“ฉิงเอ๋อร์ เจ้ายังรู้สึกเหนื่อยอยู่หรือไม่”
หลิวฉิงได้สติกลับมาจากอาการนิ่งอึ้ง ใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมา รีบส่ายหน้าทันที
“ข้า......ข้าไม่เป็นไร ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
นางถามอย่างระมัดระวัง สายตามองไปยังส่วนที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มของกู้ฉางเซิน ดวงตาชะงักค้าง
ไม่ได้มีความหมายอื่น รอยแดงบนผิวขาวราวกับหยกนั้นช่างดูรุนแรงบาดตาเกินไป
เผชิญหน้ากับกู้ฉางเซินที่ได้รับความเสียหายจากสงครามเมื่อคืนนี้ เป็นครั้งแรกที่หลิวฉิงรู้สึกหงุดหงิดและหดหู่ที่การกระทำของตนเองสุภาพอ่อนโยนไม่มากพอ
สายตาของกู้ฉางเซินแฝงรอยยิ้ม เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ยาเมื่อคืนนี้มีฤทธิ์แรงอยู่บ้าง เจ้าคงจะรู้สึกทรมานไม่น้อย”
หลิวฉิงไม่ทันได้สังเกตถึงความพยายามในการสะกดกลั้นอารมณ์ภายในน้ำเสียงแหบแห้งนั้น ในสมองเต็มไปด้วยภาพเมื่อคืนที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เริ่มแรกตนเองที่เชื่องช้าทำอะไรไม่ถูกอยู่ในการควบคุมของกู้ฉางเซินทั้งหมด ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ในร่างกายค่อยๆสะสมแรงกระตุ้นและพละกำลัง ทำให้นางโถมเข้าหาอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยตนเอง
ใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวายนั้น ที่สุดจากความเขินอายก็กลายเป็นความโกรธพุ่งเป้าหมายไปที่คนก่อเรื่อง
“เจ้าเด็กนั่นคงอยากจะถูกสั่งสอน รอดูเถอะว่าข้าจะจัดการกับนางอย่างไร”
ว่าแล้วหลิวฉิงก็ลุกขึ้นจะไปคิดบัญชีกับคนก่อเรื่อง เพิ่งจะขยับได้สองทีก็รู้สึกปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว ทั้งปวดทั้งเวียนหัว ล้มตัวลงไปทันที
ในขณะเดียวกัน กู้ฉางเซินก็รู้สึกตกใจ พูดเสียงขึ้นจมูกว่า “ฉิงเอ๋อร์ อย่าขยับ”
หลิวฉิงรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แสบร้อน ยังมีความรู้สึกอิ่มเอมตึงแน่น หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต
“ท่าน......ทำไมท่านยังไม่ออกไปอีก......”
เจ้าอ๋องไม่ใช่คนที่ไร้การควบคุมเช่นนั้น เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ที่สามารถครองตัวเป็นโสดมาได้ถึงยี่สิบแปดปี
กู้ฉางเซินเกรงว่าจะทำให้นางเจ็บ พยุงร่างกายถอยออกมาอย่างระมัดระวัง
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่า “เป็นเจ้าที่ไม่ยอมให้ข้าไป พอข้าจะไปเจ้าก็พาลใส่ข้าราวกับสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง กระทั่งกดข้าเอาไว้......”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค หลิวฉิงรีบเอามือปิดปากเขาเอาไว้ทันที อายจนโกรธและเอ่ยข่มขู่ว่า “หยุดๆๆ พอแล้ว ห้ามพูด”
สายตาของกู้ฉางเซินมีแววของรอยยิ้มวาบผ่าน
เขาชอบท่าทีที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้ของนาง ใบหน้าที่นิ่งเรียบไร้อารมณ์แต่ไหนแต่ไร ตอนนี้กลับมีสีหน้าที่แตกต่างกันไปมากมายเพราะเขา
ผ่านไปนานกว่าหลิวฉิงจะยอมรับความจริงเรื่องที่ทั้งสองคนแนบชิดกันตลอดทั้งคืนได้ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆและบอกกับตัวเองว่าต้องใจเย็น
ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย เจ้าลิงซุกซนตัวนั้นไว้ค่อยจัดการทีหลังก็ได้
นางประสานเข้ากับสายตาของกู้ฉางเซินที่แฝงด้วยรอยยิ้ม เอ่ยอย่างลังเลและเป็นกังวลอยู่บ้าง “ข้าขอถามอย่างจริงจังสักสองคำ ร่างกายของท่านรับไหวหรือไม่ จะให้หลิงเอ๋อร์ช่วยตรวจเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ถ้าหากมีปัญหา......”
ดวงตาของกู้ฉางเซินล้ำลึกขึ้น เอ่ยขึ้นช้าๆว่า “ฉิงเอ๋อร์เกรงว่าหลังจากนี้ข้าจะมอบความสุขให้เจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
หลิวฉิง “!?”
เดี๋ยวก่อน นางไม่ได้หมายความเช่นนั้น
“พิษในร่างกายข้าถูกขจัดจนสะอาดสะอ้าน ตอนนี้พักฟื้นร่างกายมีปีกว่าแล้ว แม้จะทำเรื่องอย่างเมื่อคืนอีกครั้ง ก็ยังสามารถรับไหว”
เขาฝึกดาบมาตั้งแต่เด็ก มีพื้นฐานร่างกายที่คนทั่วไปเทียบไม่ได้ ก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการข่มพิษ ยิ่งทำการฝึกฝนกำลังภายในจนแกร่งกล้าถึงขีดสุด
วันหนึ่งเมื่อพิษถูกขจัดออกไป ก็เหมือนมังกรคะนองน้ำ สิงโตแหกกรง
“เจ้าวางใจได้ ข้าเป็นอะไรหรือไม่ เมื่อครู่เจ้าก็ได้วินิจฉัยด้วยตนเองแล้วมิใช่หรือ”
กู้ฉางเซินพูดเอื่อยเฉื่อย แต่ละคำล้วนทำเอาหลิวฉิงพูดไม่ออก ได้แต่เบิกตาโตมองเขานิ่ง
นี่ยังเป็นเจ้าอ๋องในความทรงจำที่บริสุทธิ์อ่อนโยนคนนั้นหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...