋นหลิงทนความอับอายไม่ไหว วิ่งหนีออกจากงานชมดอกไม้ทั้งน้ำตา แต่ทว่าวันรุ่งขึ้นนางก็ได้รับต่างหูกระต่ายหยกอันประณีตที่ทำจากหยกขาวคู่นั้น

ในฐานะลูกชายของฮองเฮาเฟิงผู้เป็นแม่งาน พอรุ่ยอ๋องรู้เข้าก็ออกหน้าจัดการเรื่องนี้ ไปตักเตือนพวกยินถัง ทั้งยังตั้งใจไปปลอบโยนและให้กำลังใจฉู่อวิ๋นหลิงถึงจวนเหวินกั๋วกง

ฉู่อวิ๋นหลิงย่อมเชื่อโดยสุจริตใจว่ารุ่ยอ๋องทำเพื่อรับผิดชอบนาง ด้วยเหตุนี้จึงปักใจรักเขาอย่างสุดหัวใจมานานหลายปีนับจากเหตุการณ์นั้น

สิบปีผ่านพ้นไป กาลเวลาลบเลือนความทรงจำอันน่าอัปยศอดสูที่เจ้าของร่างเดิมไม่อยากจำให้เจือจางลง

เมื่อเซียวปี้เฉิงเอ่ยถึงเรื่องนี้ อวิ๋นหลิงก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เกือบจะลืมไปแล้วขึ้นมาได้อีก

เซียวปี้เฉิงเห็นว่าจู่ๆ นางก็ขมวดคิ้วและไม่เอื้อนเอ่ยวาจา จึงเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป”

“ไม่มีอะไร จู่ๆ ก็จำเหตุการณ์ในอดีตที่เกี่ยวกับร่างกายนี้ได้คร่าวๆ”

อวิ๋นหลิงได้สติกลับมาพลางส่ายหน้า ลืมความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางไปสิ้น แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้มละไม

“ที่ท่านพูดเมื่อครู่ ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจในตัวโม่อี้ซือมากขึ้น”

ดรุณีน้อยผู้นี้ไม่โดดเด่นเรื่องอื่นใด แต่มีความงามสะคราญเป็นเลิศ ไม่ต้องกลัวว่าสุนัขบัดซบอย่างยินถังจะไม่ตกหลุมรัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ