เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 931

ประสบการณ์ของเวินฮุ่ยเจินเกินกว่าจะจินตนาการได้ นางพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงเป็นฝันร้ายมาตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่รู้ว่าความบอบช้ำที่ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนั้นมากมายเพียงใด

เสวี่ยถวนเอ๋อร์ขยับตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของอวิ๋นหลิง แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันนัก แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าสลดของพวกเขาได้อย่างฉับไว

เขามองเวินหรูเฟยอย่างเงียบๆ รับรู้ด้วยความงุนงงว่าเด็กประหลาดตัวน้อยผู้นี้ป่วยจึงมีสภาพเป็นแบบนี้

เขารู้สึกว่าเด็กประหลาดตัวน้อยน่าสงสาร จะต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่

“ท่านแม่ช่วยฝังเข็มให้เขาหน่อย”

เสวี่ยถวนเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อของอวิ๋นหลิง แล้วมองนางอย่างคาดหวัง

อวิ๋นหลิงลูบศีรษะลูกชาย แล้วพูดเสียงเข้ม “แม่นางเวิน ข้าเคยประมือกับคนหนานเจียงมาก่อน พอรู้การศึกษาพิษของพวกเขามาบ้างผิวเผิน ข้าจะรักษาอาการป่วยของลูกชายเจ้าอย่างเต็มที่ แต่เขาเกิดมาก็เป็นแบบนี้เสียแล้ว ข้าก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะทำให้เขากลับมาเป็นปกติได้ ต้องวินิจฉัยอย่างรอบคอบก่อนจึงจะหาวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจงได้”

ดวงตาของเวินฮุ่ยเจินตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบลง “พระชายายินดียื่นมือเข้าช่วย หม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

หากแม้แต่อวิ๋นหลิงก็ยังรักษาลูกชายของนางไม่ได้ คิดว่าต่อให้เชิญเทพต้าหลัวจินเซียนมาก็ไร้ประโยชน์

เมื่อเห็นว่านางสงบอารมณ์ลงไม่น้อย อวิ๋นหลิงขบคิดครู่หนึ่งจึงถามว่า “แม่นางเวิน เจ้ารู้จักมนุษย์พิษในคุกใต้ดินมากน้อยแค่ไหน”

พูดจบ นางก็จ้องใบหน้าของเวินฮุ่ยเจิน โดยสังเกตสีหน้าของนางอย่างละเอียด

อวิ๋นหลิงไม่ได้บุ่มบ่ามจะให้ลูกชายของเวินฮุ่ยเจินไปรู้จักกับเสิ่นทัวทันที หากแม่นางผู้นี้มองว่าเขาเป็นตัววายร้าย และรู้ว่ามนุษย์พิษที่ ‘ทำร้าย’ นางก็อยู่ในเมืองหลวงนี้ด้วย นางคงจะข่มตานอนตอนกลางคืนไม่หลับด้วยซ้ำ?

เวินฮุ่ยเจินได้ยินคำนี้ ในดวงตาวาบผ่านความขัดแย้งและเจ็บปวดขึ้นมา แต่กลับถูกความเมตตาและสงสารเข้าแทนที่อย่างรวดเร็ว

นางถอนหายใจแล้วพูดช้าๆ “..เขาเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร ข้ารู้จากปากของปีศาจสาวว่าดูเหมือนเขาจะเป็นเชลยทหารของแคว้นต้าโจว ก็ไม่รู้ว่าเขาตกมาอยู่ในอุ้งมือของอีกฝ่ายได้อย่างไร มือปีศาจสาวเข่นฆ่าผู้คนไปมากมายเช่นนี้ เขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร้มโนธรรมมากเหลือเกิน”

“ครั้งแรกที่ข้าเห็นเขา เขาถูกวางยาจนหมดสติไป มีบาดแผลทั่วร่างกาย นอกจากรอยแผลเป็นทั้งเก่าและใหม่ที่หลงเหลือจากเครื่องทรมานแล้ว ยังมีรอยกัดจากงูพิษ แมลง และมดอีกเยอะแยะ ปกติแล้วปีศาจสาวจะใช้โซ่ล่ามคอเขาไว้และปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นสัตว์เดรัจฉาน”

เมื่อเวินฮุ่ยเจินเล่าถึงตรงนี้ นัยน์ตาที่แน่วแน่ก็ปะทุเพลิงโทสะที่ยากจะระงับได้

นั่นคือเพื่อนร่วมชาติชาวฮั่นของนาง แต่ต้องทนทุกข์ทรมานจากน้ำมือของชาวเหมียว นางจะไม่โกรธและเจ็บปวดรวดร้าวใจได้อย่างไร

อวิ๋นหลิงเคยอ่านบันทึกที่เกี่ยวกับมนุษย์พิษมาก่อน รู้ว่าฟงอิ๋งอิ๋งกำลังทดสอบการรับรู้ความเจ็บปวดและความสามารถในการต้านทานพิษของเสิ่นทัว

ตอนนั้นนางแค่อ่านบันทึกที่เขียนไว้อย่างเย็นชาและไร้อารมณ์ ก็ไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไร บัดนี้เวินฮุ่ยเจินบรรยายทุกฉากที่เกิดขึ้นจริงด้วยเลือดและน้ำตา ก็ยากที่จะไม่สะเทือนใจ

ฟงอิ๋งอิ๋ง สมควรตายยิ่งนัก

ถ้ารู้มาก่อนว่านางศึกษาพิษทำร้ายผู้คนไปมากมายถึงเพียงนี้ ตอนนั้นก็ควรให้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกแบบเดียวกันนี้ก่อนจะสิ้นใจตายไปให้สาสมสักหนึ่งรอบ

เวินฮุ่ยเจินสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ “หลังจากตื่นขึ้นมากลางดึก เขาก็ได้สติเล็กน้อย แต่ก็ยังสับสนและพูดไม่ชัด แต่ข้ารู้ว่าเขาต้องการช่วยข้าหลบหนี ก่อนจะจากไปข้าก็อยากจะพาเขาไปด้วย แต่เขากลับส่ายหัว”

“ข้าถามเขาด้วยว่าชื่อแซ่อะไร บ้านอยู่ที่ไหน แต่เขาบอกไม่ได้ ข้าจึงต้องออกมาก่อน คิดว่าหลังจากหนีกลับมายังแคว้นต้าโจวแล้ว ค่อยแจ้งทางการให้ไปช่วยเหลือเขา...”

แต่ชาวฮั่นมักไม่ใคร่เต็มใจจะไปจัดการกับชาวเหมียวเจียงที่ลึกลับและลวงโลกพวกนั้น หลังจากกลับมาถึงเมืองเซียงโจว นางก็คิดหาทางจะไปช่วยทหารผู้นั้น แต่ก็ไร้ประโยชน์

นางยังเคยไปนั่งเฝ้าหน้าประตูจวนอ๋องไหวเซียง หากอีกฝ่ายเป็นทหารของแคว้นต้าโจวจริงๆ อ๋องไหวเซียงในฐานะชินอ๋องแห่งหัวเมืองเซียงโจวก็มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องนำกองกำลังไปช่วยเหลือเขา

แต่พ่อบ้านของจวนอ๋องไหวเซียงกลับบอกว่านางไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ตัวตนของอีกฝ่าย ท่านอ๋องก็ไม่มีเหตุผลจะกล้าเสี่ยงเข้าไปในดินแดนของแคว้นถังใต้ได้ง่ายๆ

ต่อมาเวินฮุ่ยเจินรู้ว่านางตั้งท้อง จึงออกจากเมืองเซียงโจว ประการแรกนางกลัวจะถูกจับได้ ประการที่สองนางต้องการหาทางช่วยทหารผู้นั้น

แต่ไม่นานนัก แคว้นถังใต้ได้ออกนโยบายปิดประเทศเนื่องจากในวังเกิดความวุ่นวายจากการใช้คาถาอาคม ผู้ที่ไม่ใช่ชาวถังใต้ก็ไม่สามารถเข้าไปได้

ความหวังที่จะช่วยทหารผู้นั้นก็สูญสิ้นไปด้วย

จะว่าไป เวินฮุ่ยเจินถือได้ว่าเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของพี่สะใภ้รองของนาง เด็กคนนี้ก็เป็นญาติห่างๆ กับลูกทั้งสองด้วยสินะ

เมื่อเห็นเช่นนี้ เสวี่ยถวนเอ๋อร์ก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งยื่นให้เวินหรูเฟย

“หวานมาก กินแล้วตอนฝังเข็มจะไม่เจ็บ”

“ขอบคุณขอรับ”

เวินหรูเฟยรับคำด้วยเสียงแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าท่านแม่ไม่ได้ห้าม เขาก็รับขนมเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวกินอย่างระมัดระวัง แม้แต่เศษขนมปังก็ไม่ให้หล่นลงมาเลย

เวลานี้ บรรดาองครักษ์ที่ค้นหาหลักฐานที่น่าสงสัยในหมู่บ้านเถาหยวนก็กลับมา

“ทูลพระชายา ในหมู่บ้านเถาหยวนไม่มีอะไรน่าสงสัย คนร้ายน่าจะหลบหนีไปได้แล้ว”

อวิ๋นหลิงฟังแล้วพยักหน้า ก่อนทิ้งองครักษ์สองคนไว้ให้อยู่ในหมู่บ้าน รอเวินฮุ่ยเจินและลูกชายเก็บข้าวของในคืนนี้ และกลับเข้าเมืองด้วยกันในวันรุ่งขึ้น

นางอุ้มเสวี่ยถวนเอ๋อร์เข้าไปในรถสามล้อไม้ อาศัยแสงโคมไฟมองนาฬิกาพก ขณะนี้ผ่านไปสามทุ่มกว่า งานชมรมก็น่าจะเสร็จสิ้นลงแล้ว

“กลับสำนักศึกษาก่อน”

ด้วยความร้อนใจเมื่อครู่นี้ ทำให้นางกับเซียวปี้เฉิงลืมไปเสียสนิทว่าควรบอกเรื่องนี้กับไข่เหล็กด้วย จะได้ให้เขาคำนวณตำแหน่งของหลิ่วชิงเยี่ยนและฮั่วถวนเอ๋อร์

แต่ก่อนที่อวิ๋นหลิงจะกลับไปยังสำนักศึกษา ระหว่างทางนางก็เห็นเหตุการณ์ที่ชวนให้หนังศีรษะมึนชา

ในภูเขาทางเหนือไกลโพ้น มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า มองเห็นได้ชัดเจนในคืนที่มืดมิดเช่นนี้

ซวยแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ