ได้ยินดังนั้น กงจื่อโยวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากด้วยเสียงอ่อนว่า “คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร ท่านเซียนเป็นอาจารย์หรือท่านพ่อของพวกหลงเอ๋อร์กันแน่......”
คำตอบสำคัญกับเขามากจริงๆ นี่เกี่ยวพันถึงเรื่องที่ว่าเขาควรจะเรียกเต้าหวู๋ซินว่าอาจารย์ หรือพ่อตา
“เป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งพ่อ และเป็นคนแปลกหน้าเช่นเดียวกัน”
เต้าหวู๋ซินหลุบตาลงชั่วครู่ ก่อนจะให้คำตอบที่ไม่ชัดเจนออกมา
แต่ไม่รอให้พวกเขาถามด้วยความมึนงง ก็เอ่ยปากอธิบายต่อไปว่า
“ที่ข้าเรียกตัวเองว่าอาจารย์ เพราะพลังแห่งจิตวิญญาณของพวกเจ้า หรือก็คือพลังจิต มีต้นกำเนิดมาจากเลือดของข้า ที่บ้านเกิดของข้า นี่เป็นวิธีโบราณที่แสดงถึงการสืบทอดจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์
“ที่ข้าเรียกตัวเองว่าพ่อ เพราะว่าในดีเอ็นเอของพวกเจ้าทั้งสี่คน ล้วนมีชิ้นส่วนพันธุกรรมของข้าที่ได้รับการตัดแต่งแล้ว พวกเรามีความเกี่ยวข้องด้านพันธุกรรมทางชีวภาพ
“และพวกเราก็เป็นคนแปลกหน้า ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าไม่เคยรับรู้การมีตัวตนอยู่ของข้า......”
เสียงตุ้มดังขึ้น คำพูดสามประโยคนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมา ทำให้คนที่อยู่ในตำหนักตกตะลึงจนรู้สึกชาไปทั่วโสตประสาท
ตัดแต่งพันธุกรรม......นี่เป็นการกระทำที่ผิดจรรณยาบรรณที่มีคำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดในศตวรรษที่ยี่สิบสาม
แม้แต่องค์กรสีเทาอย่างองค์กรมอยเร ก็มีบุคคลภายในไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ดังนั้นพวกหัวโบราณกลุ่มนั้นแม้จะทำการทดลองเช่นนี้กับร่างกายของสัตว์ แต่ก็ไม่กล้าลงมือกับร่างกายของมนุษย์
ฉับพลันนั้นอวิ๋นหลิงก็จำรายละเอียดที่ถูกมองข้ามไปขึ้นมาได้
องค์กรรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนเคยผ่านการทดลองการพัฒนาพลังจิตมาก่อน
แต่ยาที่ฉีดให้กับเด็กเหล่านั้นล้วนเป็นยาชนิดเดียวกัน มีเพียงยาของพวกนางที่เป็นยาเฉพาะบุคคล
เรียงลำดับตั้งแต่ S-1จนถึง S-4 ที่นางได้รับการฉีดในระยะยาวคือยาS-3 แม้กระทั่งหมายเลขประจำตัวในการทดลองทุกครั้ง ล้วนใช้หมายเลขวัตถุทดลองS-3
นางคิดมาตลอดว่ายาที่ฉีดเข้ามาในร่างกายตนเองนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ทดลอง จึงได้เรียกชื่อตามหมายเลขของยา
แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว พวกนางสามคนต่างหากที่เป็นวัตถุทดลองที่แท้จริง
ริมฝีปากของอวิ๋นหลิงสั่นเล็กน้อย ในสมองเหมือนมีความคิดบางอย่างจะโผล่ออกมา
กู้ฉางเซินขมวดคิ้วแน่น คำพูดประโยคแรกกับประโยคสุดท้ายของเต้าหวู๋ซินเขาสามารถเข้าใจได้ แต่ประโยคระหว่างนั้นหมายความว่าอย่างไร
กงจื่อโยวเบิกตากว้าง “ดีเอ็นเอ ดีเอ็นเออะไร”
เหมือนพวกตับไก่หรือเครื่องในไก่หรือไม่ เหมือนเขาจะไม่เคยกินมาก่อน
สีหน้าของหลงเย่เปลี่ยนไปทันที หันขวับไปมองเต้าหวู๋ซิน ถามด้วยน้ำเสียเย็นชาว่า “ท่านเป็นคนขององค์กรมอยเร”
มอยเร มาจากตำนานเทพีมอยเรแห่งโชคชะตาของกรีซ เป็นชื่อองค์กรแท้จริงที่พวกนางกำเนิดขึ้น
เมื่อเอ่ยถึงองค์กรนี้ แม้แต่เสวียนจีก็ไม่มีสีหน้าทะเล้นอีกต่อไป
นางเก็บรอยยิ้ม ใช้สายตาที่มีแววหยั่งเชิงและระแวงมองไปที่เต้าหวู๋ซิน “ท่านทะลุมิติมาจากศตวรรษที่ยี่สิบสามอย่างนั้นหรือ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับองค์กรมอยเร”
เต้าหวู๋ซินส่ายหน้า น้ำเสียงยังคงราบเรียบเหมือนที่ผ่านมา “ข้าไม่ได้มาจากโลกของพวกเจ้า โลกของพวกเจ้านั้น เป็นเพียงหนึ่งในโลกที่ข้าเดินทางผ่านมานับไม่ถ้วนเท่านั้น ส่วนองค์กรมอยเร......พวกเจ้าสามารถมองว่าข้าเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมันก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...