เฟิงอู๋จีถูกเฟิ่งหมียนมองจนรู้สึกกดดันมาก ยากมากที่จะรวบรวมสมาธิให้อยู่กับลูกบาศก์ปริศนา
เดิมทีเขาเริ่มคลำหาวิธีการแก้ลูกบาศก์ปริศนาได้บ้างแล้ว แก้ลูกบาศก์ปริศนาเสร็จไปสองด้าน แต่ภายใต้สายตาที่แหลมคนนั้น ที่สุดก็ไม่สามารถรับคำท้าได้สำเร็จ
เวลาครึ่งชั่วโมง ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงอู๋จีแอบถอนหายใจยาว วางลูกบาศก์ปริศนาในมือลง “หมดเวลาแล้ว ข้าน้อยไม่สามารถแก้ปริศนาสิ่งนี้ได้ ทำให้แม่นางเสวียนจีเห็นเป็นเรื่องขำแล้ว”
เสวียนจีเขยิบเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยอย่างดีใจว่า “ดี เมื่อกล้าเดิมพันก็กล้ายอมรับความพ่ายแพ้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าก็คือลูกศิษย์ของข้า จำไว้หลังจากนี้ทุกวันเสาร์ต้องมาเมืองหลวงเพื่อเรียนกับข้า”
เจ้าหมอนี่ต้องเรียนหนังสือ นางอาศัยแค่ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ในการถ่ายทอดวิชาความสามารถคงไม่เพียงพอ วันหยุดฤดูหนาวและฤดูร้อนหลังจากนี้เขาคงไม่ได้หยุดแล้ว
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงอู๋จีก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ หลังจากได้สติก็เอ่ยด้วยความกระดากอายเล็กน้อย “ที่แท้ที่แม่นางเสวียนจีบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่าท่านแค่จะสอนข้าแก้ปริศนาลูกบาศก์อย่างไรเท่านั้น......”
ซวยแล้ว เมื่อครู่เขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายผิดไป ตอนนี้หากจะปฏิเสธก็ดูจะไม่เหมาะสมแล้ว
“นับข้าเป็นอาจารย์แล้ว แก้ปริศนาลูกบาศก์แค่นี้จะไปยากอะไร อาจารย์อย่างข้ามีความสามารถอีกมากทีเดียว”
เสวียนจีเชิดคางขึ้น รู้สึกภูมิใจในสมองอันชาญฉลาดขอตัวเองมาก
เฟิงอู๋จีเหลือบไปมองเฟิ่งเหมียนแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าแดงเรื่อเล็กน้อย “จะว่าไปก็น่าละอาย ข้าแพ้เดิมพัน เดิมควรจะทำตามที่แม่นางเสวียนจีสั่ง แต่ข้าไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ยเลย เกรงว่าท่านพ่อของข้าเองก็ไม่ยินดีให้ข้าใช้เวลาในการร่ำเรียน ไปเรียนวิชาทำนายดวงชะตา......”
เสวียนจีฟังออกถึงการปฏิเสธอย่างสุภาพของเขา รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“โธ่ เจ้าคิดว่าข้าจะสอนเจ้าทำนายดวงดูโหงวเฮ้งอย่างนั้นหรือ แม้เจ้าจะอยากเรียน ข้าก็สอนไม่ได้”
“เช่นนั้นแม่นางเสวียนจีหมายความว่า……”
“พระชายารัชทายาทบอกกับข้าว่า เจ้าสนใจเรื่องกลไกฉีเหมินมาก ผลการเรียนด้านวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติก็ดีมาก ยังคิดหาวิธีการปรับปรุงนาฬิกาพกแบบตะวันตกด้วยตัวเองอีกด้วย เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า เจ้าอยากจะรู้หรือไม่ว่านาฬิกาจักรกลขนาดใหญ่ในสำนักศึกษาชิงอี้มีหลักการทำงานอย่างไร แล้วรถไม้ที่ไม่ต้องใช้ม้าและอาหารก็สามารถวิ่งได้ทำขึ้นมาได้อย่างไร”
เฟิงอู๋จีได้ยินคำพูดประโยคนี้ แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา “แม่นางเสวียนจีรู้หรือ”
เขารู้สึกสนใจนาฬิกาขนาดใหญ่เรือนนั้นมาตลอด อยากจะศึกษาโครงสร้างภายในของมัน แต่เหล่าผู้ดูแลต่างก็ไม่ยินยอมให้เขาแกะเจ้าสิ่งนี้เพื่อทำการศึกษา
ทุกครั้งที่เดินผ่านสวนดอกไม้ในลานกว้างและเห็นสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา
“สิ่งของเหล่านั้นล้วนทำมาจากฝีมือข้า ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเฟิงอู๋จีมีแววประหลาดใจขึ้นมาทันที กวาดตามองร่างของเสวียนจีด้วยความสายตาไม่อยากเชื่อ
ก่อนหน้านี้ตอนที่ศิษย์พี่น้องเฟิ่งเหมียนมาจัดกิจกรรมนิทรรศการรถไม้ที่สำนักศึกษาชิงอี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าพวกเขาถูกตำหนักบูรพาเชิญมาร่วมงาน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ใครจะไปเชื่อว่า สิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้รู้สึกทึ่งเหล่านั้น ปรากฏว่าเป็นฝีมือของเด็กสาวที่มีอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งเท่านั้น
เสวียนจีเห็นสีหน้าของเขา เม้มปากพลางยิ้มอย่างกระดากอาย “เห็นทีเจ้าคงไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าดูสักหน่อย ตั้งใจดูให้ดีแล้วกัน”
นางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กๆ หยิบเอาลูกบาศก์ปริศนาอันเล็กที่คล้ายกันสองอันออกมา
จากนั้นก็โยนลูกบาศก์ทั้งสามอันขึ้นไปบนอากาศ นิ้วขาวอ่อนนุ่มรับและโยนขึ้นตามลำดับ
เดิมทีเฟิงอู๋จียังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆนางจึงเล่นปาหี่ขึ้นมา ทันในนั้นแววตาก็เคลื่อนไหว จับสังเกตได้อย่างว่องไวว่าในขณะที่เสวียนจีโยนลูกบาศก์ขึ้นไป ยังทำการบิดลูกบาศก์ทุกอันอย่างรวดเร็ว
นางคงไม่ได้จะทำการแสดงเล่นปาหี่ไปด้วย และทำให้ลูกบาศก์ปริศนาทั้งสามกลับคืนสู่สภาพเดิมทั้งหกด้านไปด้วยกระมัง
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา เฟิงอู๋จีรู้สึกว่าตัวเองจินตนาการกว้างไกลเกินไปแล้ว
และในขณะที่เขากำลังคิดเหลวไหลอยู่นั้น เสวียนจีก็ได้ทำการบิดลูกบาศก์ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้หนึ่งอันแล้ว
“เฮือก......”
เฟิงอู๋จีสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง คว้านาฬิกาพกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ม่านตาดำขลับหดตัวลงทันที
ตั้งแต่เสวียนจีเริ่มทำการแสดงจนถึงตอนนี้ เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที
“โธ่ ช่างเป็นลูกศิษย์ที่ดีเชื่อฟังมาก”
ที่สุดเสวียนจีก็รับถ้วยน้ำชามาด้วยความพอใจ ดื่มจนหมดอย่างให้เกียรติ
สวรรค์เป็นพยาน หลังจากนี้นางก็เป็นคนที่มีลูกศิษย์แล้ว
เฟิ่งเหมียนมองดูท่าทียิ้มแย้มของนาง ราวกับแมวที่เพิ่งจะได้กินปลาแห้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจและพอใจ ในใจเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งมองเฟิงอู๋จีด้วยความขัดตา
เฟิงอู๋จีกำลังรู้สึกดีใจมาก กลับรับรู้ได้ถึงสายตาที่แหลมคมที่มองมาอีกครั้ง หัวใจกระตุกทันที
เขาเดาว่าที่ใต้เท้าเฟิ่งเหมียนมองมาด้วยสายตาเช่นนี้ น่าจะกำลังตรวจสอบว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นลูกศิษย์หรือไม่
คิดถึงตรงนี้ ก็ลุกขึ้นมาเทน้ำชาอีกหนึ่งแก้ว โค้งตัวยื่นให้เฟิ่งเหมียนด้วยความนอบน้อม
“อาจารย์อาเฟิ่งเหมียน เชิญดื่มน้ำชา”
สีหน้าของเฟิ่งเหมียนยิ่งคล้ำลง “......อาจารย์อา”
เฟิงอู๋จีไม่รู้ว่าทำไมใบหน้าเขาจึงบึ้งตึงนัก ได้แต่เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจเขาสักเท่าไหร่ สะกดกลั้นความกระสับกระส่ายในใจเอาไว้ เอ่ยอย่างหนักแน่นจริงจังว่า “ในเมื่อคำนับแม่นางเสวียนจีเป็นอาจารย์แล้ว หลังจากนี้ท่านก็ย่อมเป็นอาจารย์อาของข้า อู๋จีรู้ตัวดีว่าเป็นคนมีความสามารถธรรมดา ได้รับความรักความเมตตาจากอาจารย์ หลังจากนี้จะตั้งใจทุ่มเทในการเรียนรู้ จะไม่ทำให้วัดไท่ชิงต้องขายหน้าอย่างเด็ดขาด”
อาจารย์อามาจากวัดไท่ชิง อาจารย์เป็นศิษย์น้องของเขา เช่นนั้นหลังจากนี้เป็นต้นไป ตนเองก็นับว่าเป็นคนของวัดไท่ชิงแล้ว
“......”
เสวียนจีที่อยู่ข้างๆตบไหล่เขาทีหนึ่ง พูดพลางยิ้มสดใสว่า “โธ่เอ๊ยศิษย์พี่ ข้ารู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวจีจีมาก ท่านอย่าทำหน้าบึ้งตึงกับเขาได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินอาจารย์เรียกชื่อตัวเองเช่นนั้น เฟิงอู๋จีแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
เฟิ่งเหมียนที่อยู่ข้างๆยังคงไม่พูดจา ใบหน้าเขียวคล้ำไปหมด

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...