เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 836

หลังจากที่ทั้งสองคนปรึกษาหารือกันเสร็จแล้ว เซียวปี้เฉิงก็ส่งข่าวให้ทางจวนอ๋องจิน

ในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มการเฝ้าสังเกตการณ์ในโรงยาโหยวเจียนมากขึ้นหลายส่วน

พูดถึงเสนาบดีเฟิงและเสนาบดีหลี่ เดิมทีพักฟื้นที่โรงยาสองสามวันก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ใครจะคิดว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันอาการจะยิ่งรุนแรงขึ้น

เซียวปี้เฉิงเอ่ยกับอวิ๋นหลิงว่า “พวกเขาสองคนพักในเรือนเดียวกัน ทะเลาะกันตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน ไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย มีฉากกั้นก็ไร้ประโยชน์ ระหว่างนั้นยังเคยลงไม้ลงมือกันถึงสองครั้ง คนหนึ่งเอวเคล็ด อีกคนก็เท้าแพลง ข้าดูแล้วถ้าไม่พักฟื้นสักครึ่งเดือนคงไม่มีทางหายดี”

อวิ๋นหลิงจินตนาการภาพตาม อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำอยู่บ้าง

“พวกเขาสองคนไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องให้แยกกันอยู่หรือ”

“ไม่มี ตอนแรกพ่อของจีเอ๋อร์เคยเอ่ยถึงเรื่องแยกห้องกันอยู่ กลับถูกเสนาบดีซ้ายเฟิงด่าจนพูดอะไรไม่ออก รู้สึกว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เสนาบดีขวาหลี่ดูถูกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก”

ตาแก่ทั้งสองต่อปากต่อคำกันทั้งวัน ล้วนอัดอั้นตันใจ ไม่มีใครเอ่ยเรื่องแยกกันอยู่

เกรงว่าถ้าใครเอ่ยขึ้นก่อน จะเป็นการเผยท่าทีขี้ขลาดออกมา และถูกอีกฝ่ายทับถมต่อหน้า

อวิ๋นหลิงเอ่ยด้วยจิตใจที่มีความสุขในการยุ่งเรื่องชาวบ้าน “ให้พวกเขาอยู่ไปเถอะ ห้องคนไข้วีไอพีของข้าที่ปรับปรุงใหม่อยู่หนึ่งคืนต้องใช้เงินไม่น้อยเลย ตาเฒ่าสองคนนี้ช่างเป็นคู่กัดที่โชคชะตากำหนดมาแล้วจริงๆ”

เซียวปีเฉิงเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “ก็จริง เพื่อจะฮึดสู้กับเสนาบดีขวาหลี่ เสนาบดีซ้ายเฟิงได้เขียนหนังสือลาป่วยเป็นเวลาครึ่งเดือน แม้แต่ประชุมราชสำนักก็ไม่เข้าร่วม ดึงดันจะสู้กับเขาให้ถึงที่สุด สองวันมานี้เสด็จพ่อดีใจมาก เขาประชุมราชสำนักมาครึ่งชีวิต ไม่เคยได้พบกับวันเวลาที่สองเสนาบดีไม่อยู่ข้างกายเลย”

สองเสนาบดีต่อสู้กันในราชสำนักมานานหลายปี เวลาที่พวกเขาโต้เถียงกันจักรพรรดิจาวเหรินจะเป็นคนที่ถูกฉีกทึ้ง

ในอดีตถ้าจะตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่าง ก่อนจะมีราชโองการ มักเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถามการตัดสินใจและความคิดเห็นของพ่อตาทั้งสองคน

แม้ว่าตอนนี้เสนาบดีขวาหลี่จะถูกบีบให้พักฟื้นอยู่ที่บ้าน แต่ทุกวันในตำหนักทองหลวงยังคงมีเสนาบดีซ้ายเฟิงที่มักจะทำให้เคร่งขรึมจริงจังยืนเป็นสากกะเบืออยู่

ถูกตรึงเอาไว้ตั้งหลายปี สองวันมานี้จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกผ่อนคลายสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถือว่าได้เฉลิมฉลองมีใหม่ล่วงหน้า

“เสด็จพ่อทรงทราบสาเหตุที่เสนาบดีทั้งสองมีปัญหากันแล้ว เช้านี้ได้ให้ทางกรมวังเตรียมของขวัญเยี่ยมไข้ที่เหมือนกันเป็นการเฉพาะ ลับหลังกลับเรียกตัวพ่อจีเอ๋อร์ไปคุยกันที่ห้องตำราเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม”

บทสนทนาคร่าวๆเป็นดังนี้

ข้าเป็นโอรสสวรรค์ ข้าสนับสนุนเรื่องการแต่งงานของลูกชายเจ้ากับนางหนูของตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวพวกเจ้า คงไม่เหมาะหากข้ามีราชโองการประทานงานแต่งงานให้ มิเช่นนั้นเสนาบดีทั้งสองเข้าใจผิดว่าข้ารำคาญผู้เฒ่าทั้งสองจะเป็นปัญหาขึ้นมาได้

อีกอย่าง อาศัยราชโองการบีบให้ทั้งสองตระกูลแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน ก็แค่ภายนอกปรองดองแต่ภายในแตกหัก ต้องให้เด็กทั้งสองคนได้รับการอวยพรและการเห็นพ้องจากผู้เฒ่าทั้งสองจริงๆ อย่างไรเสียก็ต้องให้เจ้าที่อยู่ในเหตุการณ์ออกโรงแก้ไขเองจึงจะดีที่สุด

ข้าหวังมาตลอดว่าผู้เฒ่าเฟิงกับผู้เฒ่าหลี่จะสามารถจับมือคืนดีกันได้ คิดถึงตอนแรกที่พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก กินนอนและอยู่ด้วยกันสิบกว่าปี มิตรภาพฉันเพื่อนที่ยากจะหาได้เช่นนี้ ใช่ว่าคนทั่วไปจะโชคดีที่จะมีได้ ต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆช่างน่าเสียดายเกินไปแล้ว

ถ้าหากเสนาบดีหลี่และเสนาบดีเฟิงสามารถละทิ้งความแค้นในอดีตได้ สองฝ่ายร่วมด้วยช่วยกันปกปักรักษาราชวงศ์ ราชสำนักต้องไร้เทียมทาน ทำให้พวกคนเลวต้องไร้ทางหนีอย่างแน่นอน

เรื่องนี้เป็นภารกิจสำคัญเกี่ยวพันถึงชะตาของราชสำนัก ข้ามอบหน้าที่ให้เจ้าแล้ว ถ้าหากสามารถคลี่คลายเรื่องบุญคุณความแค้นของทั้งสองตระกูลได้จริง เจ้าก็จะเป็นขุนนางผู้สร้างความดีความชอบของข้า

เซียวปี้เฉิงสบถเสียงต่ำว่า “พูดไปตั้งมากมาย ที่จริงเป้าหมายของเสด็จพ่อนั้นง่ายดายมาก ไม่มีอะไรไปมากกว่าการยุยงให้พ่อจีเอ๋อร์ทะเลาะกับเสนาบดีซ้ายเฟิง จะได้ทำให้ตาเฒ่ามาป้วนเปี้ยนต่อหน้าเขาน้อยลง”

แต่นิสัยของท่านพ่อเฟิงที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไหนเลยจะทนต่อเล่ห์เหลี่ยมของจักรพรรดิจาวเหรินได้

เมื่อเห็นฝ่าบาทมอบภาระอันหนักอึ้งให้ตนเองด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ก็รู้สึกว่าตนเองนั้นได้แบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

พูดถึงเรื่องเล็ก ก็เพื่อความสุขในอนาคตของเด็กทั้งสองคน

พูดถึงเรื่องใหญ่ ก็เพื่อคลี่คลายความบาดหมางระหว่างสองตระกูลให้หมดสิ้นอย่างแท้จริง ต่างก็กลับมาคืนดีกัน

แต่ล้วนได้ยินแค่เสียงตอนที่สองเสนาบดีทะเลาะกันเท่านั้น ไม่ได้รู้ถึงสาเหตุที่ชัดเจน

ดังนั้นข่าวซุบซิบที่เกี่ยวกับเรื่อง”เสนาบดีซ้ายเฟิงที่กินข้าวไปพลางและแอบเกาก้นไปพลาง หรือ“ถุงเท้าของเสนาบดีขวาหลี่ไม่ซักเป็นเวลาสามวันจนแข็งแล้วยังใส่ต่อไปอีก” ถูกแพร่ออกไปทั่วทุกซอกทุกซอยในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

ได้ดึงดูดนักข่าวเรื่องซุบซิบและกองบรรณาธิการของ”สำนักพิมพ์มีเงินเอาแต่ใจ” ต่างก็ไปตรวจสอบที่โรงยาโหยวเจียน เพื่อหาประเด็นที่น่าสนใจให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับต่อไป

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลี่หยวนเส้าที่เดินผ่านได้ยินเข้าก็นิ่งอึ้งไป

เขาเร่งเดินทางกลับไปที่โรงยาโหยวเจียนทันที และได้รับรู้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปากของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ ในศีรษะเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันที จ้องมองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“อะไรนะ เฟิงอู๋จีอยากจะแต่งงานกับเมิ่งชู”

หลี่หยวนเส้าอ้าปากตาค้าง ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกสายฟ้าฟาด

หลังจากได้สติ ก็เกิดอารมณ์สับสนวุ่นวายอย่างสุดขีดขึ้นมาทันที สีหน้าดุดันอย่างผิดปกติในพริบตา

หากเอ่ยด้วยใจเป็นกลาง เมื่อก่อนเขาเคยเข้าใจเฟิงอู๋จีผิด รู้สึกดูถูกและไม่ชอบคนคนนี้จากใจ

จนกระทั่งหักหลังตระกูลหลี่จนตกอับ ได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ทั้งสองจึงไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น

ระหว่างที่ทำความรู้จักกัน หลี่หยวนเส้าก็สังเกตจากรายละเอียดต่างๆ พบว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นสุภาพบุรุษที่ดีคนหนึ่งจริงๆ มีพฤติกรรมที่ดีควรแก่การคบหาให้แน่นแฟ้น

ดังนั้นทั้งสองจึงละทิ้งบุญคุณความแค้นในอดีต ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว มักจะรวมตัวกันเพื่อดื่มอยู่เป็นประจำ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาเห็นเฟิงอู๋จีเป็นเพื่อน แต่เฟิงอู๋จีกลับคิดไม่ซื่อกับน้องสาวสุดที่รักของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ