เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 921

ได้ยินว่าลูกชายทั้งสองมีกู้ฮั่นม่อคอยดูแล อวิ๋นหลิงก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก จึงได้หันเหความสนใจไปที่งานเลี้ยงชมรม กวาดตามองทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส

“ปกติสำนักศึกษาของเราก็เหมือนวัด ยากมากที่งานชมรมในคืนนี้จะมีชายหนุ่มหญิงสามไม่น้อยมาเล่นสนุกกัน พวกเขาที่เป็นโสดยังไม่แต่งงานต้องรักษาโอกาสที่มีเพียงปีละครั้งนี้เอาไว้”

กู้ฉางเซินได้ยินเช่นนี้ ก็พูดยิ้มๆว่า “เพื่อเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของพวกเจ้าอวิ๋นหลิงใช้เวลาเตรียมการไม่น้อยเลย รายชื่อหญิงสาวที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ มีทั้งที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลขุนนางที่สูงศักดิ์ และผู้ที่มีชาติกำเนิดจากครอบครัวพ่อค้า ยังมีไม่น้อยที่เป็นหญิงสาวจากหมู่บ้านที่อยู่ละแวกนี้ ไปทำความรู้จักให้มากหน่อย บางทีอาจจะเจอเนื้อคู่ก็ได้”

ก่อนจะจัดงานครบรอบสำนักศึกษา พวกเราได้เตรียมการมามากพอ หนังสือพิมพ์ทางการและหนังสือพิมพ์ประชาชนต่างก็ได้ลงรายละเอียดของกิจกรรมในวันงาน มีการอธิบายเน้นย้ำในเรื่องชมรมสำนักศึกษาด้วย

คนฉลาดมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าจุดสนใจของชมรมสำนักศึกษาคือการหาคู่ ครอบครัวที่มีลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานมากมายต่างก็รู้สึกหวั่นไหวมาก

ชายหนุ่มในสำนักศึกษาชิงอี้มีทั้งที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลขุนนาง และมีไม่น้อยที่มาจากครอบครัวที่ยากจน แต่ล้วนเป็นผู้ที่มีอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ละคนเป็นผู้ที่มีศักยภาพ

อยากจะหาสามีที่ดีสักคน ย่อมต้องมาดูตัวที่สำนักศึกษา แค่ในรายชื่อผู้เข้าร่วมงานในคืนนี้ ก็มีหญิงสามเกือบพันคนแล้ว

เซียวปี้เฉิงจ้องมองไปที่ร่างของหลี่หยวนเส้า “ใช่แล้ว หยวนเส้ายังไม่แต่งงาน ประเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ต้องกลับหอพักลูกศิษย์เพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้ดี อย่าได้พลาดโอกาสนี้ไปอย่างเด็ดขาด ปีหน้าต้นฤดูใบไม้ผลิก็จะถึงงานแต่งงานของเมิ่งชูกับอู๋จีแล้ว เจ้าที่เป็นพี่ชายจะล้าหลังน้องสาวทั้งสองคนไม่ได้”

อย่างไรเสียก็เป็นเคยเป็นถึงหนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองหลวง หากสวมผ้าคาดหัว ยังสามารถพูดได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและหน้าตาดี

สายตาของหลี่หยวนเส้ามีแววคลุมเครืออยู่บ้าง แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มเหมือนปกติ “ศิษย์ย่อมต้องไปอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะโชคดีถูกตาต้องใจแม่นางตระกูลไหนบ้างหรือไม่”

เขาเหลือบมองชุดผ้าฝ้ายหยาบธรรมดาที่สวมใส่อยู่บนร่าง ไม่ได้ใส่ใจเรื่องงานเลี้ยงชมรมสำนักศึกษาเลยสักนิด

จนป่านนี้แล้ว หลี่หยวนเส้าได้หยุดคิดเรื่องแต่งงานไว้ชั่วคราว

ตอนนี้หญิงสาวสูงศักดิ์เหล่านั้นคงไม่มีทางชอบเขา แม้จะมีคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนมีอนาคต เสนาบดีขวาหลี่ก็ไม่มีทางให้เขาได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงได้ ต้องทำการขัดขวางด้วยวิธีการต่างๆไม่ให้เขาได้แต่งงานกับลูกสาวตระกูลขุนนางอย่างเด็ดขาด

คาดว่านี่คงเป็นสิ่งที่ตาเฒ่าอยากจะเห็นที่สุดในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะแต่งงานกับหญิงสาวที่มาจากตระกูลยากจนเป็นภรรยา ดิ้นรนทำงานลำบากตรากตรำเป็นชนชั้นล่าง กระทั่งทนไม่ไหวต้องกลับไปคุกเข่ายอมรับผิดต่อหน้าเขาในภายหน้า

คิดถึงตรงนี้ หลี่หยวนเส้าก็มีสีหน้าเย็นชาลงหลายส่วน

เขาไม่มีทางยอมแพ้ให้กับตระกูลหลี่อย่างเด็ดขาด

โต๊ะอาหารที่คึกคัก หลี่เมิ่งชูอดไม่ได้ที่จะมองพี่ชายด้วยความเป็นห่วงแวบหนึ่ง

คนนอกไม่รู้เรื่องภายในตระกูลหลี่ แต่นางกลับเข้าใจดี พี่ชายมีหญิงที่รู้จักกันมาหลายปี เป็นลูกสาวของตระกูลจ้าวที่คบหากันมาหลายชั่วคนชื่อจ้าวหงจู

ทั้งสองตระกูลคิดว่ารอให้เขาสอบขุนนางครั้งนี้เสร็จแล้วจะจัดงานหมั้นอย่างเป็นทางการ แต่เป็นเพราะเรื่องของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ เรื่องการแต่งงานจึงไร้วี่แวว

จ้าวหงจูคนนั้นเดิมทีก็ชอบพี่ชาย เพียงแต่ตั้งแต่เขามีเรื่อง ก็ถูกตระกูลจ้าวคอยจับตาดูอยู่ตลอด ไม่ให้ไปมาหาสู่กับเขา ก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆก็มีสีหน้าปกติ เอาแต่ก้มหน้าตั้งใจป้อนข้าวให้กับประทีบ

เห็นได้ชัดว่างานเลี้ยงชมรมไม่ใช่งานที่นางควรจะเข้าร่วม รอให้เลี้ยงดูประทีบ จนเติบใหญ่แล้ว ชีวิตนี้นางสามารถหาพ่อหม้ายที่ซื่อสัตย์มีความรับผิดชอบมาเติมเต็มครอบครัว ก็นับว่าเป็นวาสนาแล้ว

บนโต๊ะอาหารพูดคุยกันถึงเรื่องงานเลี้ยงชมรมสำนักศึกษา

เสวียนจีเรอออกมา เอ่ยกำชับด้วยสายตาที่เมามายคลุมเครือ “ศิษย์พี่ประเดี๋ยวอย่า......เอิ๊ก อย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของท่านอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้น......เอิ๊ก สาวๆต่างก็วิ่งไล่ตามท่าน คนอื่นก็หาภรรยาไม่ได้เสียที......เอิ๊ก”

เฟิ่งเหมียนมองดูใบหน้าที่ดูเมามายของนาง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นางแอบดื่มเหล้าอีกแล้ว”

เสวียนจีคอไม่แข็งเลยสักนิด แต่ก็ชอบดื่มมาก เมาแล้วยังชอบโวยวาย ดังนั้นปกติแล้วทุกคนจะระวังไม่ให้นางดื่มเหล้า

หลิวฉิงมองที่ถ้วยของตัวเองแวบหนึ่ง ก็พบว่าเหล้าของตัวเองถูกเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สีหน้าดำคล้ำลงทันที

“ประเดี๋ยวพวกท่านขังนางเอาไว้ในห้องและมัดไว้กับเตียงจะดีที่สุด เรียกให้คนมาเฝ้าเอาไว้ มิเช่นนั้นถ้าเมาอาละวาดขึ้นมา ระวังจะล่มงานของสำนักศึกษาได้”

เฟิ่งเหมียนรีบลุกขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ส่งนางไปที่ห้องพักแขกเถอะ ข้าจะจับตาดูนางไว้เอง”

อาการเมาอาละวาดของนางหนูคนนี้เขาเคยเห็นมาแล้ว รับมือได้ยากมาก แต่เขาก็มีวิธีการจัดการ

เซียวปี้เฉิงได้ยินก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่สู้ให้ข้ากับอวิ๋นหลิงดูแลจะดีกว่า คืนนี้ท่านยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงชมรมมิใช่หรือ”

เฟิ่งเหมียนส่ายหน้า “ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ เมื่อครู่ข้าไม่ได้ดูแลนางให้ดี ควรเป็นข้าที่ต้องคอยจับตาดู”

เสี่ยวเอ้อเอ่ยด้วยเสียงกังวานว่า “วันนี้เป็นการจัดงานครบรอบสำนักศึกษาวันสุดท้าย อาหารในโรงอาหารของเราทั้งหมดลดราคาร้อยละยี่สิบ โต๊ะของลูกค้าคิดเป็นเงินทั้งหมดสองร้อยกับเก้าตำลึง”

เฟิงอู๋จีได้ยินเช่นนี้ รู้สึกทั้งดีใจและเศร้าอยู่ในใจ

ดีใจที่อาหารลดราคา เงินในถุงเงินของเขามีจ่ายพอดี

ที่เศร้าใจก็คือทำงานหนักมาสามวัน เขาหาเงินไม่ได้แม้แต่แดงเดียว ขาดทุนไปหนึ่งร้อยตำลึง ยังเอากำไรจำนวนเก้าตำลึงของหลี่หยวนเส้ามาใช้ด้วย

เพื่อนทุกข์เพื่อนยากสองคนออกไปจากโรงอาหาร ต่างก็มองหน้ากันอยู่ที่หน้าประตู ปล่อยให้ลมเย็นในฤดูใบไม้ร่วงพัดถุงเงินที่ว่างเปล่าของพวกเขา ร่างกายและจิตใจเย็นเฉียบ

“......เจ้าไปสังสรรค์ในงานเลี้ยงกับเมิ่งชูเถอะ เงินเก้าตำลึงที่ติดข้าอย่าลืมคืนแล้วกัน”

หลี่หยวนเส้าถอนหายใจออกมา กลับไปยังหอพักลูกศิษย์อย่างไร้ชีวิตชีวา คิดว่าจะรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนเร็วๆ

แต่คิดไม่ถึงว่าพอไปถึงหน้าประตู จะเจอเข้ากับเด็กน้อยที่ดูคุ้นตาคนหนึ่ง

หลังจากเด็กคนนั้นเห็นหลี่หยวนเส้า ก็วิ่งเข้ามาหาด้วยดวงตาเป็นประกายอย่างรวดเร็ว “คุณชายเส้า”

“ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”

เด็กน้อยรีบพยักหน้า “พี่สาวสั่งให้ข้ามาส่งสารให้คุณชาย ก่อนหน้านี้นางถูกพ่อและพี่ชายคอยจับตาดูอยู่ ไม่สามารถเขียนจดหมายมาหาท่านได้ แต่ก็คิดถึงท่านอยู่ในใจตลอดมา ครั้งนี้อาศัยโอกาสที่สำนักศึกษาชิงอี้จัดงานเลี้ยงชมรม ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ใช้โอกาสนี้มาเชิญท่านไปพบเป็นการส่วนตัว”

เมื่อได้ยินว่าจ้าวหงจูมา หลี่หยวนเส้าก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สายตาที่เย็นชาอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย

“เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียวก็มา”

ที่แท้ไม่ใช่ทุกคนที่ทอดทิ้งเขา

คิดถึงตรงนี้ หลี่หยวนเส้าก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ