เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 879

ยินถังรู้ว่าพระชายาจินอ๋องกับพระชายารัชทายาทมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา แต่ภายใต้แรงดึงดูดจากทรัพย์สินมหาศาล ก็ยังคงระงับความโลภที่มีอยู่ในใจไม่ได้

หลอกให้สาวน้อยมีความสุขคืองานถนัดของเขา เมื่อจับถูกจุด ก็จะเป็นเหมือนโม่อี้ซือ ยอมทะเลาะกับองค์หญิงอี๋อันเพื่อจะได้แต่งงานกับเขา

แม้จะพูดกันว่าหญิงที่แต่งงานแล้วทุกอย่างล้วนขึ้นกับสามี แต่จินหยวนเป่าเป็นน้องสาวคนเดียวของท่านอ๋องจิน ได้ยินมาว่ารักนางมาก

ถ้าหากสามารถใช้แผนการทำให้จินหยวนเป่าติดใจตนเองได้ เช่นนั้นก็สามารถควบคุมนางได้ และนั่นก็เท่ากับควบคุมตระกูลจินได้

คิดถึงตรงนี้ สายตาของยินถังก็มีแววประกายร้อนแรงและต้องการเอาชนะวาบผ่าน

เขารักหญิงงามนั้นถูกต้อง แต่ไม่ได้แค่เรื่องเปลือกนอกเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ใส่ใจในคุณค่าของหญิงสาว

ตัวอย่างเช่นจินหยวนเป่า มีรูปลักษณ์สมชื่อ มีชาติกำเนิดจากตระกูลจินที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น

ตัวอย่างเช่นโม่อี้ซือ เบื้องหลังมีอ๋องไหวเซียงที่ทำให้จักรพรรดิจาวเหรินที่เป็นทั้งที่พึ่งและยำเกรง

ตัวอย่างเช่นหลิ่วชิงเยี่ยน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหน้าตา ความฉลาดปราดเปรื่องของอีกฝ่ายทำให้เขาหลงใหลชื่นชม ถ้าหากสามารถเก็บนางไว้ใช้ประโยชน์เพื่อตัวเอง ในการต่อสู้แย่งชิงของเรือนด้านหลังในตระกูลยิน เขาต้องจัดการได้อย่างง่ายดายแน่ๆ

ในบรรดาผู้หญิงสามคนนี้ สองคนแรกดูแล้วไม่มีประสบการณ์ทางโลก อายุยังน้อย การเข้าใกล้ทำได้ง่ายดายมาก

แต่หลิ่วชิงเยี่ยน แม้จะมีชาติกำเนิดไม่สูงส่ง แต่กลับฉลาดจนทำให้เขารู้สึกปวดหัว

ยินถังใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เริ่มคำนวณว่าควรจะใช้แผนการไหนเพื่อให้ได้สามสาวนี้มา

……

เสวียนจีไม่รู้อะไรเลย ตนเองแค่ออกไปเดินเล่นข้างนอกเพียงครู่เดียว ก็ถูกคนอื่นคิดคำนึงหาโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว

“ฮัดชิ้ว”

นางจามออกมาอย่างแรง จากนั้นก็สูดจมูก หลังจากที่ความตื่นเต้นหายไปแล้ว ก็ไปจากสวนหลวง

หลังจากที่กลับมาถึงตำหนักบูรพา กลับจามติดต่อกันถึงสามครั้ง

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “เป็นหวัดหรือ”

“ร่างกายข้าแข็งแรงราวกับวัว จะเป็นหวัดได้อย่างไร ต้องมีสารเลวคนไหนด่าข้าลับหลังแน่ๆ” เสวียนจีว่าแล้ว ก็จามอีกสองที

“ข้าสามารถเข้าใจว่าเจ้าหมายถึงพี่ฉิงได้หรือไม่”

เสวียนจีได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มอย่างกระดากว่า “ข้าจะหมายความถึงนายท่านหลีว์ได้อย่างไร คนที่ด่าข้าลับหลังอาจไม่ใช่นาง อาจจะเป็นนกโง่ก็ได้”

ตนเองขโมยหินอุกกาบาตมา ทำให้เขาต้องตกงาน แม้ว่าในสายตาของคนทั่วไปนางได้ตายไปแล้ว เฟิ่งเหมียนจะก่นด่านางบ้างเป็นบางครั้งก็เป็นเรื่องปกติ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนินทาเฟิ่งเหมียนลับหลังหรือไม่ ในคืนวันเดียวกัน เสวียนจีที่หลับสนิทตลอดมาเกิดฝันร้ายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ในโลกที่มืดมน เสวียนจีรับรู้ได้อย่างเลือนรางว่ามีคนกำลังเรียกชื่อตนเอง แต่ได้ยินไม่ชัดเจนนัก

“......ใคร”

ในโลกที่มืดจนมองไม่เห็นอะไร ตรงที่ส่งเสียงมามีประกายอ่อนๆสายหนึ่ง ทำให้นางก้าวเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว

ในความมืดที่ไม่มีที่สุดสุด เสวียนจีไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดแสงนั้นก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้ายังไม่ตายจริงๆด้วย”

น้ำเสียงแหบแห้งที่คุ้นเคยดังขึ้นมา แฝงไปด้วยความยินดีที่ถูกสะกดกลั้นเอาไว้ รวมไปถึงคลื่นความโกรธและเสียใจที่สามารถถาโถมให้จมดิ่งลงไปได้

เสวียนจีลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ สายตามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ใบหน้ามีความประหลาดใจวาบผ่าน

“นกโง่”

เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าชัดเจน นางหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน จ้องมองอีกฝ่ายอย่างนิ่งงัน

ในโลกที่มืดมิด ร่างสูงเพรียวของเฟิ่งเหมียนยืนห่างออกไปครึ่งเมตร ในมือถือโคมไฟที่มีแสงเทียนสีเหลืองแกว่งไปมา

ท่าทีของนางแตกต่างจากแต่ก่อนมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ามืดเกินไปหรือไม่ รู้สึกแค่ว่ารอบตัวรายล้อมไปด้วยความเงียบและโดดเดี่ยว

เขาผอมลงไม่น้อย ดวงตาที่เหนื่อยล้ามีเส้นเลือดฝอยสีแดงโผล่ขึ้นมา กำลังจ้องมองนางเขม็ง

“ขอเพียงข้าเข้านอน ก็จะถูกเรียกวิญญาณออกไปอย่างน่าประหลาดใจ จากนั้นก็เห็นเขาปรากฏตัวตรงหน้าข้า ปากก็เอาแต่บ่นอะไรไม่รู้ อย่างเช่นเจ้าหนีไม่พ้น......ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย......อย่าคิดหลบซ่อนอะไรจำพวกนี้ ข้าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น”

“ฮือๆๆ ช่างน่ากลัวจริงๆ พี่สามท่านว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเฟิ่งเหมียนหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นทำไมจึงเข้ามาในฝันข้า นั่นคงไม่ใช่วิญญาณของเขาใช่ไหม”

เสวียนจีพูดแล้วก็ขนลุก ในสมองมีภาพอันน่าสลดใจผุดขึ้นมาแล้ว

เฟิ่งเหมียนที่น่าสงสารต้องถูกลงโทษจนตกงานเพราะนางขโมยจี้ดวงดาว หลังจากที่ถูกจักรพรรดิฉู่ยึดตำแหน่งราชครู่และไล่ให้กลับไปยังวัดไท่ชิง จากราชครูผู้สูงส่งเปลี่ยนเป็นใต้ซือที่ยากจน ในมุมหนึ่งของวัดที่ทรุดโทรม

แม้แต่คำว่า”นกโง่”ก็ไม่เรียกแล้ว เห็นได้ชัดว่าถูกฝันร้ายทำให้ตกใจจริงๆ ตายไปท่ามกลางความอยุติธรรมและเคียดแค้น

หางตาของอวิ๋นหลิงกระตุกหลายครั้ง อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้าว่าเจ้ารู้สึกผิดในใจจึงคิดว่าเป็นผี ตอนแรกที่ปิดบังไข่เหล็กไม่บอกเขาก็เป็นความผิดของเจ้า เขาดูแลเจ้ามาตั้งนาน ตามเหตุและผลแล้วเจ้าไม่ควรปิดบังเขา”

เสวียนจีได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มไม่เป็นสุขแล้ว กัดเล็บขึ้นมาด้วยความรู้สึกกังวลใจ

“เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเขา แต่ข้าใช้พลังจิตแอบฟังเขาตกลงกับจักรพรรดิฉู่ รอให้เหตุการณ์วุ่นวายจากชาวญี่ปุ่นสิ้นสุดลงแล้ว จะซ่อนหินอุกกาบาตและปกป้องไว้อย่างดี จะไม่ให้ข้าเอาไปได้อย่างเด็ดขาด แล้วข้าจะกล้าบอกเขาได้อย่างไร”

ตอนที่นางได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธมาก คิดในใจว่าจักรพรรดิฉู่พูดจาเชื่อถือไม่ได้ก็แล้วไปเถอะ ทำไมนกโง่ยังช่วยอีกฝ่ายรังแกตนเองอีก

ด้วยอารมณ์โกรธชั่ววูบ นางจึงปิดบังความจริงต่อเฟิ่งเหมียน เอาจี้หินอุกกาบาตหนีไปเพียงลำพัง

อวิ๋นหลิงได้ฟังถึงตรงนี้ ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงซับซ้อน “เจ้าเคยคิดหรือไม่ ไข่เหล็กก็แค่รับปากจักรพรรดิฉู่ไปอย่างนั้นเอง คนอื่นพูดถึงขั้นนั้นแล้ว เขาย่อมไม่สามารถปฏิเสธต่อหน้าได้กระมัง”

เสวียนจีนิ่งอึ้ง เอ่ยออกมาจากจิตใต้สำนึกว่า “แต่เขาไม่เคยพูดโกหกมาก่อน”

อวิ๋นหลิงถามกลับว่า “คำพูดนั้นไข่เหล็กพูดเองหรือ”

“คำพูดประโยคนั้น.......”

ย่อมเป็นจักรพรรดิฉู่ที่เป็นคนพูด เฟิ่งเหมียนเป็นคนนิ่งเงียบไม่พูดจามาแต่ไหนแต่ไร ที่สุดก็ได้แต่ตอบว่า คำพูดของฝ่าบาท เฟิ่งเหมียนจดจำไว้แล้ว

เหมือนจะไม่เคยรับปากหรือปฏิเสธ

เสวียนจีนิ่งเงียบไปทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ