เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 967

มีหลงเย่วางแผนการโดยรวมทั้งหมด อวิ๋นหลิงเหมือนได้กินยาสงบจิต

รอจนกระทั่งตำหนักทองหลวงเลิกประชุมราชสำนัก หลงเย่ก็กลับไปยังจวนอ๋องจินเพื่อรายงานให้ทุกคนรอรับคำสั่ง

สองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงไปที่ห้องตำรา นำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดไปรายงานให้จักรพรรดิจาวเหรินฟัง

จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินแล้วก็มีสีหน้าขมขื่นเคียดแค้น “เจ้าพวกกบฏสมควรตาย ช่างหาเรื่องข้าได้จริงๆ”

ดีที่มีคนช่วยคิดแผนการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้เขาไม่ถึงกับตื่นตระหนก

จักรพรรดิรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง ต้องยอมรับว่า สองสามีภรรยาเจ้าสามเป็นความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ในการที่เขากล้าทำตัวผ่อนคลายเกียจคร้าน

มิเช่นนั้น หลังจากนี้อีกไม่กี่วันอย่าคิดที่จะได้นอนหลับอย่างสบายใจเลย

สีหน้าของเขาอบอุ่นขึ้นมา “ในเมื่อคิดแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็มอบอำนาจให้พวกเจ้าไปจัดการ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องทำได้ดีแน่”

หลังจากนั้น จักรพรรดิจาวเหรินก็สั่งการฝูกงกง นำป้ายทองคำที่เป็นของฮ่องเต้โดยเฉพาะมอบให้กับพวกเขา

มีป้ายทองคำอันนี้ สามารถไม่สนใจกฎระเบียบและราชโองการใดๆทั้งสิ้น เคลื่อนย้ายกำลังคนทั้งหกกรมของราชสำนักได้โดยตรง

“ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง”

หลังจากที่เซียวปี้เฉิงรับป้ายทองคำมา และถอยออกจากห้องตำราโดยไม่เสียเวลาเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เขาต้องไปเคลื่อนพลองครักษ์ในการวางกำลังป้องกันเมือง เรื่องติดต่อประสานกับพวกเสวียนจีจึงตกเป็นหน้าที่ของอวิ๋นหลิง

“ในบรรดาสาวกประกาศิตป้ายแดงของสำนักทิงเสวี่ย นอกจากหน้ากากเงินแล้ว ที่เหลืออีกสามคนล้วนถูกส่งไปรักษาความมั่นคงในเมืองหลวง ข้าจะรีบรายงานใต้เท้าเฉิงที่เป็นหัวหน้าศาลต้าหลี่ ให้เขากับคนของเขาเตรียมซุ่มโจมตีไว้ล่วงหน้า ทำการติดต่อประสานกับท่านและหน้ากากเงิน”

“พยายามใช้วิธีปิดประตูตีแมวกับพวกเขา กวาดเรียบไม่ให้เหลือ ปืนคาบศิลาในมือพวกเขา ถ้าหลุดรอดไปนอกศาลต้าหลี่ ประชาชนบนท้องถนนจะเป็นอันตราย”

กลุ่มที่ไปช่วยแหกคุก เดิมก็มีใจที่คิดว่าต้องตายอยู่แล้ว

ขอเพียงสามารถช่วงชิงโอกาสที่จะสามารถทำให้สองปู่หลานยินถังหนีเอาชีวิตรอดไปได้ ต้องทำทุกอย่างที่ทำได้แน่

“กระสุนไม่มีตา การเล็งอย่างแม่นยำในตอนกลางคืนยิ่งไม่แน่นอน ในขณะที่พวกเจ้าปกป้องคนอื่น ก็ต้องระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย”

เสวียนจีฟังที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดอย่างตั้งใจ ตบอกพลางรับประกันว่า “วางใจเถอะ ข้าเคยผ่านสงครามในแคว้นตงฉู่มาแล้ว ปืนใหญ่ก็โดนมาแล้ว รับมือกับกระสุนเหล่านี้ได้สบายมาก”

ในยุคสมัยนี้ไม่มีเสื้อกันกระสุน ดีที่อานุภาพของปืนคาบศิลายังห่างไกลจากอาวุธในยุคปัจจุบัน เมื่อก่อนนางเคยทำการทดลองแล้ว ชุดเกราะที่ถูกทำมาเป็นอย่างดีสามารถมีผลในการป้องกันชีวิตได้

การเป็นคนที่รักชีวิตที่สุดในองค์กร ความสามารถของนางไม่ได้มีแค่การสร้างความเสียหายไปทั่ว

เสวียนจีรับภารกิจนี้ ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันสีขาว “พอดีข้าเคยศึกษาระเบิดควันน้ำตาชนิดใหม่ที่ตงฉู่ แต่ไม่เคยได้ใช้อย่างเป็นทางการเสียที ถ้าอย่างนั้นคงต้องเอาเปรียบคนพวกนั้นให้ช่วยลองของซะแล้ว”

นางได้ของจำพวกยาสลบไปจากอวิ๋นหลิงไม่น้อย มุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ในการเตรียมการภารกิจ สามวันเต็มๆ เวลาส่วนใหญ่ล้วนขังตัวเองอยู่ในห้องทดลองที่ปิดสนิท

เฟิ่งเหมียนอาศัยอยู่ในตำหนักด้านข้างหลังเดียวกัน แอบสังเกตนางอย่างเงียบๆอยู่น่าน เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า สองวันมานี้ทั้งในและนอกวังหลวงมีบรรยากาศผิดปกติ

ก่อนหน้านี้กงจื่อโยวยังใช้ชีวิตอย่างสบายไร้กังวล เอะอะก็ชวนเขาไปเป็นแขกที่จวนอ๋องจิน ฟังเพลงพื้นบ้านกินอาหารอร่อย

เฟิ่งเหมียนไม่เจอเสวียนจีหลายวัน คาดเดาในใจว่านางกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในจวนอ๋องจินใช่หรือไม่ ก็จะตอบรับคำเชิญของกงจื่อโยว

แต่สองวันมานี้ จู่ๆอีกฝ่ายก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ให้คนมาส่งจดหมายขอโทษเป็นการเฉพาะ บอกว่าสองสามวันนี้ยุ่งมาก

ในที่สุดเสวียนจีที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยก็กลับมาถึงตำหนักบูรพา แต่กลับไม่สนใจเขา เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้น

มักจะวิ่งไปที่ห้องหนังสือของตำหนักบูรพาอย่างรีบร้อนอยู่บ่อยๆ และอยู่ในนั้นนานมาก

เฟิ่งเหมียนอยากจะเอ่ยปากถามมาก ทางตระกูลยินมีสถานการณ์คืบหน้าใช่หรือไม่ แต่นอกจากเขาแล้ว พวกอวิ๋นหลิงต่างก็ยุ่งจนไม่เห็นแม้แต่เงา

อีกอย่าง นี่เป็นเรื่องภายในราชสำนักของแคว้นต้าโจว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์น้องข้ากับองครักษ์เยี่ยไปทำอะไร”

นางกำนัลที่ถูกเรียกตัวไปถามส่ายหน้าอย่างมึนงง “เรียนใต้เท้าเฟิ่งเหมียน บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อครู่ได้ยินแม่นางหยวนเป่าพูดแว่วๆ เหมือนจะไปที่ศาลต้าหลี่ ในมือยังมีกล่องข้าวติดไปด้วย”

ไปศาลต้าหลี่ เช่นนั้นต้องเกี่ยวข้องกับยินถังแน่นอน

ใต้แสงจันทร์ เฟิ่งเหมียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เป็นความกังวล

ก่อนหน้านี้ตอนที่เสวียนจีแสร้งทำเป็นส่งข่าวให้คนในตระกูลยิน ทุกครั้งล้วนมีลู่ฉีไปเป็นเพื่อนนาง ทำไมวันนี้เปลี่ยนเป็นเยี่ยเจ๋อเฟิงเล่า

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ องครักษ์ลู่ไปไหนแล้ว”

นางกำนัลตอบอย่างนอบน้อมอีกครั้งว่า “องค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาทออกจากวังตั้งแต่ช่วงพลบค่ำ ว่ากันว่าจะไปตรวจสอบคดีกบฏที่จวนยินด้วยตนเอง องครักษ์ลู่ก็ตามไปด้วย”

“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”

เฟิ่งเหมียนเก็บสายตากลับมา หลุบตาลงซ่อนสีหน้าสับสน มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่นขึ้น

เขาแทบจะมั่นใจได้แล้วว่า คดีของตระกูลยินต้องดำเนินมาถึงขั้นร้ายแรงแล้วแน่ๆ มิเช่นนั้นพี่น้องทั้งสี่คงไม่ทำอะไรผิดปกติเช่นนี้

อวิ๋นหลิงกระทั่งเปลี่ยนจากลู่ฉีเป็นเยี่ยเจ๋อเฟิงที่มีวรยุทธสูงส่ง หรือจะคาดเดาได้ล่วงหน้าว่า การไปศาลต้าหลี่ครั้งนี้จะมีอันตราย

คิดถึงตรงนี้ หัวใจของเฟิ่งเหมียนก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอีกครั้ง

หลายวันมานี้ตอนนั่งสมาธิ เดิมทีจิตใจเขาก็ไม่ค่อยสงบอยู่แล้ว พอมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็มีลางสังหรณ์ถึงความวุ่นวายที่กำลังจะมาเยือน

เดิมทีคิดว่าลางสังหรณ์นี้มาจากสงครามเซียวโจวที่อยู่ไกลออกไป แต่ตอนนี้ดูแล้ว ความวุ่นวายน่าจะอยู่ใกล้แค่เมืองหลวง

เปลือกตาข้างขวาของเฟิ่งเหมียนกระตุกหลายที กระทั่งไม่ทันได้สั่งให้นางกำนัลไปเตรียมสามล้อ ร่างกายก็ก้าวไปก่อนสมอง นั่งลงบนรถไม้ที่เสวียนจีมักจะนั่งเป็นประจำ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ