เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 966

ตอนนี้เหลือเวลาให้พวกเขาไม่มากแล้ว แค่สามวันเท่านั้น

ภายในสามวันนี้ พวกเขาจำเป็นต้องรีบหารือและตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการรับมือ และจัดการกำลังทหารที่เกี่ยวข้องในเมืองให้เสร็จสิ้น ลดผลกระทบด้านลบที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด

เซียวปี้เฉิงไม่กล้าเสียเวลา ก่อนที่จักรพรรดิจาวเหรินจะประชุมราชสำนักเสร็จ ก็ได้ปรึกษาหารือมาตรการรับมือกับพวกหลงเย่แล้ว

“มีวิธีการอะไรหรือไม่ ที่จะสามารถทำให้รู้ทางเข้าออกของทางลับตระกูลยินได้อย่างรวดเร็วที่สุด”

นิ้วของหลงเย่เคาะโต๊ะเบาๆ ครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอุปกรณ์ตรวจจับใต้ดิน พวกเราเคยมีประสบการณ์ในการใช้ตัวนิ่มในการสำรวจถ้ำใต้ดิน แต่ว่า......ตอนนี้ในมือเอ้อร์หลีว์ไม่มีสัตว์ที่ได้รับการฝึกฝนเช่นนี้”

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วแน่น นั่นหมายความว่า แทบจะไม่มีวิธีอะไรเลย

ถ้าหากสามารถรู้ทางเข้าออกของทางลับ ก็สามารถจับจุดอ่อนของตระกูลยินเอาไว้ได้ มุ่งเน้นไปที่การวางกำลังป้องกันภายในเมือง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความกดดันก็จะลดลงไปมาก

อวิ๋นหลิงครุ่นคิด เอ่ยเสียงขรึมว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก่อนที่คนของตระกูลยินจะใช้เส้นทางลับในการหลบหนี พวกเราต้องสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้ก่อน”

คืนวันที่สามหลังจากนี้ พวกเขาต้องหาข้ออ้างไปยื้อเวลาของท่านพ่อยินถังที่จวนยิน ทำให้อีกฝ่ายไม่มีทางสั่งการเคลื่อนย้ายสมาชิกในตระกูล

เซียวปี้เฉิงได้ยินเช่นนั้น ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง พอไปถึงจวนยิน การเคลื่อนไหวของทุกคนก็จะถูกพวกเราควบคุม และไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะใช้เส้นทางลับหลบหนี เพียงแต่วิธีการนี้ค่อนข้างจะเสี่ยงมาก”

ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถหนีพ้นจากการตรึงเป้าของพลังจิตได้

เพียงแต่เมื่อทำเช่นนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง

ตามที่หลงเย่บอก คืนนั้นจะมีหน่วยกล้าตายสี่หน่วยแยกย้ายกันคุ้มกันสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสายเลือดโดยตรงในการหลบหนี เช่นนั้นศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญ อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือจำนวนสี่สิบคน หน่วยกล้าตายที่เป็นอาวุธอันละเอียดอ่อนและแม่นยำ

สายตาของเซียวปี้เฉิงขรึมลง เอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ด้วยความสามารถและวิธีการของตระกูลยิน ข้าสงสัยว่าพวกเขาต้องใช้วิธีการบางอย่าง ซ่อนปืนคาบศิลาบางส่วนเอาไว้ในมือ ถึงเวลาปฏิบัติการ ต้องระวังตัวให้ดี”

การควบคุมปืนคาบศิลาในแคว้นต้าโจวมีความเข้มงวดมาก แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีพ่อค้าที่ร่ำรวยหรือขุนนางที่มีอิทธิพล ใช้วิธีการบางอย่างแอบเก็บเอาไว้เองที่บ้านเพื่อเป็นของสะสม

สถานการณ์เช่นนี้หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บางครั้งจักรพรรดิจาวเหรินยังมีการมอบปืนคาบศิลาให้กับขุนนางที่สร้างความดีความชอบ เพื่อแสดงความรักความเมตตา

ดังนั้นตระกูลยินจะมีปืนคาบศิลาอยู่ในมือ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

อวิ๋นหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าการเข้าไปขัดขวางโดยตรงค่อนข้างจะอันตรายเกินไป

เพราะปืนผาหน้าไม้ไม่มีเหตุผล ใช้พลังจิตในการฆ่าคนใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา แต่การใช้นิ้วเหนี่ยวไกปืน ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ในชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น

นางนวดขมับมองไปทางหลงเย่ สร้างบรรยากาศที่ดีภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด “ก่อนหน้านี้ท่านกับข้ายังบ่นกันอยู่เลยว่า ยุคสมัยนี้ล้าหลังไร้ความสนุก เทียบไม่ได้กับความตื่นเต้นที่ต้องปะทะกับพวกมาเฟียในยุคปัจจุบัน ตอนนี้เป็นไง ความตื่นเต้นมาแล้ว”

หลงเย่หลุดเสียงหัวเราะออกมา “เรื่องเช่นนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าโลกใบนี้จะไม่มีปืนคาบศิลาอยู่จริง ในมือพวกเขาก็ต้องมีอาวุธที่เยี่ยมยอดชนิดอื่น”

“แต่พวกเรารู้ข่าวคราวมากมายเช่นนี้ สามารถวางแผนรับมือล่วงหน้า ตาชั่งแห่งชัยชนะเดิมที่ก็เอียงมาที่เราแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป”

ถ้ายินถังเลือกจะจับเสวียนจีเป็นตัวประกัน เช่นนั้นก็ประกาศจบเกมได้เลย

นางหนูคนนั้นไม่ใช้คนที่ใช้เหตุผล

หลงเย่วิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้ง สุดท้ายก็กำชับขึ้นมาว่า “ปืนคาบศิลาไม่น่ากลัว ตรงกันข้ามจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องชีวิตของประชาชนในเมือง คนของตระกูลยินแค่ต้องการสร้างความวุ่นวายเพื่อดึงดูดความสนใจ แต่ประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อตกอยู่ในความตื่นตระหนก กลับจะทำให้เกิดสถานการณ์ต่างๆที่ไม่อาจควบคุมได้”

นางไม่ได้กังวลสถานการณ์ของจวนยินและศาลต้าหลี่ เพราะสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ นางมีแผนการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆมากพอ และเชื่อมั่นในตัวของพี่น้องที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานหลายปี

แต่สำหรับในมุมของหลงเย่ที่มีความเคยชินกับการเป็นกุนซือในการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ปัจจัยใดๆก็ตามที่”ไม่รู้”และ”บังเอิญ” เป็นเรื่องที่น่ารำคาญที่สุด

เมืองหลวงที่ดูปลอดภัย กลับเป็นสถานที่ที่นางเป็นห่วงมากที่สุด

ตั้งแต่สมัยโบราณ เหตุการณ์ความปลอดภัยขนาดใหญ่ทั้งหลาย ล้วนเกิดจากกลุ่มคนที่ตื่นตระหนก ทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายไม่เป็นระเบียบ

หลงเย่เอ่ยเสียงขรึมว่า “สำนักทิงเสวี่ยได้กระจายสายสืบไปทั่วทั้งเมืองหลวง ถึงเวลาการรักษาความปลอดภัยในเมืองมอบให้เป็นหน้าที่ข้า ภายในสามวันหลังจากนี้ ข้าจะสั่งการให้สาวกประกาศิตป้ายม่วงและสาวกประกาศิตป้ายขาวของสำนักทิงเสวี่ยที่อยู่ในเมืองรอรับคำสั่งตลอดเวลา”

“ส่วนน้องเขยสาม เจ้าต้องรีบคิดหาวิธีเคลื่อนย้ายองครักษ์ในวังหลวงและทำการประสานงานกับลูกศิษย์ในสำนักโดยเร็วที่สุด จะได้หลีกเลี่ยงความวุ่นวายภายในเมืองหลวง”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ศิษย์พี่ใหญ่วางใจได้ ข้ารีบทำตามที่บอกทันที”

อวิ๋นหลิงฟังถึงตรงนี้ คิ้วที่ขมวดก็คลายลง รู้สึกสบายใจขึ้นมา

ในเวลาคับขันเช่นนี้ ยังดีที่มีพวกนางอยู่ข้างกาย......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ