เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 919

รอจนกระทั่งเซียวปี้เฉิงเลือกอาหารเสร็จแล้ว ก็หันไปมองพวกเฟิงอู๋จี “พวกเราสั่งเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าอยากกินอาหารอะไรหรือไม่”

คนที่เหลือต่างก็ส่ายหน้า รีบพูดว่า “สั่งมามากพอแล้ว แค่นี้ก็พอ”

เสวียนจีพยักหน้า “ได้เลย พี่เสี่ยวเอ้อ ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนตัดอาหารที่วงเอาไว้ในหน้านี้ หน้านี้ แล้วก็หน้านี้ออกไป ที่เหลือล้วนเอามาอย่างละหนึ่งจาน”

เฟิงอู๋จีที่เพิ่งจะรู้สึกโล่งใจ พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็แทบจะตกจากเก้าอี้

รายการอาหารสามหน้าน้อยที่สุดก็มีเกือบสามสิบรายการ คัดรายการที่ไม่เอาออกไป ที่เหลือล้วนสั่งมาทั้งหมด

แม้ว่าราคาอาหารของโรงอาหารจะถูกกว่าร้านอาหารในเมืองหลวง แต่อาหารชั้นเลิศมากมายเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ต้องใช้เงินสองร้อยตำลึง

เฟิงอู๋จีแอบภาวนาในใจให้เงินในถุงเงินพอจ่าย เขาพกเงินมาสองร้อยตำลึงพอดีไม่ขาดไม่เกิน หากถึงเวลาจ่ายเงินแล้วไม่พอคงจะกระดากน่าดู

อวิ๋นหลิงเห็นเสวียนจียื่นรายการอาหารให้เสี่ยวเอ้อ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “สั่งอาหารมากมายขนาดนี้ พวกเราจะกินหมดหรือ”

“ฮึๆ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่พวกเรา งานเลี้ยงคำนับอาจารย์จะขาดพวกนายท่านหลีว์ไปได้อย่างไร เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามาในโรงอาหารได้บอกกับแผนกต้อนรับเรียบร้อยแล้ว ให้พวกเขามากินข้าวที่ห้องรับรองแขกชั้นสูงหมายเลขหก เพื่อให้อาหารถูกปากทุกคน ย่อมต้องสั่งอาหารที่รสชาติแตกต่างกันให้มากหน่อย”

งานเลี้ยงคำนับอาจารย์ก็ต้องทำให้เป็นทางการ คนเยอะจะได้คึกคัก

หลังจากสั่งอาหารแล้ว เสวียนจีก็สั่งเหล้าและเครื่องดื่มอีกต่างหาก คำนึงถึงหลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่พาเด็กมาด้วย ยังได้ขอให้ทางห้องครัวทำอาหารเสริมให้กับเด็กเล็กหนึ่งชุด

ไม่ช้าอาหารก็ทยอยกันขึ้นโต๊ะ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเครื่องเคียงและอาหารประเภทผัดต่างๆ

ประทีบ ได้รับเป็นอาหารเหลวข้นชุดหนึ่ง บนถาดที่ทำจากไม้มีถ้วยเล็กๆที่ประณีตวางอยู่สามใบ แบ่งเป็นถ้วยที่มีโจ๊กใส่น้ำตาลเล็กน้อย อาหารเหลวที่ทำจากเต้าหู้และผัก รวมถึงไข่แดงผสมเนื้อปลา

บางทีอาจเป็นเพราะได้กลิ่นหอมของอาหาร ประทีบ ที่นอนอยู่ในอ้อมอกของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาทันที ร้อง“อาอา”ด้วยเสียงอ้อแอ้

รู้ว่าลูกชายหิวแล้ว หลี่เมิ่งเอ๋อร์รีบตักอาหารเหลวด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยให้ลูกชายหนึ่งช้อน เกรงว่าเขาจะร้องขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร รบกวนความสงบของทุกคน

ถึงแม้ว่าประทีบ จะร่างกายอ่อนแออยู่บ้าง แต่มีนิสัยเชื่อฟังมาก น้อยมากที่จะงอแง ไม่ช้าก็เริ่มกินอาหารเหลวที่แสนอร่อย สายตาก็จ้องมองไปยังผู้คนที่อยู่รอบๆ

เสวียนจีมองประทีบ อย่างวิเคราะห์หลายครั้ง พลางกินทุกอย่างไปเรื่อยๆ และไม่ลืมที่จะเสนอแนะว่า “ลูกชายเจ้าหน้าตาเหมือนเจ้ามาก หน้าผากใหญ่กว่าพวกเจ้าพี่น้อง ทั้งยังสะท้อนแสงวาววับ แต่ไรผมมีความเบาบางอยู่บ้าง วันหน้าต้องกินเนื้อไข่นมและแครอทให้มากหน่อย จะช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดี”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ยิ้มอย่างกระดากอาย “ขอบคุณมาก ข้าจะจำเอาไว้”

อวิ๋นหลิงเห็นฉากนี้ รู้สึกว่าห่านหัวโตเปลี่ยนไปมากจริงๆ

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าหากมีคนบอกว่านางหัวล้าน เกรงว่าคงจะอารมณ์ปะทุขึ้นมาทันที

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็หันไปทางเฟิ่งเหมียนด้วยรอยยิ้มสดใส “ได้ยินมาว่าผู้ที่มีหน้าผากอวบอิ่มเป็นคนที่มีวาสนา ใช่หรือไม่”

เฟิ่งเหมียนเหลือบไปมองประทีบ หลายวินาที เอ่ยอย่างเป็นกลางด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หน้าผากโหนกนูนสูงหนา ตามหลักจะได้เป็นขุนนางเลื่อนขั้น สองข้างซ้ายขวาขาดสมดุลดวงต่ำต้อย พ่อแม่จากลาตั้งแต่เยาว์วัย”

เสวียนจีหูผึ่ง สะกิดที่เอวของเขา “อย่าพูดเป็นปริศนา พูดภาษาคน”

เฟิ่งเหมียนไม่ได้โกรธ อธิบายอย่างอดทนว่า “เด็กคนนี้มีหน้าผากที่กลมมน เพียงแต่ข้างซ้ายและขวาไม่สมดุลกัน นี่เป็นโหงวเฮ้งแห่งความยากจนและต่ำต้อย พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ด้านหน้าของหน้าผากนูนขึ้นมา อีกทั้งยังสูงและหนา ในวัยเยาว์แม้จะมีชีวิตลำบากยากเข็ญอยู่บ้าง แต่เมื่ออายุครบยี่สิบปีดวงชะตาจะพลิกผัน เมื่อเข้าสู่วัยกลางคนจะเจริญรุ่งเรืองในตำแหน่งขุนนาง”

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ใบหน้าของพี่ต้องตระกูลหลี่ต่างก็มีแววยินดีผุดขึ้นมาอย่างหาได้ยากยิ่ง

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ดวงตาสั่นระริกเล็กน้อย มือที่ถือชิ้นก็สั่นเทาขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกหลากหลายผุดขึ้นมา

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างยากลำบาก เอ่ยเสียงสั่นว่า “ขอบคุณใต้เท้าเฟิ่งเหมียนที่ชี้ทางสว่าง ข้าน้อยจะจดจำทุกคำพยากรณ์ของท่านในวันนี้เอาไว้”

ถึงแม้จะยังคงรู้สึกคาดไม่ถึงกับการไม่ถือสาในเรื่องที่เคยผ่านมาของศิษย์พี่น้องสองคนนี้ แต่ความใจกว้างและความเป็นมิตรในวันนี้ นางจะจดจำเอาไว้ในใจ

หลี่เมิ่งชูเห็นดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาของนางมีความยินดีที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดปรากฏอยู่ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบาใจ และรู้สึกยินดีขึ้นมา

สามพี่น้องมีความรู้สึกระแวงและอึดอัดใจลดลง ที่สุดบรรยากาศก็อบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว

อวิ๋นหลิงมองไปทางเฟิ่งเหมียนพลางพูดยิ้มๆว่า “ความสามารถในการดูโหงวเฮ้งของเจ้าร้ายกาจมาก ตอนนี้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเจ้าล้วนเป็นศิษย์ที่ข้าภูมิใจมาก ไม่สู้ชี้แนะพวกเขาสักหน่อยดีหรือไม่”

เฟิ่งเหมียนพยักหน้า เขาไม่ค่อยทำนายดวงชะตาให้ใครง่ายๆ แต่พวกอวิ๋นหลิงไม่ใช่คนอื่นคนไกล นางอยากจะรู้ก็บอกพูดให้นางฟัง

หลังจากนั้น สายตาของเขาก็มองไปยังร่างของหลี่หยวนเส้า ดวงตาสำอำพันสดใสคู่นั้นราวกับจะมองผู้คนจนทะลุปรุโปร่งทั้งภายในและภายนอก

“ห่านฟ้าที่มีปณิธานมุ่งมั่นตกสู่หุบเหวลึก ปลาในธารน้ำใสที่มีวาสนาสูงส่งมาช่วยเหลือ ปีกที่หักกำเนิดใหม่ทะยานขึ้นสู่ฟ้า จำไว้ต้องรักษาความบริสุทธิ์ของขนนกเอาไว้ให้ดี อย่าคลุกคลีกับพวกอีกาและนกแร้ง มิเช่นนั้นหากสูญเสียขนนกในวันหนึ่ง ก็ยากจะทะยานขึ้นไปบนฟ้าได้อีก”

หลี่หยวนเส้าไตร่ตรองคำพูดประโยคนี้อย่างละเอียด ก็เข้าใจในทันที นี่เป็นการบอกให้เขาอยู่ห่างจากคนและเรื่องราวทางสายเทา

เดินอยู่แถวแม่น้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้อย่างไร ถ้าหากไม่ระวังถูกดึงเข้าไปพัวพัน ทำให้ปีกเปียกปอน เขาก็จะโบยบินไม่ได้อีก

เมื่อก่อนหลี่เมิ่งชูเคยพูดนับครั้งไม่ถ้วน หลี่หยวนเส้าไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้คำพูดประโยคนี้ถูกพูดออกมาจากปากของเฟิ่งเหมียน ในที่สุดก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆเสียที

หลี่หยวนเส้าลุกขึ้นโค้งคำนับให้กับเฟิ่งเหมียน เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณใต้เท้าเฟิ่งเหมียน ข้าน้อยจะจดจำเอาไว้”

เพียงแต่ในใจเขารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ปลาในธารน้ำใสที่มีวาสนาสูงส่งมาช่วยเหลือ หมายถึงอะไร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ