อวิ๋นหลิงเห็นนางที่จู่ๆก็พูดไม่ออก ก็เดาที่มาที่ไปของเรื่องราวออก ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารไข่เหล็กที่ดวงซวย
“อย่างน้อยไข่เหล็กก็ดูดวงทำนายเป็น ไม่มีทางเสียชีวิตง่ายๆ แต่เขาถูกคนบางคนปิดบังความจริงจนถึงตอนนี้ เกรงว่าสองเดือนมานี้คงใช้ชีวิตอย่างทรมานอยู่ในความทุกข์และรู้สึกผิด ช่างน่าอนาถจริงๆ”
เสวียนจีได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ดวงตากลมโตที่มีใต้ตาดำคล้ำยิ่งหม่นหมองลงหลายส่วน
ภาพที่เฟิ่งเหมียนปกป้องนางในอดีตผุดขึ้นมาในสมองไม่หยุด ค่อยๆทับซ้อนกับเงาร่างของผู้ชายรูปร่างผอมที่อยู่ในฝันคนนั้น ทำให้นางเกิดระลอกคลื่นแห่งความรู้สึกผิดที่กระจายเป็นออกไปเป็นวงกว้าง
“แล้ว แล้วจะทำอย่างไรดี......ข้าเขียนจดหมายให้ไข่เหล็กดีหรือไม่ บอกเขาว่าข้ายังมีชีวิตอยู่”
อวิ๋นหลิงพยักหน้าเล็กน้อย “อย่างนี้ค่อยยังชั่ว”
ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด ก็น่าจะอธิบายให้ชัดเจน เฟิ่งเหมียนดูแลเสวียนจีมาตั้งนาน ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้เขาจมอยู่กับความรู้สึกผิดเช่นนี้
เป็นครั้งแรกที่เสวียนจีรู้สึกเป็นห่วงเฟิ่งเมียน รีบกลับไปที่ห้องและเขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว ให้คนของสำนักทิงเสวี่ยส่งไปยังแคว้นตงฉู่อย่างลับๆ จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ความฝันในคืนนั้น นางก็มั่นใจมากขึ้นหลายส่วน
“พี่เหมียนจื่อ ข้าขอโทษ”
เมื่อก่อนเวลาที่นางก่อเรื่อง ล้วนเรียกเขาอย่างประจบเช่นนี้
เสวียนจีเพิ่งจะพูดจบ เฟิ่งเหมียนที่เข้าใกล้นางเรื่อยๆในความฝันจู่ๆก็หยุดฝีเท้าลง
เขามองหญิงสาวที่โค้งคำนับเก้าสิบองศาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ทำไม ไม่หนีแล้วหรือ”
“พี่เหมียนจื่อ ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความผิดข้า ในสวนหลวงข้าแอบได้ยินเรื่องที่จักรพรรดิฉู่ต้องการให้ท่านหาวิธีซ่อนหินอุกกาบาตเอาไว้ ไม่ให้ข้าหาเจอ ตอนนั้นถูกคำพูดปลิ้นปล้อนทำให้รู้สึกโมโหมาก จึงไม่ได้คิดมาก เข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นคนชั่วไม่มีน้ำใจ ช่วยคนเลวทำผิด ด้วยเหตุนี้จึงวางแผนระเบิดฆ่าตัวตาย ยังจงใจปิดบังท่านด้วย”
“ฮือๆๆ......ขอโทษ ข้าเกรงว่าหลังจากที่ท่านรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ จะบอกข่าวกับจักรพรรดิฉู่ จับตัวข้ากับอุกกาบาตกลับไปดำเนินคดี”
เฟิ่งเหมียนได้ยินเช่นนี้ ดวงตาที่เย็นยะเยือกมีแววประหลาดใจวาบผ่าน จากนั้นก็ความเย็นชาก็หายไป
เดิมทีเขาคิดว่าสาวน้อยคนนี้ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม และไม่เชื่อมั่นในตัวเขา จึงได้ทำการแสดงละครฉากใหญ่เพื่อจากไป
แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด
“พี่เหมียนจื่อ วันนี้ข้าได้เขียนจดหมายกลับไปยังแคว้นตงฉู่เพื่อขอโทษท่าน เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ท่านตามรังควานข้าในฝันทุกวันไม่หยุด ถ้าขืนยังเป็นอย่างนี้ข้าคงจะประสาทอ่อนล้าจนตายแน่......”
เสวียนจีเงยหน้าขึ้นมา มองเขาอย่างน่าสงสาร แม้ว่าในฝันจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บ ก็เผลอหยิกที่ต้นขาจากจิตใต้สำนึก พยายามจะบีบน้ำตาที่น่าสงสารออกมา
เฟิ่งเหมียนมองหญิงสาวด้วยสายตาซับซ้อนอย่างวิเคราะห์ เห็นผมที่ยุ่งเหยิงของนางปกคลุมอยู่ทางด้านหลัง ใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือผอมลงไปหลายส่วน ไม่อวบอิ่มเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ดวงตากลมโตสุกใสคู่นั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ใต้ขอบตามีสีเขียวดำคล้ำจางๆ
ความรู้สึกเจ็บปวดวาบขึ้นมาในใจ เฟิ่งเหมียนรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่ไม่ควรแก้แค้นนางด้วยการขู่ให้กลัวในความฝัน
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าขอโทษจากใจจริงแล้ว เช่นนั้นข้าจะยกโทษให้เจ้า”
“พี่เหมียนจื่อ ท่านช่างเป็นคนดีที่มีจิตใจกว้างขวางเมตตาจริงๆ”
ใบหน้าของเสวียนจีมีรอยยิ้มสดใสผุดขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะกระโดดโลดเต้นอยู่กับที่อย่างยินดี
พอนางกระโดด ชุดนอนบนร่างที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ก็หลวมมากยิ่งขึ้น บอกกับเวลานอนที่เห็นแก่ความสบาย มีนิสัยไม่สวมชุดชั้นใน คอเสื้อเบี้ยวจนเผยให้เห็นผิวขาวดุจหิมะที่อยู่ด้านใน
สองสามคืนก่อนหน้านี้ เฟิ่งเหมียนล้วนตามอยู่ทางด้านหลังของนาง ด้วยเหตุนี้จึงไม่สังเกตเห็นอะไร
ตอนนี้สายตามองเห็นโดยตรง ก็พบว่าบริเวณไหล่ขาวไม่มีสายเสื้อชั้นใน ดวงตามีแววสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
“ใช่แล้วพี่เหมียนจื่อ ท่าน......”
ขณะที่เสวียนจีจะถามเขาว่าใช่วิญญาณมาเข้าฝันหรือไม่ ภาพตรงหน้าก็สั่นไหว เฟิ่งเหมียนที่ถือโคมไฟหายวับไปต่อหน้าต่อตา ความฝันตกอยู่ในความมืดมิด
อาศัยพลังจิตล็อกการติดตาม นางก็เหมือนแผนที่อัจฉริยะที่มีเรดาร์อยู่ในตัว หลบหนีพวกนักฆ่าที่มีเจตนาร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เพียงแต่สมองที่มีความสามารถพิเศษราวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ต้องใช้พลังจิตมหาศาล ทำให้รู้สึกต้องการนอนหลับพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยไปกลางท้องฟ้า ในที่สุดนางก็หนีจนเหนื่อย การใช้พลังอย่างมหาศาลทำให้หนังตาของนางเริ่มหย่อน
เสวียนจีรู้ดี ถ้าหลับตาลง บางทีนางอาจจะตายในห้วงนิทราโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าก็ได้
อาศัยความมุ่งมั่นที่แกร่งกล้า นางมุดผ่านพงหญ้าข้างทางไปยังใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา
“นางอยู่ทานนั้น”
น้ำเสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูสง่างามทุ้มต่ำเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆดังขึ้น
เสวียนจีคิด นางที่เพิ่งจะทะลุมิติมาคงต้องตายทันทีอีกแล้วกระมัง แต่นางรู้สึกง่วงมาก ไม่มีแรงจะหนีแล้ว
“ไม่เสียแรงที่เป็นใต้เท้าราชครู ตอนนี้แผนการร้ายของเฉินอ๋องก็ล้มเหลวแล้ว”
ใต้แสงจันทร์ เฟิ่งเหมียนยืนถือโคมไฟ ราวกับเทพเซียนลงมาจุติ
ในแววตาที่ไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนร่างของหญิงสาวตัวเล็ก ที่ขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้ เท้าขาวเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยฝุ่นสกปรก เหมือนแมวที่กำลังนอนหลับอย่างสบาย
เสวียนจีได้ยินเสียงรอบข้างไม่ชัดเจน สลับกันระหว่างความฝันและความจริง รู้สึกแค่ว่ามีมือคู่หนึ่งค่อยๆอุ้มนางขึ้นมา
ปลายจมูกมีกลิ่นหอมอ่อนๆสายหนึ่งอบอวลขึ้นมา เหมือนกลิ่นหอมของไม้กฤษณา ที่เคยได้กลิ่นตอนไปเที่ยวที่วัดเมื่อนานมาแล้ว
อบอุ่นจนรู้สึกทำให้สบายใจ
“หาเจ้าพบแล้ว”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...