เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 917

การมาถึงของหลี่เมิ่งชูทำลายบรรยากาศกระดากกระเดื่องในห้องลง

ระหว่างทางที่นางเร่งเดินทางมาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลานัดหมายแล้ว แต่เฟิงอู๋จีกลับไม่ได้ตามหานาง ก็ไม่รู้ว่าติดพันเรื่องอะไรอยู่

เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเล็กน้อยของทั้งสองคน แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยพบเห็นที่ไหน

“อู๋จี สองท่านนี้คือ......”

เฟิงอู๋จีเห็นนางแล้วตาเป็นประกายขึ้นมา รีบดึงหลี่เมิ่งชูไปคำนับพร้อมกันทันที

“อาจารย์อาจารย์อา นี่คือว่าที่ภรรยาของศิษย์ นางชื่อหลี่เมิ่งชู เมิ่งชู แม่นางเสวียนจีคนนี้เป็นอาจารย์ที่ข้าเพิ่งจะคำนับฝากตัวเป็นศิษย์ ส่วนใต้เท้าเฟิ่งเหมียนที่อยู่ข้างๆเจ้าก็เคยพบแล้วครั้งหนึ่ง รีบคำนับน้ำชาเร็วเข้า......”

หลี่เมิ่งชูได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงในใจ นางไม่ได้คุ้นเคยกับคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า แต่คนทั้งตระกูลหลี่ไม่มีใครไม่รู้จักเฟิ่งเหมียนและเสวียนจี

ตอนนั้นเป็นเพราะหลี่เมิ่งเอ๋อร์กับเสวียนจีขัดใจกัน จึงได้เกิดคำทำนายจากท่านราชครูเฟิ่งเหมียน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตระกูลหลี่ก็ตกอยู่ในวังวนแห่งความต่ำตม

ในใจของนางเกิดคลื่นแห่งความตื่นตระหนกขึ้นมา เดาไม่ถูกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็คำนับด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ คำนับน้ำชาให้กับแม่นางที่ดูจะมีอายุน้อยกว่าเขาด้วยความนอบน้อม

“ศิษย์หลี่เมิ่งชู คำนับใต้เท้าเฟิ่งเหมียนและแม่นางเสวียนจี”

เสวียนจีรับน้ำชาไปดื่มจนหมดด้วยท่าทีดีใจ “ที่แท้ก็เป็นภรรยาลูกศิษย์นี่เอง ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน วันหน้าไม่ต้องเห็นเป็นคนอื่นคนไกลเช่นนี้”

หลี่เมิ่งชูตอบรับด้วยยิ้มจางๆ อดไม่ได้ที่จะถามเสียงต่ำว่า “อู๋จีทำไมจู่ๆจึงคำนับรับอาจารย์เล่า”

“อะแฮ่ม พูดไปก็น่าอาย เมื่อครู่ข้า......”

เฟิงอู๋จียิ้มอย่างเขินอาย เล่าเรื่องการประลองกับเสวียนจีเมื่อครู่ให้นางฟัง

หลี่เมิ่งชูเห็นเขาเล่าด้วยใบหน้าที่บานเป็นกระด้ง อธิบายถึงการแสดงที่น่าทึ่งของเสวียนจี และยังบอกอีกว่านาฬิกาจักรกลและรถไม้ล้วนมาจากฝีมือของอีกฝ่าย สีหน้าปิดบังความตื่นเต้นและชื่นชมเอาไว้ไม่อยู่ จึงรู้ได้ทันทีว่าการที่เฟิงอู๋จีโชคดีถูกรับเป็นลูกศิษย์ทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

เจ้าหมอนี่เหมือนจะลืมไปว่าเมิ่งเอ๋อร์เคยล่วงเกินแม่นางเสวียนจี......

หลี่เมิ่งชูรู้สึกใจคอไม่ดีอยู่บ้าง กังวลว่าหลังจากที่ศิษย์พี่น้องสองคนนี้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลี่เมิ่งเอ๋อร์แล้ว จะเกิดความรู้สึกไม่พอใจ

ดังนั้นนางจึงกระตุกแขนเสื้อเฟิงอู๋จี พูดยิ้มๆว่า “แม่นางเสวียนจีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ เจ้าถูกรับเป็นศิษย์เป็นเรื่องที่มีวาสนาสูงส่งมาก นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว เจ้าที่เป็นศิษย์ต้องเป็นเจ้าภาพ เชิญพวกเขาไปนั่งที่โรงอาหาร”

วันฉลองครบรอบสำนักศึกษามีคนพลุกพล่าน เวลาทำการของโรงอาหารก็ขยายนานกว่าที่เคย ในตลาดมีผู้คนจำนวนมาก ต้องรีบไปจึงจะมีที่นิ่งดีๆ

เฟิงอู๋จีตบศีรษะตัวเองหนึ่งที “เมิ่งชูพูดถูก ความจำข้าไม่ได้เรื่องเลย อาจารย์และอาจารย์อามีข้อห้ามและอาหารที่ไม่ชอบหรือไม่ พ่อครัวในโรงอาหารของพวกเราล้วนเป็นพ่อครัวเก่าจากห้องเครื่อง แต่ละคนฝีมือเยี่ยมมาก”

“ขอแค่อาหารรสไม่จัดก็พอ......”

“ข้าจะกินหัวกระต่ายผัดเผ็ดเป็ดย่างเหล้าขาวปลาหมักผัดกบไก่ผัดพริกเครื่องในวัวต้มน้ำแดงเส้นมันฝรั่งผัดเปรี้ยวหวานสันในหมูผัดเปรี้ยวหวานมะระยัดไส้”

ทั้งสองคนแทบจะเอ่ยปากออกมาพร้อมกัน

เฟิ่งเหมียน “......”

เฟิงอู๋จี “เอ่อ......”

เงินไม่ใช่ปัญหา เพราะอาหารมื้อนี้ถือว่าเป็นงานเลี้ยงคำนับอาจารย์ จะทำลวกๆไม่ได้

เพียงแต่มองไปทางเฟิ่งเหมียนที่อยู่ทางซ้าย มองเสวียนจีที่อยู่ทางขวา หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมา ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับอย่างไรดี

เฟิ่งเหมียนทำหน้าบึ้ง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยตำหนิว่า “เจ้าเอาแต่กินอาหารประเภทเนื้อรสจัดเหล่านี้ ไม่กลัวจะกระทบต่อกระเพาะและลำไส้หรือ อีกอย่างก็มีกันไม่กี่คน เจ้าสั่งอาหารตั้งมากมายจะกินหมดได้อย่างไร ประชาชนปลูกข้าวไม่ง่าย อย่าฟุ่มเฟือยเสียของ”

หลี่เมิ่งชูยืนอยู่อย่างสงบในมุมหนึ่งตลอดมา พยายามจะลดความมีตัวตนของตนเองลง กระทั่งมั่นใจว่าพวกเขาจะไปกินข้าว ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เช่นนั้นอู๋จีพาอาจารย์เสวียนจีกับใต้เท้าเฟิ่งเหมียนไปกินข้าวเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าเก็บร้านเอง”

เสวียนจีรีบพูดขึ้นมาว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ภรรยาลูกศิษย์เจ้าย่อมต้องไปกินอาหารกับพวกเราซิ”

หลี่เมิ่งชูยิ้มพลางพูดว่า “ขอบคุณอาจารย์เสวียนจี แต่ข้ามีมัดแล้ว ครั้งนี้คงไปไม่ได้”

นางกำลังคิดจะปฏิเสธคำเชิญ รีบส่งทั้งสามคนออกไป สิ่งที่เป็นกังวลที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้

นอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น มีคนผลักประตูเข้ามา

“ ท่านพี่ พวกท่านเสร็จหรือยัง ทำไมถึง......”

คนที่มาคือหลี่เมิ่งเอ๋อร์ อุ้มประทีบ ที่อายุราวห้าหกเดือนเอาไว้ในอ้อมอก ขณะนี้กำลังตอนหลับสบาย มีหลี่หยวนเส้าเดินตามมาข้างหลัง

พอมองเห็นเสวียนจี นางก็ชะงักเท้ายืนนิ่งอยู่กับที่ ประโยคที่ยังพูดไม่จบก็ติดค้างอยู่ที่ลำคอ

หลี่หยวนเส้าเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “อู๋จี ทั้งสองท่านนี้เป็นเพื่อนเจ้าหรือ”

หลี่เมิ่งชูแอบสบถอยู่ในใจ ตอนนี้ซวยแล้ว

นางเหลือบไปมองหลี่เมิ่งเอ๋อร์ เห็นอีกฝ่ายสีหน้าขาวซีด เห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่สบายใจ

หลี่เมิ่งเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าจะได้พบพวกเขาอีก โดยเฉพาะใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเฟิ่งเหมียน ทำให้รู้สึกถึงเลือดในร่างกายที่เย็นเฉียบลงโดยสัญชาตญาณ

นางรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย รีบก้มศีรษะคำนับ “ข้าน้อยคำนับแม่นางเสวียนจีและท่าน......ราช......ท่านราชครูเฟิ่งเหมียน......”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ