เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 852

เต้าหวู๋ซินเป็นคนที่มีความรู้สึกลึกซึ้งยาวนาน หลังจากที่เขาไปอยู่ในโลกหนึ่ง ปกติจะหยุดอยู่ที่แห่งนั้นนานมาก

กระทั่งคนคุ้นเคยคนสุดท้ายเสียชีวิตไป หลังจากที่ไม่มีพันธะใดๆต่อไปแล้ว จึงจะเดินทางไปยังโลกต่อไปเพื่อค้นหาความหวังใหม่

โลกใบนี้แตกต่างกับโลกก่อนหน้านี้ที่เต้าหวู๋ซินเคยไป

ไม่มีราชวงศ์ และไม่มีจักรพรรดิ ผู้คนมีชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน

แม้จะเป็นคนธรรมดาที่ไร้พลังอำนาจ แต่กลับสามารถนั่งอยู่กับที่และเดินทางไปได้ไกลหมื่นลี้ คุยกันต่อหน้าแม้จะห่างกันเป็นพันลี้

พวกเขาไม่มีพลังจิต กลับสามารถบินอยู่บนท้องฟ้า กระทั่งขึ้นไปบนดวงจันทร์

ในเมืองเหล็กกล้าที่เต็มไปด้วยตึกสูง เป็นครั้งแรกที่เต้าหวู๋ซินรู้สึกเกิดความสนใจอย่างมากต่อโลกแห่งนั้น

เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่า”วิทยาศาสตร์” เขาตัดสินใจจะหยุดใช้ชีวิตที่นี่

แต่บางทีอาจเป็นเพราะความเคยชินในการใช้ชีวิตแตกต่างจากคนที่นี่อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะระวังตัวมากแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกคนฉลาดสังเกตเห็นความผิดปกติจนได้

“ผู้ชายคนนั้นชื่อว่าฉีไหวเซิง เขาเป็น เขาเป็นอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการแพทย์ในขณะนั้น ก่อตั้งสมาคมทางการแพทย์ที่เรียกว่ามอยเร”

อวิ๋นหลิงไม่ได้รู้สึกไม่คุ้นเคยกับชื่อ”ฉีไหวเซิง”

หรือจะพูดว่าในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นศตวรรษที่ยี่สิบสาม ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเขา นั่นเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลที่ถูกเขียนเอาไว้ในตำราทางการแพทย์

ไม่เพียงแต่มีอายุสามสิบปี ก็ก่อตั้งสมาคมทางการแพทย์แล้ว และยังเป็นตัวตายตัวแทนขององค์กรผิดกฎหมาย

“เขาเคยบอกว่ามอยเรเป็นเทพีแห่งโชคชะตาในตำนานของกรีซ แม้แต่ซุสซึ่งเป็นบิดาแห่งสรรค์ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนการกำหนดโชคชะตาของนางได้ และชาวกรีซต่างก็คิดว่าทุกคนล้วนมีเทพีแห่งโชคชะตาของตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหวังว่าคนไข้ทุกคนจะสามารถกำหนดโชคชะตาชีวิตของตัวเอง เอาชนะโรคภัยได้”

“ในบ้านเกิดของข้า มีความเชื่อในเหตุผลที่ว่า‘ชีวิตข้าข้ากำหนดเอง’เหมือนกัน ดังนั้นพวกเราต่างก็ชื่นชมซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นเพื่อนสนิท”

“ไม่ช้า เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติของข้า สังเกตเห็นพลังพิเศษของข้า และได้รับรู้ประวัติของข้า รู้สึกอัศจรรย์ใจที่โลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่า‘รากเหง้าแห่งจิตวิญญาณ’อยู่จริง”

“ฉีไหวเซิงอยากจะรู้มากว่า สิ่งที่เรียกว่า‘รากเหง้าแห่งจิตวิญญาณ’อยู่ในส่วนไหนของร่างกายมนุษย์ จึงได้เชิญข้าเข้าร่วมกับมอยเรเพื่อทำการวิจัยทางการแพทย์”

“เริ่มจากการแลกเปลี่ยน เขาจะใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยที่สุด ช่วยข้าแก้ไขปัญหาเรื่องที่ไม่สามารถมีทายาทได้”

เต้าหวู๋ซินตอบตกลง

ในวันเวลาที่ยาวนาน เขาพเนจรมานานมากเกินไปแล้ว เหนื่อยมากเกินไปแล้ว เขาต้องการที่พักพิงสักแห่งให้จิตวิญญาณได้หยุดพัก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาร่วมมือกับฉีไหวเซิงในการสืบค้นความลับ‘รากเหง้าแห่งจิตวิญญาณ’ ฉีไหวเซิงช่วยเขาค้นคว้าวิจัยปัญหาการสืบพันธุ์

【......น่าสนใจมาก ในร่างกายของคุณไม่ได้มีอวัยวะอะไรเพิ่มขึ้น แล้วรากเหง้าแห่งจิตวิญญาณอยู่ที่ไหน】

【อีกอย่าง คุณบอกว่าจิตวิญญาณของคุณติดอยู่ในร่างของคนบนโลกใบนี้ ทำไมตัวชี้วัดต่างๆของร่างกายนี้กลับเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีวิญญาณที่แท้จริง กลับสามารถกระทบร่างกายที่มีอยู่จริง อืม...... คนโบราณมักจะกล่าวว่าสิ่งทั้งหลายเกิดจากจิต ไม่แน่ว่าจะซ่อนปรัชญาเทววิทยาเอาไว้】

【ผมได้ทดลองใช้อสุจิของคุณผสมกับเซลล์ไข่ ทำการปฏิสนธิในหลอดทดลอง น่าเสียดายมากที่ล้มเหลว......เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอสุจิที่มีความแข็งแรงจนสามารถฆ่าเซลล์ไข่ให้ตายได้ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ถ้าหากเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป วงการแพทย์ทั่วโลกต้องสะเทือนแน่】

【แต่อย่าเพิ่งท้อใจ การแพทย์กำลังก้าวหน้า ตอนนี้การโคลนไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยากอีกต่อไปแล้ว รอให้ผมทำการวิจัยคัพภวิทยาและพันธุศาสตร์พัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ต้องมีวิธีการแน่ๆ...... 】

【หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว ที่แท้สิ่งที่เรียกว่า‘รากเหง้าแห่งจิตวิญญาณ’ซ่อนอยู่ในสมอง ......ระดับการพัฒนาสมองของมนุษย์ทั่วไปอยู่ที่ร้อยละสิบเท่านั้น เป็นอย่างนี้นี่เอง ต้นกำเนิดของพลังแห่งจิตวิญญาณอยู่ที่สมอง......วิทยาศาสตร์กับเทววิทยาเป็นเรื่องเชื่อมโยงกัน...... 】

【คุณคิดว่า ถ้าหากวันหนึ่งสมองของมนุษย์สามารถพัฒนาจนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ จะเป็นยังไง】

ฉีไหวเซิงเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง

อัจฉริยะกับคนบ้า มีเส้นบางๆกั้นอยู่เสมอมา

การศึกษาวิจัยร่างกายและสมองมนุษย์ทำให้เขาหมกมุ่นคลั่งไคล้ การปรากฏตัวของเต้าหวู๋ซินทำให้เขาตื่นเต้นอย่างหยุดยั้งไม่ได้

เพื่อสืบค้นหาคำตอบที่ไม่รู้ เขายอมละทิ้งสิ่งต่างๆมากมาย ทั้งสติปัญญา กระทั่งความเป็นคน

ตอนที่พวกนางเกิดมา ก็มีผู้ที่มีพลังจิตจากการพัฒนาของคนอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว แม้ว่าระหว่างการทดลองจะมีเปอร์เซ็นต์การตายสูงมาก แต่ก็ต้านทานคนที่กระโจนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายไม่ได้

“อืม เป็นข้าที่ประมาทเกินไป ไม่เคยคิดว่าในมือของฉีไหวเซิงจะยังมีเลือดของข้าอยู่หนึ่งขวด”

ที่สุดแล้วเต้าหวู๋ซินก็รู้จักกับโลกใบนั้นไม่มากพอ ทิ้งภัยแอบแฝงเอาไว้

ฉีไหวเซิงเป็นอัจฉริยะ เขายังมีชีวิตอยู่ ในมือยังมีเลือดของเต้าหวู๋ซินอีกด้วย การวิจัยทุกอย่างจึงหวนกลับมาอีกครั้ง

หลังจากที่เต้าหวู๋ซินหายตัวไป โครงการรากเหง้าแห่งจิตวิญญาณถูกระงับ เขาทำการประกาศอย่างเป็นทางการว่าพลังเช่นนี้มีชื่อว่า พลังจิต

หลงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า “พวกเราแตกต่างกับคนพวกนั้น......เพราะใช้เลือดของท่านอย่างนั้นหรือ”

“ถูกต้อง แม้ว่าข้าจะจากโลกนั้นมาแล้ว แต่เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด จึงทิ้งจิตสำนึกที่สามารถดำรงอยู่ได้เป็นร้อยปีเอาไว้ สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น”

“หลังจากที่ฉีไหวเซิงตาย คนอื่นๆในองค์กรมอยเรก็รับช่วงต่อในการวิจัยพลังจิต แต่ไม่ช้าพวกเขาก็พบว่า แม้ว่ารากเหง้าแห่งจิตวิญญาณเทียมจะสามารถปรับปรุงสมรรถภาพของร่างกายให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะควบคุมช่องว่างและกาลเวลาเหมือนข้าได้”

หลิวฉิงเอามือกอดอก เอ่ยต่อด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “พวกเขาอยากจะได้รับพลังที่แท้จริง ดังนั้นจึงได้ใช้เลือดขวดนั้นของท่าน และให้กำเนิดพวกเรา”

เต้าหวู๋ซินพยักหน้าช้าๆ

อวิ๋นหลิงเข้าใจในทันที ถึงว่าพวกนางนอกจากจะมีพลังจิตแล้ว ต่างก็มีพลังพิเศษอื่นๆที่แตกต่างกันไป เข้ากับคนอื่นไม่ได้เลย......

เสวียนจีย่นจมูก แต่ดวงตากลับแดงก่ำ จู่ๆก็ร้องไห้เสียงดังออกมา

“ฮือๆๆ ข้าคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง......ที่แท้ข้าไม่มีพ่อแม่ ไม่มีอะไรเลย......”

นางเป็นแค่สิ่งทดลอง สิ่งทดลองที่กำเนิดจากการทดลองที่ไม่ได้รับการเคารพยกย่อง

นี่เป็นความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่าการถูกทอดทั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ