ที่แท้ผู้เป็นพรหมลิขิตของเขาก็คือเสวียนจีอย่างนั้นหรือ
เฟิ่งเหมียนพูดเสียงสั่นเครือแหบแห้ง “แต่นางถูกฝังอยู่ในทะเลแล้ว ข้าจะตามหาบุพเพนี้มาได้อย่างไร”
นักพรตสวมชุดนักบวชฟังแล้วก็ค่อยๆ คลี่ยิ้ม “บุพเพของท่านยังมีชีวิตอยู่ นางยังอยู่ในโลกนี้”
หลังจากเฟิ่งเหมียนได้ยินคำนี้ ก็ชะงักไปก่อน จากนั้นร่างกายก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
หัวใจเงียบงันราวกับทะเลไร้คลื่นลมที่จะก่อคลื่นลูกใหญ่ อารมณ์ความรู้สึกประดังประเดเข้ามาท่วมท้นจิตวิญญาณของเขา เริ่มแรกเป็นความตกใจและปีติยินดี จากนั้นก็เกิดความกังวล สับสน สงสัย และโกรธจัด...
“ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน”
เฟิ่งเหมียนถามทีละคำ ขอบตาแดงระเรื่อบนใบหน้าที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง
เต้าหวู๋ซินตอบว่า “โปรดอภัยที่ข้าบอกไม่ได้ นั่นเป็นชะตากรรมของท่าน ท่านต้องไปค้นหาและทำความเข้าใจด้วยตัวเอง แต่ข้าพอมีวิธีหนึ่งที่จะช่วยท่านได้อีกแรง”
ในที่สุดเฟิ่งเหมียนก็ดูเหมือนจะตื่นจากความสับสน สายตาที่มองของชายหนุ่มค่อยๆ กระจ่างชัด และฉายแววพินิจพิเคราะห์มากขึ้น
“ท่านเป็นใคร”
“ข้าเป็นผู้ที่มีชะตาต้องกันกับท่าน”
เต้าหวู๋ซินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และไม่เปิดเผยตัวตนของเขา
เขาแค่อยากจะบอกทิศทางแก่เฟิ่งเหมียน และไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายการตัดสินใจของเฟิ่งเหมียนมากเกินไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่ แล้วจะไปทำหรือเปล่า ก็ล้วนต้องเลือกที่จะจัดการกับเคราะห์กรรมเอง
เฟิ่งเหมียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรเป็นคนปล่อยวางมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เปิดเผยตัวตนก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่ซักไซ้ไล่เรียง
“ขอผู้อาวุโสโปรดไขข้อสงสัยให้กระจ่าง”
เต้าหวู๋ซินเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เจ้าจุดโคมให้ลุกโชติช่วง ใช้เลือดของเจ้าเขียนชื่อของผู้ที่เจ้ากำลังตามหา ข้าจะสอนวิชาล่อวิญญาณเข้าสู่ความฝัน จะช่วยให้เจ้าพบกับนางในฝัน”
เฟิ่งเหมียนทำตามที่เขาบอกโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด เมื่อโคมไฟถูกจุดขึ้น ก็เป็นช่วงที่ตะวันตกลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว พระจันทร์ลอยเด่นประดับบนท้องฟ้า
เต้าหวู๋ซินให้เขานั่งสมาธิอยู่ข้างโคมไฟ จากนั้นค่อยๆ อ้าปากเหมือนสวดคัมภีร์เพื่อนำทางเขาเข้าสู่ความฝัน
ไม่รู้ผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด เฟิ่งเหมียนก็รู้สึกว่าร่างกายจมดิ่งลง จิตสำนึกก็บินออกจากกายหยาบ เข้าไปสู่โลกที่มืดมนอนธการ
ในมือเขาถือโคมไฟที่มีแสงสลัว พู่ระย้าใต้โคมพลิ้วไปตามสายลม เขานึกถึงคำชี้แนะของนักพรตหนุ่ม แล้วเดินไปตามทิศทางที่พู่พลิ้วไหว
เฟิ่งเหมียนที่หลับตาล่วงเข้าสู่ห้วงความฝันไม่ได้สังเกตว่าโคมไฟบนโต๊ะตรงหน้าที่เดิมทีปล่อยแสงสีเหลืองนวลกลายเป็นเขียวครามจางๆ ในขณะนี้
เต้าหวู๋ซินมองชายตรงหน้าด้วยดวงตาที่ยิ้มแย้ม ก่อนพยักหน้าด้วยความยินดี
ด้วยการแนะนำของเขา อีกฝ่ายก็สามารถชักนำวิญญาณเข้าสู่ความฝันได้สำเร็จในครั้งเดียว ถือเป็นพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมโดยแท้
น่าเสียดายที่รากเหง้าแห่งจิตวิญญาณของเฟิ่งเหมียนยังอยู่ในช่วงกึ่งหลับใหล ยังไม่ตื่นขึ้นอย่างแท้จริงเหมือนอย่างเซียวปี้เฉิง
ในคนรุ่นหลังที่ปราณจิตบางเบานี้ เต้าหวู๋ซินก็เห็นอกเห็นใจต่อทุกสรรพสิ่งในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มองเห็นความลับสวรรค์ หรือได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์
สามีของพี่น้องทั้งสี่หาใช่คนธรรมดาไม่
เต้าหวู๋ซินย่อมยินดีที่ได้เห็นพวกเขาปลุกพลังที่แท้จริงขึ้นมา แต่ยามนี้ดูเหมือนความหวังของกงจื่อโยวกับกู้ฉางเซินนั้นค่อนข้างริบหรี่ แต่เฟิ่งเหมียนกลับปลุกได้แล้วครึ่งหนึ่ง
เด็กคนนี้มีแกนกระดูกที่ยอดเยี่ยม แต่เกิดมาพร้อมกับอารมณ์ทั้งเจ็ดประการที่ไม่สมบูรณ์ อันได้แก่ ความสุข ความโกรธ ความเศร้า ความกลัว ความรัก ความชั่วร้าย และความปรารถนา ล้วนอ่อนแอและแตกต่างจากคนทั่วไป จึงเป็นอุปสรรคต่อการปลุกพลังของเขา
เต้าหวู๋ซินจงใจผลักเขา แต่ไม่ว่าจะปลุกพลังได้สำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเด็กสาวอย่างเสวียนจีว่าจะกระตุ้นเฟิ่งเหมียนได้เหมือนอย่างที่อวิ๋นหลิงเป็นคู่บุญของเซียวปี้เฉิงหรือไม่
“เจ้ายังไม่ตายจริงๆ...”
ในความฝัน เฟิ่งเหมียนถือโคมไฟและมองไปที่เสวียนจี ในอกมีอารมณ์มากมายพลุ่งพล่านไปหมดจนไม่รู้ว่ามันคืออะไร


 ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......