เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 911

หลังจากพระเจ้าหลวงบริภาษจบ ก็ทิ้งจักรพรรดิจาวเหรินไว้นอกเรือน

ครั้งนี้เขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ หากจักรพรรดิจาวเหรินไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ลุล่วงไปได้ หากฉลองตรุษยามต้นวสันตฤดูเสร็จสิ้นเมื่อใด เขาก็สละบัลลังก์ได้เลย

จักรพรรดิจาวเหรินยังคงจมจ่อมอยู่ในห้วงสะเทือนใจกับการอกหักจากสตรีทั้งสอง ท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึม

เขาอยากคุยกับหลี่กุ้ยเฟยถึงเรื่องที่เข้าใจผิดในวันนี้ แต่พอก้าวเข้าไปในเรือนกว้างสองเมตร ก็ถูกเยียนอ๋องทำหน้าบึ้งตึงใส่ผลักไสให้ออกมา

“เสด็จแม่ไม่สบายควรพักผ่อนได้แล้ว ต่อไปท่านอย่ามารบกวนความสงบสุขของนางอีก!”

เจ้าเด็กบ้าคนนี้พูดจากับเขาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร

จักรพรรดิจาวเหรินเดิมคิดจะดุเขาสักหน่อย แต่คิดว่าตนขาดเหตุผลจนเข้าใจหลี่กุ้ยเฟยผิดไปก่อนจริงๆ เยียนอ๋องจะแสดงท่าทีเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว เขาจึงระงับความโกรธไว้

“เช่นนั้นให้นางพักผ่อนให้สบาย แล้วบอกนางว่าพรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมนางอีก”

แล้วเขาก็เดินออกไปอย่างไม่พอใจ

พูดตามเนื้อผ้า จักรพรรดิจาวเหรินยอมรับเรื่องการสละราชบัลลังก์อย่างใจกว้าง

ตอนนั้นพี่ชายของเขาหลายคนต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อชิงบัลลังก์ เวลานั้นดินแดนแคว้นต้าโจวยังคงเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน

ด้วยความโกรธแค้น พระเจ้าหลวงจึงจัดการพวกเขาทั้งหมดด้วยมือตนเอง แล้วส่งแต่ละคนไปรักษาการณ์ตามหัวเมืองชายแดนต่างๆ

เวลานั้นเขายังเด็ก มีนิสัยค่อนข้างเรียบง่าย เขายังคงห่วงใยพี่น้อง ทว่าต่อมาต้องแบกรับความหวังอันสูงส่งของพระเจ้าหลวง เขาก็ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชยายาทด้วยความสับสนมึนงง

ช่วงยี่สิบปีแรกเขาทำงานอย่างหนัก ทุกวันต้องต่อสู้กับบรรดาขุนนางที่ครองอำนาจบาตรใหญ่ ซ้ำยังกังวลว่าพวกทูเจวียจะโจมตีเมื่อใดก็ได้ทุกเวลา เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานก็ว่าได้

เหตุที่สามารถอดทนอย่างมีสติมาได้ตลอด ก็เพราะเขาเป็นลูกชายที่กตัญญูและเชื่อฟัง และรู้ว่าหากเขาไม่รับช่วงต่อดินแดนแคว้นต้าโจวนี้ พ่อของเขาจะต้องตายทั้งเป็นด้วยความเหนื่อยล้า

ด้วยเหตุนี้เขาจึงชื่นชอบเสี่ยวเฟิง คู่รักในวัยเด็กที่เป็นคนอ่อนโยน และอยู่ให้ห่างจากหญิงสาวที่เอาแต่ใจและหยิ่งโอหังอย่างหลี่กุ้ยเฟย

เขาเบื่อหน่ายกับวังหลังของราชวงศ์ก่อนหน้านี้ บัดนี้สามารถแบ่งเบาภาระหนักๆ ได้แล้ว เขาก็มีความสุขที่จะได้มีเวลาว่าง

แต่โดยพื้นฐานแล้วจักรพรรดิจาวเหรินยังคงต้องรักษาหน้าตา เขาสามารถยอมรับการสละบัลลังก์ในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่ไม่อาจยอมรับการสละราชบัลลังก์ท่ามกลางการกล่าวโทษของเหล่าขุนนางกับคำชี้แนะของผู้อื่น!

ทำงานตรากตรำมาหลายทศวรรษ ไหนเลยพอแก่ตัวแล้วกลับยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์?

นักประวัติศาสตร์อาจไม่สรรเสริญเขา แต่จะไม่ด่าทอเขาเป็นอันขาด!

ดังนั้นจักรพรรดิจาวเหรินก็ได้แต่ระงับอารมณ์ไว้ และลดทิฐิลงไปขอโทษหลี่กุ้ยเฟย

แต่หลี่กุ้ยเฟยไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมพบเขา แม้ว่าเขาจะตะโกนเสียงแหบแห้งอยู่นอกเรือน แต่นางก็ไม่ได้โต้ตอบใดๆ กับเขา

บัดนี้เป็นช่วงปลายสารทฤดู จักรพรรดิจาวเหรินก็ชราภาพแล้ว เขาออกมาอยู่ท่ามกลางลมหนาวทั้งวัน คืนนั้นก็ล้มป่วยลงในหอพักอาจารย์ มีน้ำมูกไหลและร้องเสียงครวญครางอย่างอ่อนแรง

สนมเหลียงในฐานะที่มีตำแหน่งสูงสุดในบรรดาสนมอื่นๆ ยามนี้ภาระในการดูแลผู้ป่วยจึงย่อมตกอยู่กับนาง

พวกสวี่เหม่ยเหรินมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ “ท่านพี่สนมเหลียงสวมผ้าปิดหน้าแล้วค่อยไปเถิด ยามปรนนิบัติฝ่าบาทจะได้ไม่ติดเชื้อไข้หวัดลมหนาวมาด้วย หาไม่แล้วจะป่วยเอาได้!”

สนมเหลียงตอบเสียงนุ่มนวล “ไม่เป็นไร ข้าเตรียมกินยาป้องกันไข้หวัดลมหนาวมาแล้ว น่าจะอยู่ได้ประมาณสองวัน เช้าวันมะรืนก็กลับเมืองหลวงได้ แต่ทางด้านหลี่กุ้ยเฟย...ช่างเถอะ นางคงไม่ชอบเสียงดังหนวกหู”

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ