เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 861

หลังจากวางยาเม็ดไว้เรียบร้อย หลงเย่ก็ออกไปส่งอวิ๋นหลิงกับลูกๆออกจากจวน ด้วยเหตุนี้หลังจากกลับมาแล้วก็ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า ยาในขวดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยสองเม็ด

ตามวิธีการนับวันของสำนักศึกษา วันนี้เป็นวันศุกร์ ปกติช่วงเย็นกู้ฉางเซินจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตในวันหยุด

หลังจากหลิวฉิงกินอาหารเช้าที่จวนอ๋องจินเสร็จ ก็ไปคุมงานที่สวนสัตว์ตามปกติ หากเป็นไปตามคาดหมาย วันนี้นางจะกลับมาค่ำมาก

เสวียนจีกลับไปถึงห้อง หลังจากที่รีบบดยาสองเม็ดนั้นให้เป็นผงแล้ว ใส่เอาไว้ในขวดใบเล็กใบหนึ่ง

ช่วงพลบค่ำ กู้ฉางเซินกลับมาถึงก่อนจริงๆ

จวนของพวกเขาอยู่ใกล้กับจวนอ๋องจิน ใช้เวลาเดินไม่ถึงสิบนาที ด้วยเหตุนี้ปกติแล้วทั้งสองจวนจะกินข้าวพร้อมกัน

หลิวฉิงไม่ชอบคนเยอะเรื่องแยะ บวกกับความขี้เหนียวและต้องการประหยัด นอกจากบ่าวรับใช้ที่ทำความสะอาดสองคนแล้ว ก็ไม่ได้จ้างแม่ครัว

หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จ กู้ฉางเซินก็ออกไปจากจวนอ๋องจิน เสวียนจีตามออกไปด้วย

“แม่สาวน้อย เจ้าตามข้ามาทำไม”

“พี่เขย วันนี้พี่สามมาส่งยา ได้ยินมาว่าหลายวันนี้พี่เอ้อร์หลีว์เป็นหวัดไม่หายสักที ได้เอายาชงแก้หวัดที่ทำขึ้นมาใหม่มาให้ เมื่อครู่ลืมมอบให้ท่าน”

เสวียนจีว่าแล้ว ก็ล้วงเอาขวดเล็กๆใบหนึ่งออกมาจากห่อผ้ายัดให้เขา ยิ้มหวานยิ่งกว่าอะไร

“รอพี่เอ้อร์หลีว์กลับมาแล้ว พี่เขยอย่าลืมให้นางดื่มล่ะ ชงให้ละลายในน้ำก็พอ รับรองว่าเห็นผลทันตา กินยาแล้วหายทันที”

ยาของนางเป็นปริมาณของสองคน ออกฤทธิ์สองเท่า

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้หลิวฉิงไม่เหมือนคนทั่วไป ไม่ใช้ยาแรงสักหน่อยก็ไม่ได้

กู้ฉางเซินรู้สึกแค่ว่ารอยยิ้มของนางมีจุดประสงค์อื่น แต่ชั่วขณะนั้นก็เกาไม่ออกว่าสาวน้อยคนนี้อยากทำอะไรกันแน่

ไม่ว่าอย่างไรพวกนางก็เป็นพี่น้องกัน ยานี้ไม่มีทางทำร้ายคนแน่ ยื่นนิ้วเรียวยาวออกไปรับขวดใบนั้นมา ยิ้มอบอุ่นให้นางพลางพูดว่า “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าช่วยขอบคุณอวิ๋นหลิงด้วย”

หลิวฉิงย่อมไม่ได้ป่วยอะไร แต่กู้ฉางเซินรู้สึกว่าจำเป็นต้องส่งยาไปให้นางในห้อง

ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่กลับมาจากงานเลี้ยงในวัง ยากมากกว่าเขาจะได้อาศัยโอกาสที่หลิวฉิงเมา หลอกล่ออีกฝ่าย

เห็นว่าต้องชดเชยคืนเข้าหอที่พลาดโอกาสไป จะดำเนินการให้ถึงขั้นสุดท้ายกลับถูกประจำเดือนที่มาอย่างกะทันหันตัดบท

หลิวฉิงเมาจนใบหน้าแดงก่ำ เป็นครั้งแรกที่มีสีหน้าเก้อเขิน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาต่างก็แยกห้องกันนอนทุกคืน

แต่จนกระทั่งประจำเดือนสิ้นสุดแล้ว หลิวฉิงก็ยังไม่มีท่าทีจะนอนร่วมเตียงกัน ใช้เหตุผลเดียวกันในการปฏิเสธเขาทุกครั้ง

“สองวันนี้ข้าอยู่ข้างนอกอากาศหนาวรู้สึกไม่ค่อยสบาย แยกกันนอนต่อไปอีกสักพักดีกว่า ท่านจะได้ไม่ติดเชื้อ กระทบการทำงานที่สำนักศึกษาของท่าน”

กู้ฉางเซินสงบนิ่งและสงวนท่าทีเสมอมา นิสัยเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเอ่ยขอร่วมหอออกมาโดยตรง

แต่เขาก็ไม่ได้หมดกำลังใจ และไม่ร้อนใจ ปฏิบัติต่อหลิวฉิงไม่ว่าจะเรื่องใดล้วนมีความอดทนอย่างไร้ขีดจำกัดเสมอมา

ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงนี้เป็นการฝึกทหารของนักเรียนใหม่ในสำนักศึกษาชิงอี้พอดี เขาที่เป็นหัวหน้าสำนักศึกษามีงานยุ่งมากจริงๆ แทบจะกลับเมืองหลวงทุกสองสามวัน

ตอนนี้การฝึกทหารสิ้นสุดแล้ว ควรทำเรื่องที่ยังไม่เสร็จสิ้นก่อนหน้านี้ต่อให้จบได้แล้ว

……

ช่วงกลางคืน หลิวฉิงกลับมาดึกมาก

พระจันทร์เสี้ยวหลบอยู่หลังก้อนเมฆอย่างเขินอาย นอกประตูสีแดง โคมไฟสีเหลืองนวลโคลงเคลงไปมาตามแรงลมในยามราตรีของฤดูใบไม้ร่วง

หลิวฉิงอาศัยแสงจันทร์และแสงจากโคมไฟก้มมองนาฬิกาพก มองเห็นอย่างเลือนรางว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว

กู้ฉางเซินที่มีกิจวัตรที่ดีในการตื่นเช้านอนเร็ว อีกฝ่ายเวลานี้คงจะอยู่ในห้วงนิทราแล้ว

นางผลักประตูอย่างเบามือและเดินเข้าไป ในลานบ้านมืดสนิท แต่ละเรือนล้วนไม่มีแสงไฟ

หลิวฉิงคลำทางย่องเข้าไปในห้องเงียบๆราวกับเป็นโจร ยังไม่ทันให้โล่งใจ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยสายหนึ่งดังขึ้นมาในความมืด

“ทำไมจึงได้กลับดึกเช่นนี้”

หลิวฉิงร่างกายแข็งค้าง รู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทันที เอ่ยตะกุกตะกักว่า “ท่านท่าน......ทำไมท่านมาอยู่ในห้องข้า ยังไม่นอนหรือ”

ในความมืดมีเสียงถอนหายใจเบาๆดังขึ้น เบาจนนางนึกว่าคิดไปเอง

จากนั้นเสียงเสียดสีของไม้ขีดก็ดังขึ้น พื้นที่ครึ่งห้องถูกไฟบนโต๊ะหัวเตียงส่องสว่าง

เห็นกู้ฉางเซินที่อยู่บนตั่งสวมชุดด้านในสีเขียว ผมยาวละบ่า ใบหน้าหล่อเหลากึ่งสว่างกึ่งมืดใต้แสงไฟ

กู้ฉางเซินปิดหนังสือและเหลือบตาขึ้นมอง หลังจากที่เห็นดวงตาพร่าเลือนใบหน้าแดงก่ำของนางแล้ว ก็นิ่งอึ้งไป

“ฉิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไร”

“ไม่เป็นไร แค่รู้สึกเวียนหัวมีไข้ น่าจะเป็นหวัดจริงๆเสียแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าอาการของหลิวฉิงผิดปกติ กู้ฉางเซินยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผาของนาง มีความร้อนอยู่บ้าง

เขาขมวดคิ้วแน่น หรือว่าในเวลาที่สำคัญเช่นนี้จะเป็นหวัดไปแล้วจริงๆ

หรือว่ายานั่นมีปัญหา

ยาที่มาจากอวิ๋นหลิง ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีปัญหา

กู้ฉางเซินแอบทอดถอนใจอยู่ลึกๆ ได้แต่ล้มเลิกแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก

“รีบนอนพักก่อนเถอะ ข้าจะไปต้มยาให้เจ้าใหม่”

พูดจบ เขากำลังจะลุกขึ้นไปหายามาใหม่ คนที่อยู่ข้างกายกลับโผเข้ามาใกล้อย่างแนบชิด เผยเสียงครางเบาๆอย่างรู้สึกสบายออกมา

“......กอดท่านแล้วรู้สึกเย็นสบายดีจัง”

กู้ฉางเซินเพิ่งจะรู้สึกได้ว่า อุณหภูมิของร่างกายนางสูงกว่าปกติ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อและดวงตาที่มีแววพร่าเลือนอย่างชัดเจน สีหน้ามีแววประหลาดใจวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

......เขาพอจะเดาออกแล้วว่านั่นคือยาอะไร

ดวงตาขรึมลง กู้ฉางเซินถอดเสื้อของนางออก หลิวฉิงรู้สึกแค่ว่าการสัมผัสที่ต้นขาของนางทำให้ความตื่นเต้นและโหยหาจู่โจมขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ตัวสั่นสะท้าน

ความอุ่นร้อนที่คุ้นเคยถาโถมเข้ามา นางหนีบมือของกู้ฉางเซินเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อน ข้า ประจำเดือนเหมือนจะมาอีกแล้ว”

ช่วยด้วย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ในเวลาสำคัญเสมอ

กลับเห็นแววตาของกู้ฉางเซินแฝงรอยยิ้มเอาไว้ เขาดึงมือกลับ ปลายนิ้วใต้แสงไฟที่สาดส่องจากโคมแกะสลัก เปล่งประกายน้ำแวววาว

เป็นอย่างที่คาดเอาไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ