มีหลงเย่วางแผนการโดยรวมทั้งหมด อวิ๋นหลิงเหมือนได้กินยาสงบจิต
รอจนกระทั่งตำหนักทองหลวงเลิกประชุมราชสำนัก หลงเย่ก็กลับไปยังจวนอ๋องจินเพื่อรายงานให้ทุกคนรอรับคำสั่ง
สองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงไปที่ห้องตำรา นำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดไปรายงานให้จักรพรรดิจาวเหรินฟัง
จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินแล้วก็มีสีหน้าขมขื่นเคียดแค้น “เจ้าพวกกบฏสมควรตาย ช่างหาเรื่องข้าได้จริงๆ”
ดีที่มีคนช่วยคิดแผนการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้เขาไม่ถึงกับตื่นตระหนก
จักรพรรดิรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง ต้องยอมรับว่า สองสามีภรรยาเจ้าสามเป็นความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ในการที่เขากล้าทำตัวผ่อนคลายเกียจคร้าน
มิเช่นนั้น หลังจากนี้อีกไม่กี่วันอย่าคิดที่จะได้นอนหลับอย่างสบายใจเลย
สีหน้าของเขาอบอุ่นขึ้นมา “ในเมื่อคิดแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็มอบอำนาจให้พวกเจ้าไปจัดการ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องทำได้ดีแน่”
หลังจากนั้น จักรพรรดิจาวเหรินก็สั่งการฝูกงกง นำป้ายทองคำที่เป็นของฮ่องเต้โดยเฉพาะมอบให้กับพวกเขา
มีป้ายทองคำอันนี้ สามารถไม่สนใจกฎระเบียบและราชโองการใดๆทั้งสิ้น เคลื่อนย้ายกำลังคนทั้งหกกรมของราชสำนักได้โดยตรง
“ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
หลังจากที่เซียวปี้เฉิงรับป้ายทองคำมา และถอยออกจากห้องตำราโดยไม่เสียเวลาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาต้องไปเคลื่อนพลองครักษ์ในการวางกำลังป้องกันเมือง เรื่องติดต่อประสานกับพวกเสวียนจีจึงตกเป็นหน้าที่ของอวิ๋นหลิง
“ในบรรดาสาวกประกาศิตป้ายแดงของสำนักทิงเสวี่ย นอกจากหน้ากากเงินแล้ว ที่เหลืออีกสามคนล้วนถูกส่งไปรักษาความมั่นคงในเมืองหลวง ข้าจะรีบรายงานใต้เท้าเฉิงที่เป็นหัวหน้าศาลต้าหลี่ ให้เขากับคนของเขาเตรียมซุ่มโจมตีไว้ล่วงหน้า ทำการติดต่อประสานกับท่านและหน้ากากเงิน”
“พยายามใช้วิธีปิดประตูตีแมวกับพวกเขา กวาดเรียบไม่ให้เหลือ ปืนคาบศิลาในมือพวกเขา ถ้าหลุดรอดไปนอกศาลต้าหลี่ ประชาชนบนท้องถนนจะเป็นอันตราย”
กลุ่มที่ไปช่วยแหกคุก เดิมก็มีใจที่คิดว่าต้องตายอยู่แล้ว
ขอเพียงสามารถช่วงชิงโอกาสที่จะสามารถทำให้สองปู่หลานยินถังหนีเอาชีวิตรอดไปได้ ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้แน่
“กระสุนไม่มีตา การเล็งอย่างแม่นยำในตอนกลางคืนยิ่งไม่แน่นอน ในขณะที่พวกเจ้าปกป้องคนอื่น ก็ต้องระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย”
เสวียนจีฟังที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดอย่างตั้งใจ ตบอกพลางรับประกันว่า “วางใจเถอะ ข้าเคยผ่านสงครามในแคว้นตงฉู่มาแล้ว ปืนใหญ่ก็โดนมาแล้ว รับมือกับกระสุนเหล่านี้ได้สบายมาก”
ในยุคสมัยนี้ไม่มีเสื้อกันกระสุน ดีที่อานุภาพของปืนคาบศิลายังห่างไกลจากอาวุธในยุคปัจจุบัน เมื่อก่อนนางเคยทำการทดลองแล้ว ชุดเกราะที่ถูกทำมาเป็นอย่างดีสามารถมีผลในการป้องกันชีวิตได้
การเป็นคนที่รักชีวิตที่สุดในองค์กร ความสามารถของนางไม่ได้มีแค่การสร้างความเสียหายไปทั่ว
เสวียนจีรับภารกิจนี้ ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันสีขาว “พอดีข้าเคยศึกษาระเบิดควันน้ำตาชนิดใหม่ที่ตงฉู่ แต่ไม่เคยได้ใช้อย่างเป็นทางการเสียที ถ้าอย่างนั้นคงต้องเอาเปรียบคนพวกนั้นให้ช่วยลองของซะแล้ว”
นางได้ของจำพวกยาสลบไปจากอวิ๋นหลิงไม่น้อย มุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ในการเตรียมการภารกิจ สามวันเต็มๆ เวลาส่วนใหญ่ล้วนขังตัวเองอยู่ในห้องทดลองที่ปิดสนิท
เฟิ่งเหมียนอาศัยอยู่ในตำหนักด้านข้างหลังเดียวกัน แอบสังเกตนางอย่างเงียบๆอยู่น่าน เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า สองวันมานี้ทั้งในและนอกวังหลวงมีบรรยากาศผิดปกติ
ก่อนหน้านี้กงจื่อโยวยังใช้ชีวิตอย่างสบายไร้กังวล เอะอะก็ชวนเขาไปเป็นแขกที่จวนอ๋องจิน ฟังเพลงพื้นบ้านกินอาหารอร่อย
เฟิ่งเหมียนไม่เจอเสวียนจีหลายวัน คาดเดาในใจว่านางกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในจวนอ๋องจินใช่หรือไม่ ก็จะตอบรับคำเชิญของกงจื่อโยว
แต่สองวันมานี้ จู่ๆอีกฝ่ายก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ให้คนมาส่งจดหมายขอโทษเป็นการเฉพาะ บอกว่าสองสามวันนี้ยุ่งมาก
ในที่สุดเสวียนจีที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยก็กลับมาถึงตำหนักบูรพา แต่กลับไม่สนใจเขา เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้น
มักจะวิ่งไปที่ห้องหนังสือของตำหนักบูรพาอย่างรีบร้อนอยู่บ่อยๆ และอยู่ในนั้นนานมาก
เฟิ่งเหมียนอยากจะเอ่ยปากถามมาก ทางตระกูลยินมีสถานการณ์คืบหน้าใช่หรือไม่ แต่นอกจากเขาแล้ว พวกอวิ๋นหลิงต่างก็ยุ่งจนไม่เห็นแม้แต่เงา
อีกอย่าง นี่เป็นเรื่องภายในราชสำนักของแคว้นต้าโจว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์น้องข้ากับองครักษ์เยี่ยไปทำอะไร”
นางกำนัลที่ถูกเรียกตัวไปถามส่ายหน้าอย่างมึนงง “เรียนใต้เท้าเฟิ่งเหมียน บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อครู่ได้ยินแม่นางหยวนเป่าพูดแว่วๆ เหมือนจะไปที่ศาลต้าหลี่ ในมือยังมีกล่องข้าวติดไปด้วย”
ไปศาลต้าหลี่ เช่นนั้นต้องเกี่ยวข้องกับยินถังแน่นอน
ใต้แสงจันทร์ เฟิ่งเหมียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เป็นความกังวล
ก่อนหน้านี้ตอนที่เสวียนจีแสร้งทำเป็นส่งข่าวให้คนในตระกูลยิน ทุกครั้งล้วนมีลู่ฉีไปเป็นเพื่อนนาง ทำไมวันนี้เปลี่ยนเป็นเยี่ยเจ๋อเฟิงเล่า
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ องครักษ์ลู่ไปไหนแล้ว”
นางกำนัลตอบอย่างนอบน้อมอีกครั้งว่า “องค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาทออกจากวังตั้งแต่ช่วงพลบค่ำ ว่ากันว่าจะไปตรวจสอบคดีกบฏที่จวนยินด้วยตนเอง องครักษ์ลู่ก็ตามไปด้วย”
“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”
เฟิ่งเหมียนเก็บสายตากลับมา หลุบตาลงซ่อนสีหน้าสับสน มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่นขึ้น
เขาแทบจะมั่นใจได้แล้วว่า คดีของตระกูลยินต้องดำเนินมาถึงขั้นร้ายแรงแล้วแน่ๆ มิเช่นนั้นพี่น้องทั้งสี่คงไม่ทำอะไรผิดปกติเช่นนี้
อวิ๋นหลิงกระทั่งเปลี่ยนจากลู่ฉีเป็นเยี่ยเจ๋อเฟิงที่มีวรยุทธสูงส่ง หรือจะคาดเดาได้ล่วงหน้าว่า การไปศาลต้าหลี่ครั้งนี้จะมีอันตราย
คิดถึงตรงนี้ หัวใจของเฟิ่งเหมียนก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอีกครั้ง
หลายวันมานี้ตอนนั่งสมาธิ เดิมทีจิตใจเขาก็ไม่ค่อยสงบอยู่แล้ว พอมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็มีลางสังหรณ์ถึงความวุ่นวายที่กำลังจะมาเยือน
เดิมทีคิดว่าลางสังหรณ์นี้มาจากสงครามเซียวโจวที่อยู่ไกลออกไป แต่ตอนนี้ดูแล้ว ความวุ่นวายน่าจะอยู่ใกล้แค่เมืองหลวง
เปลือกตาข้างขวาของเฟิ่งเหมียนกระตุกหลายที กระทั่งไม่ทันได้สั่งให้นางกำนัลไปเตรียมสามล้อ ร่างกายก็ก้าวไปก่อนสมอง นั่งลงบนรถไม้ที่เสวียนจีมักจะนั่งเป็นประจำ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...