เสวียนจีถูกมองจนรู้สึกมึนงง ลูบใบหน้าของตนเอง “ทำไม ใบหน้าข้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ”
มุมปากก็ไม่มีเมล็ดข้าวติดอยู่นี่นา
อวิ๋นหลิงไม่พูด ใช้สายตามองนางทั่วร่างหนึ่งรอบ ทันใดนั้นก็รู้สึกทอดถอนใจอีกครั้ง
นางเติบโตขึ้นไม่น้อย แต่ก็ยังมีท่าทีเหมือนเด็ก
บนศีรษะมัดผมหางม้าที่บิดเบี้ยวสองข้าง ทั้งยังสูงไม่เสมอกัน ชุดกระโปรงที่สวมใส่ก็ไม่รู้ว่าไปรื้อออกมาจากมุมไหนของตู้เสื้อผ้า สีของเสื้อตัวบนกับกระโปรงตัวล่างไม่ใช่ชุดเดียวกัน
นางครุ่นคิด ก่อนจะสั่งการตงชิง “เจ้าไปเอากล่องเครื่องสำอางและเครื่องประดับทั้งหมดของข้ามา แล้วไปบอกให้ทางกรมวังส่งชุดใหม่ขององค์หญิงหกที่ไม่ได้เอาไปด้วยตอนแต่งงานมาที่นี่”
เสวียนจีเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “จะทำอะไร”
“แต่งตัวให้เจ้า เวลาออกไปข้างนอกอย่าให้พี่เขยเศรษฐีหนุ่มของเจ้าต้องขายหน้า”
อวิ๋นหลิงหาเหตุผลอ้างไปอย่างนั้นเอง ที่จริงจู่ๆนางก็รู้สึกว่า นางหนูคนนี้ยังคงมีรูปลักษณ์เหมือนเด็กวัยมัธยมต่อไปคงไม่เหมาะสมแล้ว
เสวียนจีเองก็ถือได้ว่าเป็น”นักวิทยาศาสตร์”ที่ลุ่มหลงกับการวิจัยต่างๆคนหนึ่ง ไม่ค่อยสนใจเรื่องความสวยความงามและการแต่งองค์ทรงเครื่องสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ
“ก็ได้ ในเมื่ออยู่ในวังเฉยๆก็น่าเบื่อ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก มีคนแอบกระซิบกระซาบกันไม่น้อย บอกว่านางกับอ๋องจินไม่เหมือนพี่น้องกัน
เพราะกงจื่อโยวเป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีชื่อเสียง ส่วนจิ้งจอกน้อยตัวนี้ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ไม่ให้ความสำคัญกับความประณีตเลยสักนิด
ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่มีลายเส้นและสีหนักแน่น เช่นนั้นเสวียนจีก็เป็นภาพที่ร่างขึ้นอย่างลวกๆจากดินสอ
นางรู้สึกว่าตนเองมีความจำเป็นต้องปกป้องภาพลักษณ์ของจวนอ๋องจินสักหน่อยแล้ว
ไม่นาน ตงชิงก็เอากล่องเครื่องสำอางและเครื่องประดับมา ภายใต้การสั่งการของอวิ๋นหลิง ทำการมวยผมเป็นทรงที่ประณีตแต่ไม่ยุ่งยากให้กับเสวียนจีด้วยความคล่องแคล่ว
ความสามารถของตงชิงในการดูแลเรื่องต่างๆในวังสู้ซวงหลีไม่ได้ แต่ด้านการแต่งหน้าทำผม กลับมีฝีมือกว่าอีกฝ่ายมาก
ทั้งๆที่อายุยังน้อย เมื่อเทียบกับช่างผมมืออาชีพในยุคหลังก็ยังต้องถอยให้นาง แค่มองดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเสวียนจีเหมาะกับการแต่งกายแบบไหน
“แม่นางหยวนเป่ามีความฉลาดกระตือรือร้น ถ้าทำทรงที่ดูสง่าอบอุ่นจะเป็นการลดทอนจุดเด่นของท่าน ทรงผมที่ง่ายเกินไปก็ไม่เหมาะสมกับฐานะของท่าน ทรงที่ประณีตเรียบง่ายเช่นนี้กำลังพอดี”
“บ่าวเห็นท่านหน้าตาสวยสดงดงามเช่นนี้ ไม่ต้องทาแป้ง เช่นนั้นจะทำให้ดูไร้รสนิยม”
ตงชิงมององคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าของเสวียนจีอย่างละเอียด สุดท้ายแม้แต่ชาดทาปากก็ไม่ทาให้นาง ได้แต่ตกแต่งทรงคิ้วให้นางเท่านั้น แล้วก็เติมเต็มในส่วนที่ขาดไปอย่างบางเบา
ความรู้สึกที่ราวกับสัตว์ป่าตัวน้อยดุดันนั้นอ่อนลงไปอย่างมากทันที เผยให้เห็นถึงความฉลาดน่ารักราวกับลูกแมวออกมาอย่างชัดเจน
เสวียนจีนั่งอยู่บนเก้าอี้ปล่อยให้ตงชิงจัดแจงได้ตามใจ และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ศีรษะเล็กๆก็เริ่มสัปหงก กระทั่งถูกเสียงของอวิ๋นหลิงทำให้ตกใจตื่นขึ้นมา
“ใส่ชุดนี้เถอะ องค์หญิงหกมีอายุและรูปร่างพอๆกับเจ้า เสื้อผ้าพวกนี้เดิมทีเป็นชุดสี่ฤดูที่ทางกรมวังได้สั่งตัดให้นางโดยเฉพาะและมอบให้ตอนต้นปี แต่ในทุ่งหญ้าช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอากาศหนาวมาก เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนไม่สามารถป้องกันความหนาวได้ จึงได้ทิ้งเอาไว้”
ในบรรดาชุดฤดูใบไม้ร่วงหลากหลายสีสันที่ตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง อวิ๋นหลิงเลือกชุดกระโปรงที่มีซับในสีขาว คู่กับกระโปรงตัวนอกสีเหลืองแปะก๊วยที่มีแขนเสื้อแคบ
ราชวงศ์ต้าโจวถือว่าสีดำและสีแดงคือสิ่งล้ำค่า ไม่ได้มีการจำกัดการใส่เสื้อผ้าที่มีสีเหลือง
จักรพรรดิจาวเหรินรักลูกสาวคนนี้มาก เสื้อผ้าขององค์หญิงหกไม่มีชุดไหนไม่สวยงาม
เสื้อตัวนอกของกระโปรงชุดนี้เป็นสีเหลืองอ่อนดอกมะลิ ชายเสื้อปักดิ้นทอง ปักรูปใบแปะก๊วยสีทองเข้ม สีสันอบอุ่นแต่สะดุดตา
แสงแดดนอกหน้าต่างที่สาดส่องเข้ามา สะท้อนแสงสีทองเป็นประกาย สดใสอ่อนเยาว์แต่ก็แฝงด้วยความหรูหราทรงพลัง
ตงชิงเอ่ยชมอย่างจริงใจว่า “พระชายารัชทายาทสายตาดีมาก กระโปรงชุดนี้เข้ากับแม่นางหยวนเป่าจริงๆ”
เสวียนจีถูกตงชิงปรนนิบัติในการเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างมึนงง บนเส้นผมที่จัดแต่งทรงเรียบร้อยแล้ว ปักปิ่นปักผมที่ทำจากทองคำแท้เป็นรูปใบแปะก๊วยมีดอกไม้ห้อยลงมาอย่างง่ายๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......