เมิ่งฝูเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตะลึงงัน จ้องมองหน้าไพ่ในมืออย่างงุนงง
นางแค่อยากมาอุดหนุนเท่านั้นเอง ก็ไม่รู้ว่าจับเลขเก้าถึงห้าตัวมาได้อย่างไร
มีคนรู้จักเดินผ่านมาเห็นภาพนี้เข้า ต่างก็เดินเข้ามาดูด้วยสองตาลุกวาวแล้วพูดติดตลกว่า “โอ้สวรรค์ ฝูเอ๋อร์ เจ้าช่างโชคดีจริงๆ วันหลังอย่าลืมเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวด้วยนะ!”
“เหตุใดเจ้าจึงโชคดีทุกครั้งไป ปีที่แล้วในเวลานี้ก็จับรางวัลได้รถล้อไม้ของสำนักศึกษา ปีนี้ก็จับได้เงินอีกสามพันตำลึง เป็นคนดวงดีเหนือคนโดยแท้!”
“มิน่าที่ใครๆ ก็บอกว่าเจ้าเป็นคนดวงดี พรุ่งนี้ข้าจะเปลี่ยนชื่อเป็นฝูเอ๋อร์ ข้าจะได้มีโชคมีลาภกับเขาบ้าง!”
แม่นางหลายคนที่สวมชุดนักเรียนสำนักศึกษาชิงอี้กำลังพูดคุยอยู่ใกล้ๆ เมิ่งฝูเอ๋อร์ แล้วลูบไล้หน้าของนางไปมาไม่หยุด หวังว่าจะโชคดีบ้าง
หลี่เมิ่งชูกับหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็อยู่ในฝูงชนเช่นกัน เดิมทีสองพี่น้องก็มาดูว่าพี่ชายปิดแผงแล้วหรือยัง แต่ไม่นึกว่าจะบังเอิญเจอฉากนี้เข้า
“นางโชคดีมากเกินไปหรือเปล่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองหลวง บ่อนพนันใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้และทางตะวันตกเฉียงเหนือหลายแห่งจะไม่ขาดทุนย่อยยับหรอกหรือ” หลี่เมิ่งเอ๋อร์แทบมองตาค้าง ก่อนพูดด้วยความหงุดหงิด “ไม่นึกว่าจะมีม้ามืดโผล่มากลางคัน สองวันนี้ไม่เท่ากับว่าพี่ชายทำสูญเปล่าหรอกหรือ”
เงินสามพันตำลึงบินหนีไปเช่นนี้ หากบอกว่าไม่ปวดใจคงจะโกหก
หลี่เมิ่งชูก็หลุดขำออกมาครู่หนึ่ง แต่นางรู้จักเมิ่งฝูเอ๋อร์มานาน รู้ว่าแม่นางผู้นี้โชคดีเหนือคนอื่นๆ มานานแล้ว ผลงานแค่นี้ถือว่าธรรมดา
เมิ่งฝูเอ๋อร์เป็นคนดวงดีก็เป็นที่รู้กันทั่วในสำนักศึกษาชิงอี้ ตอนทำข้อสอบแบบปรนัย พอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนางก็เดาคำตอบถูกต้องทุกครั้งไป
ในโรงอาหารปรุงอาหารอร่อยๆ มากมาย แม้ว่านางจะมาสาย แต่ก็ยังทันได้กินเป็นคนสุดท้ายเสมอ
ในฤดูใบไม้ร่วงที่ต้องปีนขึ้นที่สูงไปเก็บเห็ด ขณะที่คนอื่นๆ ขยันเก็บอย่างเหน็ดเหนื่อยตั้งครึ่งค่อนวันก็ได้เพียงตะกร้าเดียว แต่นางแค่เดินสะดุดก็ได้เห็ดหลินจือป่ามาเสียอย่างนั้น
ยามปกติแม่นางผู้นี้จะไร้เดียงสานิดหน่อย แต่นางเป็นคนนิสัยดี เดาว่านี่คือคนโง่ก็มีวาสนาของคนโง่กระมัง
“ดีที่พี่ชายฟังคำแนะนำ ไม่ได้ตั้งรางวัลไว้ที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าตำลึง ไม่เช่นนั้นคงชวดเงินไปแน่ เกรงว่าจะเป็นหนี้อีกด้วยซ้ำ”
เมิ่งฝูเอ๋อร์รู้สึกเวียนหัวที่ได้รับโชคก้อนใหญ่จากสวรรค์ หลังจากฝูงชนที่อยู่รอบๆ พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น บางคนก็เริ่มมองนางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
นอกจากความริษยาระคนประหลาดใจแล้ว ยังเจือความอิจฉาจนตาแดง ถึงขั้นแสดงอาการชังน้ำหน้าด้วยซ้ำ
หลี่หยวนเส้าสังเกตเห็นแววตาที่ซ่อนความมุ่งร้ายเล็กน้อยได้อย่างฉับไว จากนั้นเขาก็ได้สติกลับมาทันที
เงินสามพันตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครจับได้ จึงไม่ได้จัดมาตรการรักษาความลับให้กับผู้ที่ถูกรางวัลใหญ่
ตอนนี้ลูกแกะตัวน้อยตกลงไปอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า เขากลัวว่าจะถูกหมาป่าหลายตัวขย้ำเละ
หลี่หยวนเส้าขมวดคิ้วมุ่น ไม่มีเวลาปวดใจกับเงินที่หลุดลอยไป เขาก้าวเข้าไปบังสายตาที่มองเมิ่งฝูเอ๋อร์จากด้านหลัง
“แม่นาง เจ้าถูกรางวัลใหญ่ ตามข้าเข้าไปรับรางวัลในห้องก่อนเถิด”
เมิ่งฝูเอ๋อร์เดินตามหลี่หยวนเส้าเข้าไปในห้องด้วยความงุนงง เมื่อเห็นกล่องใบเขื่องที่เต็มไปด้วยเงิน นางก็ตกใจสะดุ้งโหยงสติฟื้นคืนในทันใด
“ไม่ๆๆ! เอ่อ...เอ่อ ข้าแค่อยากมาช่วยอุดหนุนเฉยๆ เงินเหล่านี้ไม่ต้องหรอก...อย่าให้ข้าเลย...”
นางรีบผลักออกไป เอ่ยตะกุกตะกักด้วยความตกประหม่า
เมิ่งฝูเอ๋อร์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลของหลี่เมิ่งชู ตอนนี้พี่น้องหลายคนขาดเงิน ดังนั้นนางจึงอยากมาช่วยสมทบสักหนึ่งตำลึงเงิน เพื่อช่วยเหลือสหายร่วมห้องกลายๆ
ไม่นึกว่าจะไม่ได้ช่วยเหลือ ซ้ำยังจะเอาเงินที่อีกฝ่ายหามาอย่างยากลำบากกลับไปด้วย นี่มันอะไรกัน!
นางเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับหลี่หยวนเส้าในเมืองหลวงมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเสื่อมเสีย แต่พอได้รู้จักกันในช่วงสั้นๆ เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมากทีเดียว
หลี่หยวนเส้าถอนหายใจลึกๆ อยู่ในใจ
แม่นางผู้นี้ดูเซ่อๆ ซ่าๆ มองแวบแรกก็รู้ว่าถูกหลอกได้ง่าย ถ้าไม่ช่วยเก็บเงินไว้ให้ เขาก็กลัวว่าเมิ่งฝูเอ๋อร์จะถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปทั้งคนทั้งเงิน
เงินสามพันตำลึงที่น่าสงสาร เขาต้องส่งพวกมันด้วยตนเองเป็นครั้งสุดท้าย เขาจึงจะสบายใจ...
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากนัดหมายกับเมิ่งฝูเอ๋อร์เพื่อเข้าเมืองในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ร้านเล่นพนันของหลี่หยวนเส้าก็ปิดตัวอย่างเป็นทางการ
สามคนพี่น้องใช้เวลานับเงินครู่หนึ่ง ตัดเงินรางวัลใหญ่ที่มอบให้เมิ่งฝูเอ๋อร์ออกไป แล้วนับส่วนที่เหลือ หลี่หยวนเส้าตรากตรำทำงานมาหลายวัน ได้กำไรเพียงเก้าตำลึงเงิน
“เก้า...เก้าอีกแล้ว...ภายในครึ่งเดือนนี้อย่าให้ข้าได้ยินเลขนี้อีก!”
หลี่หยวนเส้าปวดใจไม่หาย เขาสาบานได้เลยว่า ‘เก้า’ เป็นเลขที่เขาชิงชังที่สุดอย่างแน่นอน!
หลี่เมิ่งเอ๋อร์นิ่วหน้าอมทุกข์เป็นกังวล ก่อนถอนหายใจยาว “เฮ้อ...ช่างเถอะ ไม่ขาดทุนก็พอ ไม่รู้ว่าทางฝั่งเฟิงอู๋จีเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกไม่ใช่หรือว่าทั้งสำนักศึกษานี้ไร้ผู้ต่อกรด้วย ก็เลยนัดพี่สาวไปเล่นเกมยากสุดหินใช่หรือเปล่า”
หลี่เมิ่งชูหยิบนาฬิกาพกออกมาดูเวลา พบว่าใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว นางก็รีบหยัดกายลุกขึ้น
“เลยเวลามานิดหนึ่ง ลืมไปเสียสนิทเลย อู๋จีคงรอนานแล้ว ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็กลับ”
สองพี่น้องยังคงจมจ่อมอยู่ในห้วงโศกเศร้าที่เสียเงินไป จึงไม่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ด้วยนิสัยของเฟิงอู๋จี เมื่อเห็นเมิ่งชูไม่มาตามนัดหมาย เขาจะทนไม่ไหวเป็นแน่ต้องรีบมาหาก่อน แต่เหตุใดจวบจนป่านนี้ยังไม่เห็นเขาเลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...