นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้
ก่อนหน้านี้นางเคยรักษามนุษย์พิษที่เนื้อตัวเป็นสีม่วง นั่นคือเสิ่นทัว พี่ชายคนโตของเสิ่นชิ่น
นางกำลังสงสัยว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้จะไปถูกพิษได้อย่างไร เวินฮุ่ยเจินก็เดินถือกาน้ำชาเข้ามา
เห็นเด็กออกมาจากห้องด้านใน นางก็รีบวางกาน้ำชาลง แล้วไปบังเขาไว้ข้างหลังด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“พระชายา นี่คือหรูเฟย ลูกชายของข้าเอง เขาเกิดมาอาภัพผิดปกติจากคนทั่วไป ดูน่ากลัวนิดหน่อย เป็นความผิดของข้าเองที่ดูแลเขาไม่ดี ทำให้ท่านและคุณชายน้อยตกใจแล้ว”
อวิ๋นหลิงได้สติกลับมา ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเจ้า”
นางนึกถึงเสิ่นทัว รู้สึกว่าเด็กตรงหน้าถูกพิษร้ายแรงกว่าเขามากนัก แต่มีชีวิตรอดมาได้ก็นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อโดยแท้
ดวงตาของเวินฮุ่ยเจินซับซ้อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก พูดอย่างจริงจัง “พระชายา หม่อมฉันอยากจะเล่าเรื่องของหรูเฟยให้ท่านฟัง คราวนี้ที่ข้าดั้นด้นมาถึงเมืองหลวงก็เพื่อมาหาหมอ ได้ยินว่าพระชายามีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ วันนี้ได้พบท่านถือเป็นโชควาสนาของข้ากับหรูเฟย หวังว่าท่านจะเมตตายื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
อวิ๋นหลิงสังเกตเห็นว่านางเรียกตัวเองว่า ‘หม่อมฉัน’ ไม่ใช่ ‘ข้า’ อย่างที่เพิ่งพูดไปก่อนหน้า
“มีปัญหาอะไรก็ว่ามา”
เวินฮุ่ยเจินรู้ว่าเมื่อองครักษ์ตรวจค้นหมู่บ้านเถาหยวนเสร็จ พระชายาก็จะจากไป นางจึงรีบคว้าโอกาสนี้เล่าเรื่องราวของตนให้ฟัง
“หม่อมฉันมีพื้นเพเป็นคนเมืองเซียงโจว บิดาเป็นขุนนางอยู่ในที่ว่าการ เมื่อหกปีที่แล้วเข้าไปพัวพันกับคดี เนื่องจากบิดาสังหารไส้ศึกหนานเจียงในระหว่างการสอบสวน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบิดาก็ถูกปีศาจสาวหนานเจียงตามล้างแค้น…”
เล่าถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเวินฮุ่ยเจินก็สั่นเครือเล็กน้อย ขอบตาแดงเรื่ออย่างควบคุมไม่ได้ นางหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะข่มกลั้นอารมณ์แล้วเล่าต่อ
“มีข่าวลือว่าคนหนานเจียงสามารถใช้วิชามอมเมาได้เหมือนกับปีศาจสาว บิดาข้าถูกอาคมของนาง จนฆ่ามารดาตายโดยไม่รู้ตัว เป็นผลให้ถูกจำคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในเวลาต่อมา”
“เดิมทีข้ายังมีพี่ชายและพี่สะใภ้ พวกเขาแต่งงานกันได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็ตายจากไปด้วยพิษงูและแมงป่องอย่างเป็นปริศนา บิดาข้ารู้ว่าตระกูลเวินตกเป็นเป้าหมายของปีศาจสาวเหมียวเจียง ดังนั้นก่อนตายเขาจึงไหว้วานสหายเก่าให้ช่วยส่งข้าออกไปจากเมืองเซียงโจว แต่ปีศาจสาวมากเล่ห์เพทุบาย ทำให้ข้าตกอยู่ในเงื้อมมือของนางจนได้…”
ตอนนั้นเวินฮุ่ยเจินเพิ่งครบสิบแปด แต่ก็กลายเป็นเด็กกำพร้าในเวลาสั้นๆ เพียงสามเดือน นางตื่นตระหนกและโศกเศร้าเหลือแสน ต้องหนีออกจากบ้านเกิดที่อาศัยอยู่มานานกว่าสิบปี
หลังออกจากเมืองเซียงโจว นางแยกจากสหายเก่าของบิดาได้ไม่นาน ก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจสาวเหมียวเจียง
“นางไม่ได้ฆ่าเจ้าหรือ”
อวิ๋นหลิงฟังถึงตรงนี้ก็เหลือบมองเด็กแวบหนึ่ง คาดเดาอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ แล้วสีหน้าก็เคร่งขรึม
เวินฮุ่ยเจินพยักหน้า “เดิมข้าคิดว่าตัวเองกำลังจะตายเพราะถูกงูและแมงป่องกัด แต่ไม่ได้คิดว่านางจะไม่ฆ่าข้า แต่พาข้าไปที่เมืองเล็กๆ แถบชายแดนแคว้นถังใต้”
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ไม่แน่อาจจะน่ากลัวกว่าการมีชีวิตอยู่หรือไม่
“ปีศาจสาวมีที่พำนักลึกลับแห่งหนึ่ง ลานบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้มีพิษและวัชพืชมีพิษ เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีพิษไว้มากมาย นางมักจะจับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ของแคว้นถังใต้และแคว้นซีโจวมาทดสอบพิษที่นางปรุงขึ้น…”
ตอนนี้นึกย้อนกลับไป เวินฮุ่ยเจินยังคงจำเสียงกรีดร้องที่ดังเป็นระลอกในยามค่ำคืนได้ และศพที่ถูกโยนออกมาทำปุ๋ยในวันรุ่งขึ้น
ยามนั้นนางถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆ จิตใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงตานาง
จนกระทั่งวันหนึ่ง นางถูกหญิงผู้นั้นโยนเข้าไปในคุกใต้ดิน
หญิงผู้นั้นสวยยิ่งนัก แต่รอยยิ้มชวนให้น่าขนลุกขนพอง “ทางที่ดีเจ้าควรอธิษฐานให้ท้องของเจ้าแข็งแรงเข้าไว้ เพื่อที่เจ้าจะได้มีโอกาสรอดชีวิต”
ก่อนที่เวินฮุ่ยเจินจะเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของนางได้ นางก็เห็นชายคนหนึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่หน้าตาหล่อเหลา ทว่าร่างกายเป็นสีม่วงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน
“หลังจากข้ากลับมาถึงแคว้นต้าโจวก็ไม่กล้าแวะไปที่เมืองเซียงโจว จึงเดินทางขึ้นเหนือ ก็พบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ระหว่างทาง หมอบอกว่ามีพิษอยู่ในร่างกายข้า หากทำแท้ง ร่างกายข้าคงไร้เรี่ยวแรงต่อสู้กับพิษร้ายเช่นนี้ มิสู้ปล่อยให้ทารกในครรภ์ดูดซับพิษไปจะดีกว่า บางทีอาจจะยังรักษาชีวิตไว้ได้”
นางจึงปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ คลอดลูกตามลำพังด้วยความยากลำบากยิ่งนัก
นางรักษาชีวิตไว้ได้ตามคำที่หมอบอกจริงๆ และไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกายด้วยซ้ำ แต่เด็กที่นางคลอดออกมานั้นเป็นทารกที่มีพิษเต็มตัว
หมอแนะนำให้นางทิ้งเด็ก บอกว่าเด็กจะอยู่ได้ไม่นาน
“แต่ข้าคิดว่าเขาช่วยชีวิตข้าไว้ เป็นก้อนเนื้อที่หลุดออกมาจากตัวข้า...ลูกที่น่าสงสารของข้า ขอแค่เขามีชีวิตอยู่ได้หนึ่งวัน ข้าก็จะเลี้ยงดูเขาไปหนึ่งวันเช่นกัน…”
“บางทีสวรรค์อาจเมตตา หรูเฟยอยู่ดีมีสุขมาตลอด ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เพียงแค่เนื้อตัวสีม่วงที่ทำให้เขาต้องทนทุกข์และน้อยเนื้อต่ำใจ ข้าพาเขารอนแรมไปทั่วแคว้นซีโจว หวังว่าจะตามหาหมอชื่อดัง ช่วยรักษาให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาสักวันหนึ่งก็ยังดี…”
จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อน วิชาแพทย์ของพระชายาก็โด่งดังไปทั่วหล้า อู๋อันกงได้เพาะสมุนไพรที่ล้ำค่าและหายาก นางจึงพาลูกชายมาเมืองหลวงด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
เมื่อเวินฮุ่ยเจินเล่าถึงตรงนี้ ในที่สุดก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้ แล้วกอดลูกชายไว้แน่น
ฝ่ามือสีม่วงของเวินหรูเฟยรับน้ำตาที่ไหลร่วงเผาะลงมาของนางไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กอดนางไว้แน่น
“ท่านแม่อย่าร้องไห้”
เมื่อมองสองแม่ลูก อวิ๋นหลิงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะแยกแยะข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มาอย่างฉับพลันได้
นางไม่นึกว่าลูกหายไปคนหนึ่ง จะไปเก็บลูกของเสิ่นทัวมาได้
เมื่อไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว มนุษย์พิษตัวน้อยผู้นี้ไม่ใช่หลานชายของเสิ่นชิ่นหรอกหรือ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...