พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 87

รุ่ยอ๋องรู้ตัวว่าแสดงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม ทว่าเมื่อได้ยินอวิ๋นหลิงเรียกว่า “หลานชายคนโง่”เพลิงโทสะก็ปะทุขึ้นอย่างดุเดือด

เขาโมโหจนหน้าแดงซ่าน “ตามกฎแล้วเจ้าควรเรียกข้าว่าเสด็จพี่ใหญ่ ไยไร้สัมมาคารวะ พูดจาหยาบคายเช่นนี้”

“ใครใช้ให้ท่านกล่าวหาว่าข้าทำร้ายแม่นางหรงโดยไม่รู้จักแยกแยะผิดถูกกัน?”

“ก็เพราะเจ้าน่าสงสัยที่สุดอย่างไรเล่า”

“เช่นนั้นท่านก็บอกมาสิว่าไยข้าต้องทำร้ายแม่นางหรงด้วย?” อวิ๋นหลิงหัวเราะเบาๆ หันไปมองรุ่ยอ๋องพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น “ท่านคงไม่คิดว่าตัวข้าอิจฉาแม่นางหรงเพราะท่านหรอกกระมัง? อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

ถึงแม้ยามนี้ท่าทีที่อวิ๋นหลิงมีต่อเขาเปลี่ยนไป แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายแสดงความแอบชอบโจ่งแจ้งและตรงไปตรงมา รุ่ยอ๋องย่อมเข้าใจเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

แต่เขาไม่ใช่คนหน้าด้าน ไม่กล้ายอมรับว่าคิดเช่นนี้จริง

เขายังคิดจะโต้แย้ง ทว่ากลับมีเสียงอันเย็นเฉียบของเซียวปี้เฉิงเข้าแทรกเสียก่อน “พี่ใหญ่ อย่าพูดอีกเลย สิ่งสำคัญในตอนนี้คือสืบหาความจริง ข้าอยากรู้ว่าข้าใครหน้าที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าใส่ร้ายพระชายาของข้า”

เมื่อลั่นประโยคนี้ออกมา ฉู่อวิ๋นหานก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยทันที

ใบหน้าหรงฉานก็เจือความกรุ่นโกรธเล็กน้อย “ใช่แล้ว ผู้บงการใจโหดเสียจริง”

ชื่อเสียงของสตรีสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายวางแผนเยี่ยงนี้ ต้องการทำลายนางอย่างฉายชัด

หากนางไม่รู้ว่าพระชายาจิ้งอ๋องคือแม่นางหลิน นางก็จะสงสัยว่าพระชายาจิ้งอ๋องคือผู้ใจยักษ์ใจมาร

“เซียวเที่ยนอวี้ ท่านลองคิดดูดีๆ หากคืนนี้ชื่อเสียงแม่นางหรงป่นปี้ เสด็จพ่อก็อาจจะยกเลิกงานแต่งงานระหว่างท่านกับนาง แล้วใครจะได้รับประโยชน์สูงสุด?”

อวิ๋นหลิงแค่ไม่ได้เอ่ยชื่อฉู่อวิ๋นหาน ทว่าสายตากลับจับจ้องไปยังอีกฝ่ายแล้ว

นางแค่กวาดสายตามองเรียบๆ ทว่าฉู่อวิ๋นหานกลับรู้สึกเหมือนเจอศัตรูอันร้ายกาจ แผ่นหลังเหมือนโดนเข็มแทง ก้มหน้าขบฟัน

เมื่อก่อนทำไมนางถึงไม่รู้ว่าสตรีที่ทั้งโง่เง่าและอัปลักษณ์จัดการยากปานนี้

รุ่ยอ๋องหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขามองไปยังฉู่อวิ๋นหานแล้วทักท้วงทันที “เจ้าอย่าบอกว่าเป็นฝีมืออวิ๋นหานหรือ? เป็นไปไม่ได้ อวิ๋นหานไม่ใช่คนแบบนั้น”

“ก็ไม่แน่ นางเป็นคนแรกที่เห็นแม่นางหรงตกน้ำ”

อวิ๋นหลิงแย้มยิ้ม พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “อีกอย่างนางไม่ได้ทำเรื่องใส่ร้ายผู้อื่นครั้งแรกเสียหน่อย มีประสบการณ์เยอะจะตาย”

ฉู่อวิ๋นหานฟังออกว่านางกำลังพูดถึงเรื่องในงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว จึงขบฟันกล่าวว่า “พี่สาวหมายความว่าอย่างไร?”

“ยังฟังไม่เข้าใจอีกหรือ?” อวิ๋นหลิงเลิกคิ้ว ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ “เช่นนั้นเจ้าก็โง่มาก เหมาะกับรุ่ยอ๋องดี”

รุ่ยอ๋องกระตุกมุมปาก “...”

“ท่านอ๋อง ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเรากลับจวนกันเถอะ” อวิ๋นหลิงขี้เกียจแยแสพวกเขา ควงแขนเซียวปี้เฉิง “หากอยู่คุยกับพวกเขาสองคนต่อ ข้ากลัวว่าจะกระทบต่อสติปัญญาของลูกในท้องได้”

กล่าวจบ นางก็ส่งยิ้มเชิงขอโทษให้กับสองพี่น้องหรงฉาน “คืนนี้ต้อนรับไม่ดี ทำให้แม่นางหรงตกใจแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน ไว้วันหน้าข้าจะนำยาไปฝากแม่นางหรงถึงจวนเลยนะ”

ได้ยินดังนั้น สายตาหรงจั้นก็ย้ายไปยังท้องที่เริ่มนูนขึ้นเล็กน้อย แววตาเผยความซับซ้อนออกมา

เขาถือพัดแล้วค้อมกายคำนับ ระงับความรู้สึกในใจไว้ พูดเสียงเรียบว่า “น้อมส่งท่านอ๋องจิ้งและพระชายาจิ้งอ๋อง”

เซียวปี้เฉิงเห็นแววตาของหรงจั้นแล้วใบหน้าก็เริ่มบึ้งตึงเล็กน้อย พลิกข้อมือไปจูงมืออวิ๋นหลิงไว้มั่น

ปกติเขาจะแสร้งตาบอดต่อหน้าผู้อื่น อวิ๋นหลิงกับลู่ฉีจะทำหน้าที่ประคองเขา ดังนั้นเมื่อเขามาจูงมือเยี่ยงนี้ นางก็ไม่ได้แปลกใจปล่อยให้เขาจูงตามใจชอบ

หรงจั้นเห็นพวกเขาจูงมือกันก็เม้มปาก

“อวิ๋นหาน ข้าส่งเจ้ากลับจวนก่อน หากต้องลมต่อมีหวังได้เป็นหวัดแน่”

เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิงกลับไปแล้ว ทิ้งให้รุ่ยอ๋องเผชิญหน้ากับหรงฉานสองพี่น้องเอง เขารู้สึกกระอักกระอ่วน ทำตัวไม่ถูก ถามพอเป็นพิธีแล้วก็รีบกลับไป

หรงจั้นทำหน้าบึ้งไม่ยอมเสวนาด้วย และไม่ได้พูดคุยตามมารยาทสักคำ ยามนี้เขารุ่ยอ๋องไม่ถูกใจเขาอย่างยิ่งยวด

แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะจักรพรรดิจ้าวเหรินสั่งให้หรงงเอ๋อร์แต่งงานกับเขา

หรงฉานเห็นอวิ๋นหลิงเดินไปไกลก็อดอุทานไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าแม่นางหลินจะเป็นพระชายาจิ้ง”

“อวิ๋นหลิง หลินอวิ๋น”

หรงจั้นพึมพำสองชื่อนี้ พลางยิ้มขมขื่น “ข้าควรคิดได้ตั้งนานแล้ว”

มิน่าล่ะวันที่ไปที่จวนจิ้งอ๋อง สีหน้าเซียวปี้เฉิงถึงแย่เพียงนี้

หรงฉานแลบลิ้น พี่ใหญ่ของนางอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยหวั่นไหวต่ออิสตรีคนใด

ยามนี้มีโอกาสเจอสาวรักแรกพบ ทว่ากลับเป็นแบบนี้ไปได้...

“พี่พูดถูก ฟังคนเล่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น พระชายาจิ้งไม่เหมือนอย่างที่ลือกันเลยสักนิด”

ชาวบ้านเล่ากันว่านางมีนิสัยแปลก เป็นคนเงียบ พูดน้อย แต่นางกลับเป็นคนร่าเริงและเป็นคนฝีปากกล้าด้วย

วาทศิลป์ด้านการพูดของนางร้ายกาจกว่าพี่ใหญ่ สามารถทำให้รุ่ยอ๋องโมโหตายได้เลย

“ทุกคนบอกว่าพระชายาจิ้งอ๋องอัปลักษณ์สุดในแว่นแคว้น แต่ข้าว่านางคือหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าโจวมากกว่า แต่ไม่รู้ทำไมต้องทำปานแดงปลอมใส่ที่หน้าด้วย”

ได้ยินประโยคนี้ หรงจั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น กำชับว่า “พระชายาจิ้งอ๋องย่อมมีเหตุผลของนาง เจ้าควบคุมปากตัวเองให้ดีก็พอ อย่าสร้างปัญหาให้นางเด็ดขาด”

หรงฉานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ตามหรงจั้นลงจากเรือ

“เซียวเที่ยนอวี้โดนความรักบังหน้า ส่วนฉู่อวิ๋นหานก็ไม่ธรรมดา วันหน้าเจ้าแต่งเข้าจวนรุ่ยอ๋องแล้วก็ต้องระวังตัวให้ดี”

แผ่นหลังสองพี่น้องค่อยๆเลือนหาย เสียงพูดคุยจางหายกลางสายลมราตรี

อากาศเย็นฉ่ำ พระจันทร์เสี้ยวฉายแสงนวลตา เสียงรถม้าดังกึกก้อง

ฉู่อวิ๋นหานนั่งคลุมกายในรถม้า เห็นรถม้าของจวนจิ้งอ๋องหายลับไปจากสายตา แววตาพลันเผยความอำมหิต เล็บคมเกือบจิบเข้าเนื้อกลางฝ่ามือ

ผ่านไปเนิ่นนานจึงจะปรับอารมณ์ของตัวเองได้

สตรีอัปลักษณ์กำแหงได้ไม่นานหรอก

ถึงแม้แผนการจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็ทำให้อวิ๋นหลิงสูดผงสลายวิญญาณสำเร็จ นางต้องตายในความฝันภายในสามวันแน่

พอนึกถึงจุดนี้ ฉู่อวิ๋นหานก็รู้สึกสบายใจขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ