เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 944

เมื่อท้องฟ้าภายนอกมืดลง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็กำลังเตรียมตัวเข้าวังหลวง

การพากู้ฮั่นม่อและหลิ่วชิงเยี่ยนไปที่ตำหนักบูรพาด้วยนั้น เพื่อเป็นการรับรองความปลอดภัยของพวกเขา เนื่องจากอวิ๋นหลิงกังวลว่าตระกูลยินจะลอบลงมืออย่างลับๆ

คราที่พวกนางนำตัวยินถังเข้าเมืองหลวง เรื่องนี้ถูกป่าวประกาศให้รู้กันจนทั่ว แต่กลับน่าประหลาดใจที่ตระกูลยินยังคงเงียบสงบ

องครักษ์เงามารายงานว่า หลังอาลักษณ์ยินได้ยินข่าว เขาก็รีบไปยังหอต้าหลี่เพื่อสืบถาม แต่ก็ไร้ประโยชน์เนื่องจากหัวหน้าศาลต้าหลี่ไม่อยู่ที่นั่น รัชทายาทและพระชายารัชทายาทก็เสด็จไปแล้ว

หากยังไม่ได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าศาลต้าหลี่ ก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมนักโทษที่กระทำผิดร้ายแรงได้ ตาเฒ่านั่นยังคงนิ่งสงบและเดินทางกลับจวนโดยตรง แทนที่จะไปที่วังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท

คาดว่าเขาคงกำลังลอบสืบสวนบางอย่างอยู่ เซียวปี้เฉิงรู้ว่าเขามีสายลับอยู่ในหกกรม และคงจะรู้แจ้งถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดในไม่ช้า

ทันทีทั้งสองสามีภรรยามาถึงวังหลวง จักรพรรดิจาวเหรินก็รีบเสด็จมาหาด้วยพระพักตร์ที่ดูรีบร้อนไม่น้อย

“หัวหน้าหอต้าหลี่อ้างว่าอ๋องไหวเซียงก่อกบฏ โดยมีตระกูลยินลอบให้การช่วยเหลือ พวกเจ้าสองผัวเมียได้หลักฐานมาได้อย่างไร ข่าวนี้เป็นความจริงงั้นหรือ?”

จักรพรรดิจาวเหรินทรงเสด็จกลับวังตั้งแต่คืนที่สองของวันฉลองครบรอบสำนักศึกษาแล้ว

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระสนมหลี่รำคาญจากการก่อกวนของจักรพรรดิจาวเหริน แม้ตนจะปวดท้องระดูก็มิได้แยแส และเสด็จรถกลับในบ่ายวันนั้นทันที

จักรพรรดิจาวเหรินยังไม่ได้รับการอภัยจากนาง ดังนั้นจึงติดตามกลับมาและเฝ้าอยู่หน้าตำหนักเว่ยหยางอยู่ครึ่งค่อนวัน

ก่อนที่พระองค์จะหายจากอาการตกพระทัยที่ถูกพระสนมหลี่และแม่นางหลีดูหมิ่น หัวหน้าหอต้าหลี่ก็เข้ามารายงานข่าวใหญ่เช่นนี้ ทำเอาพระองค์ตกพระทัยจนแทบสลบ

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิจาวเหรินทรงสับสนงงงวย เซียวปี้เฉิงก็รีบนำแผนการในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมารวมถึงสถานการณ์ในปัจจุบันทูลกับพระองค์อย่างละเอียดและรวดเร็ว

“เมื่อสามวันก่อน เมืองเซียวเริ่มมีการสู้รบ หลายปีมานี้ความปรารถนาที่จะขึ้นครองบัลลังก์ของอ๋องไหวเซียงยังไม่ลดละ เขาลอบเลี้ยงดูกองทหารและม้านับแสนนาย ในระหว่างการสอบสวนในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา พวกกระหม่อมเพิ่งพบว่าเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับแคว้นถังใต้มาแต่นานนมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เนื่องจากอ๋องไหวเซียงอยู่ไกลจากเมืองหลวงมากเกินไป และด้วยปัญหาของแคว้นถังใต้ในเมื่อก่อน เขาจึงไม่สามารถร่วมมือกับกองกำลังที่นั่นเพื่อก่อกบฏ ดังนั้นเขาจึงต้องการขึ้นครองบัลลังก์เมืองเซียวด้วยตนเอง

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้ว่าแคว้นถังใต้จะปิดเมืองมิให้ใครเข้าออก แต่ยังมีไม่น้อยคนที่ลอบติดต่อกับคนภายนอก อ๋องไหวเซียงใช้โอกาสนี้ทำเงินมากมายจากการควบคุมจุดขนส่งสำคัญและเส้นทางการขนส่งหลักของแคว้นต้าโจวและแคว้นถังใต้

ขุนนางในแคว้นถังใต้ที่ร่วมมือกับอ๋องไหวเซียงก็เป็นท่านอ๋องเช่นเดียวกัน ว่ากันว่าในคราวที่หลงเย่ปลอมเป็นองค์ชายเจ็ด เขาผู้นั้นคือคู่แข่งที่น่าเกรงขามที่สุดในวังหลวง ตอนนี้เมื่อตัวตนของหลงเย่ถูกเผยว่าเป็นหญิง และอภิเษกไปยังแคว้นต้าโจว ฝั่งแคว้นถังใต้คงตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายไม่น้อย

“ลูกได้สั่งให้เฟิงหยางนำกองกำลังทหารไปล้อมรอบเมืองเซียวแล้วพ่ะย่ะค่ะ เดิมลูกอยากจับไอ้ทรยศที่ดูหมิ่นเสด็จพี่หญิง แต่คิดไม่ถึงว่ากองกำลังของมันจะแกร่งกล้าถึงเพียงนี้ แม้ในมือเราจะมีปืนคาบศิลา ก็ยากจะเอาชนะมันได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ตาเฒ่าอ๋องไหวเซียงนั่นระมัดระวังตัวดียิ่งนัก คงจะรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติจึงตัดสินใจก่อกบฏขึ้นมาเสียดื้อๆ เนื่องจากบุตรีคนเล็กของเสด็จพี่หญิงยังคงอยู่ภายในจวนอ๋องไหวเซียง ลูกจึงออกคำสั่งให้เอาชีวิตเด็กผู้นั้นเป็นหลักสำคัญพ่ะย่ะค่ะ”

พระพักตร์ของจักรพรรดิจาวเหรินเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจคาดเดาได้ หลังจากนั้นไม่นานก็ทรงเอ่ยถามด้วยความอดไม่อยู่ “เรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ พวกเจ้ากลับปิดบังข้ามานานถึงครึ่งปี เจ้าสาม พวกเจ้าสองผัวเมียหมายความว่าอย่างไร!”

“ข้าพยายามอดกลั้นต่อเจ้าทั้งสอง แต่เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรบอกข้าบ้าง ข้ายังมิได้สละบัลลังก์ พวกเจ้าก็ตัดสินใจเองโดยพลการเช่นนี้ พวกเจ้าไม่เห็นแก่อำนาจบัลลังก์มังกรของข้าเลยงั้นหรือ?”

“นี่มันคือการลบหลู่เบื้องบน พวกเจ้ารู้หรือไม่!” จักรพรรดิจาวเหรินทรงกริ้วเสียจนแทบบ้า พระองค์เป็นถึงโอรสสวรรค์ แต่กลับถูกปิดบังจากเรื่องที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้

พระองค์ยอมรับว่าเซียวปี้เฉิงเป็นคนมีแผนการรู้จักมองการณ์ไกล ทั้งยังรู้จักการเตรียมป้องกันล่วงหน้า ทว่าการเล่าเรื่องราวให้พระองค์ฟังสักนิดมันยากมากนักหรือ?

จักรพรรดิจาวเหรินทรงสูดหายใจเข้าปอดลึก พร้อมเสด็จออกไปด้วยพระพักตร์เคร่งเครียด

ถึงแม้จะมีบ่นบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องแผ่นดินและศักดิ์ศรีของโอรสสวรรค์แล้ว จักรพรรดิจาวเหรินย่อมไม่อาจเพิกเฉยได้

อวิ๋นหลิงมองตามแผ่นหลังที่ดูท้อแท้ของพระองค์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นเบาๆ “ช่วงนี้เสด็จพ่อของท่านโชคไม่ดีเลยนะเพคะ วุ่นวายกับเรื่องเมืองเซียวไม่พอยังผิดใจกับพระสนมหลี่อีก แต่ก็เป็นพระองค์ที่หาเรื่องเองทั้งนั้น”

ใครให้พระองค์อายุเยอะปูนนี้แต่ยังคลั่งในรักอยู่เช่นนี้ งานราชการไม่แตะหาแต่เรื่องให้คนรำคาญ

นางเชื่อว่าหากจัดการเรื่องพวกนี้ได้ไม่ดี ตาแก่น้อยจักต้องให้จักรพรรดิจาวเหรินสละบัลลังก์เป็นแน่

ถึงตอนนั้น ศักดิ์ศรีที่พระองค์หวงแหนคงจะถูกบันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์ให้ผู้คนนับไม่ถ้วนด่าว่า

เซียวปี้เฉิงก็ส่ายหัวเบาๆ “ช่างเถิด อย่างน้อยพระองค์ก็ไม่เพิกเฉย และคงไม่มีเวลากังวลกับเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นอีก”

ครานี้จักรพรรดิจาวเหรินตื่นตระหนกขึ้นแล้วจริงๆ พระองค์ทรงวิเคราะห์สถานการณ์ของเมืองเซียวซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดทั้งคืน และไม่มีเวลากังวลเรื่ององค์หญิงอี๋อันสองแม่ลูกอีกต่อไป

หากสูญเสียแผ่นดินไปสักแถบ พระองค์คงจักต้องทำพิธีขอรับโทษจากบรรพบุรุษจริงๆ แล้ว

และก็ประจวบกับตอนที่พระองค์ทรงวุ่นอยู่กับงาน พระสนมหลี่จึงใช้โอกาสนี้ให้ข้ารับใช้เก็บข้าวของในตำหนักเว่ยหยาง เพื่อเตรียมออกจากวังในเช้าวันรุ่งขึ้น

ครานี้นางตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับจักรพรรดิจาวเหริน ถึงแม้นางจะถูกลดตำแหน่งลงเป็นหญิงธรรมดาสามัญก็ตาม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ