ในที่สุดก็มาถึงวันเกิดของสองพี่น้องถวนถวน เซียวปี้เฉิงไม่อยากให้โม่อี้ซืออกมาเกะกะสายตา ดังนั้นนางและยินถังจึงอยู่ในศาลต้าหลี่ต่ออีกห้าวัน
ถ้าไม่ใช่เพราะรีบร้อนจะให้สองคนนี้แต่งงานกัน เขาแทบอยากจะให้ขังต่ออีกสองเดือนเพื่อให้ได้รับบทเรียนซะบ้าง
แต่ว่า ทั้งสองอยู่ในศาลถ้าหลี่ก็ถือได้ว่าได้รับการดูแลในระดับแขกวีไอพี
ยินถังถูกบังคับให้กินยาปลุกสมองแทนข้าวทุกวัน ตอนที่ออกมาก็ผอมลงไปมาก อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีดไปหมด
ส่วนโม่อี้ซือต้องคัดพระคัมภีร์ทั้งวันทั้งคืน รอยคล้ำใต้ตาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนบนใบหน้างดงาม ความงามนั้นลดลงไปหลายส่วนเพราะความซีดเซียว
หลังจากที่กลับไปถึงวังหลวง ก็ทะเลาะกับองค์หญิงอี๋อันอย่างที่เซียวปี้เฉิงคิดเอาไว้
……
“ท่านแม่ พี่ยินถังบอกแล้วว่า เขาจะขอฝ่าบาทแต่งงานกับข้า”
ติดอยู่ในคุกศาลต้าหลี่หลายวัน ใบหน้าของโม่อี้ซือซีดเซียวลงหลายส่วน แต่กลับกลบแววตาที่เป็นประกายในดวงตาของนางได้
นางเหมือนนกน้อยที่เริงร่า โผเข้าไปในอ้อมอกขององค์หญิงอี๋อันพร้อมเสียงพูดเจื้อยแจ้ว แบ่งปันข่าวดี
สีหน้าขององค์หญิงอี๋อันเปลี่ยนไปทันที เอ่ยเสียงเข้มว่า “ไม่ได้ เจ้าไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลยินได้”
โม่อี้ซือนิ่งอึ้ง “ทำไม”
“เจ้าไม่ทั้งพ่อและพี่ชายให้พึ่งพา จะแต่งเข้าตระกูลยินที่เป็นตระกูลใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร ในนั้นมีแต่เจ้านายที่จิตใจโหดร้าย เจ้าอาศัยที่ตำแหน่งท่านหญิง จะปรามพวกเขาให้อยู่ได้อย่างไร”
ได้ยินเช่นนั้น โม่อี้ซือก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “ที่แท้ท่านแม่ก็เป็นห่วงเรื่องนี้นี่เอง แต่ข้ายังมีท่านแม่ ฝ่าบาทและพวกท่านน้ารัชทายาทเป็นที่พึ่งมิใช่หรือ ไม่มีใครกล้ารังแกข้าแน่”
หลังจากที่ได้รับตำแหน่งเป็นท่านหญิง หญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างก็ห้อมล้อมสรรเสริญนางราวกับดวงเดือนกลางหมู่ดาว แม้แต่พระชายาจินอ๋องยังผูกมิตรกับนาง
นางคิดแค่ว่าองค์หญิงอี๋อันระมัดระวังเรื่องหยุมหยิมมากไปจนเคยชิน
“เด็กโง่ พวกท่านน้าของเจ้าต่างก็เห็นแก่เสด็จพ่อจึงได้ใจกว้างกับเจ้าหลายส่วน ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เจ้าได้ทำให้สองสามีภรรยาเยี่ยนอ๋องไม่ชอบใจ และเคยถูกสองสามีภรรยารัชทายาทตำหนิอีกยกใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ แม้พวกเขาจะไม่แสดงออก แต่ก็คงจะไม่พอใจอยู่หลายส่วน สุดท้ายก็คั่นด้วยสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่ดี ไม่ได้อยู่ด้วยกันจนมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับเจ้า ภายหน้าพวกเขาย่อมต้องมีหลานแท้ๆให้รัก แค่ไม่กี่วันที่เซียงถวนกำเนิดมา เจ้าเห็นพวกเขามาเคยมาถามไถ่ถึงเจ้าบ้างหรือไม่”
ย่อมไม่มีใครมาเยี่ยมนาง ท่านอ๋องทั้งหลายต่างก็รู้เรื่องที่ก่อนหน้านี้นางไปหาเรื่องดวงซวยต่อหน้าอวิ๋นหลิง ดังนั้นครั้งนี้หลังจากกลับมาจากศาลต้าหลี่ ต่างก็ไม่สนใจนางโดยปริยาย
รอยยิ้มของโม่อี้ซือแข็งค้าง เม้มปากไว้แน่น
“ต้องเป็นเพราะพระชายารัชทายาทไปพูดอะไรแน่ๆ ท่านน้าคนอื่นๆจึงไม่ยอมมาเยี่ยมข้า ฝากความหวังกับพวกเขาไม่ได้ ข้าจึงจำเป็นต้องเลือกครอบครัวสามีที่ร้ายกาจอย่างไรเล่า พี่ยินถังมีภูมิหลังครอบครัวที่โดดเด่น นิสัยอ่อนโยนมีน้ำใจ เขาบอกว่าชอบข้ามานานแล้ว สัญญาว่าภายหน้าจะไม่ให้ข้าต้องลำบากอย่างเด็ดขาด”
องค์หญิงอี๋อันได้ยินแค่ครึ่งประโยคแรกก็แทบจะสะกดกลั้นความโมโหเอาไว้ไม่อยู่ แต่พอได้ยินประโยคหลัง ก็ยิ่งรู้สึกจนใจและขมขื่น
“ตอนนั้นท่านพ่อบุญธรรมของเจ้าก็พูดกับข้าเช่นนี้เหมือนกัน แต่เขาก็ยังทอดทิ้งข้าอย่างไร้เยื่อใย เจ้าเชื่อฟังแม่ เลือกสามีที่มีขั้นขุนนางต่ำกว่าระดับห้ามีชาติกำเนิดยากจนจะดีที่สุด เจ้าแต่งงานไปในฐานะของท่านหญิง ภายหน้าสามารถควบคุมครอบครัวสามีได้ พ่อแม่สามียิ่งไม่กล้าเมินเฉยต่อเจ้า”
โม่อี้ซือไม่ชอบฟังคำพูดเช่นนี้ นางนั่งฟังด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอยู่นาน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
นางไม่เข้าใจว่าทำไมองค์หญิงอี๋อันต้องคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ สามารถแต่งงานกับยินถังที่เป็นลูกคนโตจากตระกูลสูงศักดิ์ ควรจะดีใจแทนนางไม่ใช่หรืออย่างไร
ทำไมเอาแต่บอกว่านางไม่คู่ควรกับยินถัง
แม้จะมีชาติกำเนิดต่ำต้อยไปหน่อย แต่นางก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านหญิง ทำไมจึงเทียบกับคุณหนูคนอื่นๆไม่ได้เล่า
“คำพูดของท่านแม่ช่างน่าประหลาด คนต่างก็ต้องอยากจะปีนขึ้นที่สูง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้เดินลงที่ต่ำ ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่เหมือนกับท่านแม่ พี่ยินถังบอกว่าเขารักข้าตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวจากครอบครัวที่มั่งคั่งในเมืองหลวงเมื่อเทียบกับข้าล้วนเป็นแค่หญิงธรรมดาทั่วไป แม้ว่าภายหน้าเขาจะแต่งอนุภรรยาสองสามคน ก็ไม่มีใครก้าวข้ามข้าไปได้”
นางไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวที่เชื่อฟังของนางจะกลายเป็นเช่นนี้ รู้สึกแค่ว่าต้องเป็นเพราะแปดเปื้อนสิ่งชั่วร้ายจึงทำให้เป็นเช่นนี้
“......เจ้าเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ ข้า......ข้าจะไปหาเจ้าอาวาสวัดหานซานมาขับไล่สิ่งชั่วร้าย”
เสียงตบหน้าดังขึ้นข้างใบหู โม่อี้ซือกุมหน้าที่แดงก่ำเอาไว้ หันกลับมามองนางด้วยสายตาที่แฝงแววโกรธแค้น
“ท่านแม่อย่าเห็นแก่ตัวนักเลย ถ้าทำเพื่อข้าจริงๆ ก็ไม่ต้องขัดขวางเรื่องนี้ มิเช่นนั้นจะไม่ละอายต่อพ่อแม่ข้าที่ตายไปหรอกหรือ ถ้าหากท่านยังดึงดันจะขัดขวาง ข้ายินดีจะเอาศีรษะชนกำแพงตาย ไปหาพ่อแม่ข้ายังปรโลก”
พูดจบ ก็ร้องไห้วิ่งออกไปอย่างน้อยใจและโกรธเคือง
สมองขององค์หญิงอี๋อันเกิดเสียงอื้ออึงดังขึ้นมา สีหน้าซีดเผือดโซเซไปหลายก้าว ริมฝีปากสั่นเทา ปวดใจจนพูดอะไรไม่ออก
นางมองเงาร่างของโม่อี้ซือหายไปทั้งน้ำตานองหน้า ราวกับผีเสื้อที่บินหลงเข้าไปในสวนดอกไม้ ถูกสีสันของดอกไม้ทำให้ลายตา กลับมองไม่เห็นนกกระจอกอันตรายที่บินอยู่เหนือศีรษะ
……
เซียวปี้เฉิงฟังบทสนทนาของสองแม่ลูกคำต่อคำจนจบ และเก็บพลังจิตกลับมา สีหน้าสับสนหลายส่วน
หลังจากกลับไปยังตำหนักบรรทม เขาเอ่ยกับอวิ๋นหลิงว่า “สำเร็จแล้ว แต่ก็สงสารความเพียรพยายามของเสด็จพี่”
“คำพูดดีๆใช้กับคนที่ปฏิเสธจะฟังไม่ได้ ต่อไปควรทำอย่างไรก็ทำเถอะ”
ถ้าหากจะบอกว่าก่อนหน้านี้อวิ๋นหลิงก็แค่ไม่ชอบโม่อี้ซือ คร้านจะถือสาเด็กสาวเช่นนี้ เช่นนั้นตอนนี้ก็คงจะรู้สึกรังเกียจอย่างแท้จริงแล้ว
แม้จะไม่เป็นสื่อกลางให้กับโม่อี้ซือและยินถัง สองคนนี้อยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......