อาลักษณ์ยินก็พลอยหน้าเปลี่ยนสีไปด้วย เขาหยิบไข่นกกระทานิ่มๆ ขึ้นมาสังเกตคล้ายกับมีเรื่องใหญ่โตอะไรทำนองนั้น ทว่ากลับมองไม่เห็นความพิเศษอะไร ก่อนกล่าวว่า “เพื่อความปลอดภัย ทำลายไข่ลางร้ายพวกนี้ไปซะ!”
จากนั้นเขาก็เรียกเด็กรับใช้ให้เอาไข่พวกนี้ไปเผาทิ้งทันที
ไม่นึกว่าเมื่อโยนไข่ใบหนึ่งเข้าไปในกองไฟ ไม่ทันไรก็เกิดกลิ่นฉุนแสบจมูกเหลือแสนจนทำให้รู้สึกวิงเวียนอยากคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“ใต้เท้าอาลักษณ์ เกรงว่าไข่ใบนี้จะมีพิษ!”
อาลักษณ์ยินบีบจมูกแล้วมองประเมินแวบหนึ่ง เห็นว่าไข่ที่เป็นลางร้ายนั้นนิ่มยุบลงจนกลายเป็นก้อนโคลนเหนียวอย่างน่าประหลาด และ ‘ลวดลายคำสาป’ บนนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างไปด้วย
ยิ่งยินถังมองลวดลายที่ไม่รู้จักบนไข่นั้นมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นของที่เป็นวัสดุประเภทนี้มาก่อน และไม่รู้เลยว่าไข่ลางร้ายเหล่านี้เอามาใช้ทำอะไร
เขาพูดอย่างอดไม่ได้ “ท่านปู่ ในเมื่อเผาไม่ได้ซ้ำยังมีกลิ่นเหม็นแสบจมูก ควรส่งไข่ลางร้ายเหล่านี้ไปปิดผนึกที่ศาลบรรพชนไว้ก่อน แล้ววันหลังค่อยหาหลวงจีนตบะแก่กล้าหรือปรมาจารย์มาขับไล่ปัดรังควานวิญญาณชั่วร้าย ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ”
อาลักษณ์ยินก็ผงกศีรษะด้วยสีหน้าเหยเก “ไม่รู้ว่าใครเล่นลอบกัดอยู่เบื้องหลังกันแน่ น่าเสียดายนักที่วันนี้ตรวจค้นจวนทั้งหลังแล้วก็ไม่พบคนที่น่าสงสัยแม้แต่คนเดียว”
ในใจยินถังทำไมจะไม่แค้นเคืองเล่า วันมงคลของเขาแท้ๆ กลับถูกรบกวนเช่นนี้ จวบจนถึงตอนนี้ยังรู้สึกปวดที่เป้ากางเกงแปลบๆ ก็ไม่รู้ว่าใครเหยียบเจ้าโลกของเขาขณะอยู่ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย
แต่ความเจ็บปวดที่ไข่นี้กลับเตือนสติยินถังว่าคืนนี้เป็นคืนแต่งงานเข้าหอกับโม่อี้ซือ เขาต้องไปปลอบขวัญเจ้าสาวที่เพิ่งออกเรือนมาหยกๆ สักหน่อย
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงงามเช่นนี้ ยินถังที่ได้รับบาดเจ็บในคืนนี้ก็ไร้พลัง ได้แต่มองโม่อี้ซือที่สวมชุดแดงด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม
“ซือซือ วันนี้เจ้าคงตกใจมาก พักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าไปคารวะน้ำชาผู้อาวุโส”
โม่อี้ซือพยักหน้าอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม ก่อนผล็อยหลับไปพร้อมกับความในใจอันหนักอึ้ง
งานวิวาห์ที่เฝ้ารอคอยมานานนี้ต่างจากที่นางจินตนาการไว้อย่างฟ้ากับเหว ทั้งไม่เป็นจุดสนใจ และไม่มีความรักของคู่บ่าวสาวให้น่าจดจำเลย
นางไม่เพียงกลายเป็นตัวตลกในสายตาของแขกเหรื่อที่มากันล้นหลาม แม้แต่คืนแต่งงานเข้าหอก็ยังทำพิธีลวกๆ อย่างขอไปทีเช่นนี้ ทำให้นางเหลืออดจนอยากจะร่ำไห้
……
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว
แต่หลังจากเสวียนจีก่อเรื่องเสร็จ นางก็รีบวิ่งหนีไปทันที ทหารยามที่หน้าประตูต่างตะลึงงันกับเหตุการณ์ในห้องโถงหลัก ได้ยินคนตะโกนว่า ‘มีนักฆ่า’ พวกเขาก็รีบกรูกันเข้าไปคุ้มกันอารักขา
เสวียนจีอาศัยช่วงชุลมุนแอบดอดหนีออกจากจวนยิน ขณะวิ่งก็หันไปมองความครึกครื้นวุ่นวาย นางวิ่งไปไม่ทันไรก็ชนเข้ากับแผงอกอันบึกบึนล่ำสันอย่างจัง
“อุ๊ยว้าย!”
นางหงายหลังก้นจ้ำเบ้าทรุดล้มลงกับพื้น หน้ากากบนใบหน้าก็หลุดออกมา
มือใหญ่หนากว้างตระกองโอบกอดเอวอันเพรียวบางของเสวียนจี ประคองให้นางลุกขึ้นค่อยๆ ทรงตัวได้
“ขอบคุณ...เอ๊ะทำไมเป็นท่านไปได้!”
เสวียนจีกล่าวขอบคุณตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและหล่อเหลาผอมแห้งปรากฏขึ้นตรงหน้า นางพลันหายใจไม่ออก ใจเต้นระรัวโครมคราม
นางจ้องมองเฟิ่งเหมียนราวกับเห็นภูตผี ขยี้ตาด้วยความไม่เชื่อ
“ท่านๆ...เป็นท่านจริงๆ ด้วย!”
ตีให้ตายเสวียนจีก็ไม่คาดคิดว่าเฟิ่งเหมียนจะปรากฏตัวต่อหน้ากะทันหัน ความคิดแรกคือมาจับกุมนางกลับไปรับโทษที่แคว้นตงฉู่ นางตกใจเสียขวัญ วิ่งเผ่นหนีทันที
ยังวิ่งไม่ถึงสองก้าวดี เฟิ่งเหมียนก็คว้าคอเสื้อแล้วอุ้มนางกลับมา
เขามองประเมินหญิงสาวตรงหน้า ไม่ได้เจอกันมาสองสามเดือนแล้ว ดูเหมือนนางจะเสียเรี่ยวแรงไปบ้าง เพราะในความฝันนางถูกเขาเคี่ยวกรำไม่เบาเลย ดวงหน้าอิ่มเอิบซูบผอมไปบ้าง เผยให้เห็นดวงหน้ารูปแตงอันเล็กเรียว
ครั้นเห็นปฏิกิริยาแรกที่เสวียนจีมองเขาคือการวิ่งหนี ในใจเฟิ่งเหมียนก็อดปะทุเพลิงโทสะอย่างอธิบายไม่ได้
เขาเผยอริมฝีปากบางเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “เหตุใดจึงทำเป็นแกล้งตายหลอกข้า”
เสวียนจีอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา “พี่เหมียนจื่อ ข้าอธิบายให้ท่านฟังในความฝันไปแล้วไม่ใช่หรือ ล้วนเป็นความเข้าใจผิด...”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......