เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 968

ลมหนาวพัดโชย ผสมกับเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาบนใบหน้าของเฟิ่งเหมียน นำความเหน็บหนาวมาให้ ขณะที่รู้สึกเป็นกังวล ในใจเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนที่เสวียนจีปกปิดเขาเรื่องการระเบิดตัวตาย นอกจากความเสียใจและเจ็บปวดแล้ว ก็คือความผิดหวังจากการไม่เชื่อใจ

เฟิ่งเหมียนคิดว่าพวกเขารู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันตั้งมากมาย มีความรู้สึกที่คนทั่วไปยากจะเทียบได้

แต่ในเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ เสวียนจียังคงไม่แบ่งแยกว่าเขาเป็นคนกันเองที่สามารถเชื่อถือได้

กระทั่งถ้าหากเขาไม่ได้พบกับนักบวชที่แปลกประหลาดคนนั้น บางทีผ่านไปหลายปีแล้วเขาก็ยังคงไม่รู้ ว่าที่จริงนางได้เปลี่ยนชื่อสกุลใช้ชีวิตอย่างดีอยู่อีกสถานที่หนึ่ง

หลังจากที่เสวียนจีออดอ้อนรบเร้ายอมรับผิดต่อเขา เฟิ่งเหมียนเกลี้ยกล่อมตัวเอง นางก็แค่คิดว่าเขายืนอยู่ฝั่งเดียวกับจักรพรรดิตงฉู่ ดังนั้นจึงเลือกที่จะปิดบังเขา ทุกอย่างเป็นแค่การเข้าใจผิด

แต่วินาทีนี้ เขาไม่อาจไม่ยอมรับว่า สำหรับพวกเสวียนจีแล้ว ตนเองเป็นแค่คนนอกอย่างแท้จริง

แค่คิดถึงจุดนี้ เฟิ่งเหมียนมีความรู้สึกหนักอึ้งจุกอยู่ในอกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ทำให้หายใจอย่างยากลำบาก

แม้จะผิดหวัง แต่เขาก็สามารถเข้าใจการปกปิดการเคลื่อนไหวอันเป็นความลับของราชสำนักของพวกอวิ๋นหลิงได้ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในแผนการ อีกฝ่ายไม่มีหน้าที่ต้องอธิบายอะไรกับเขา

แต่ว่าเสวียนจีเล่า

แม้จะไม่ยินดีเป็นสามีภรรยากับเขา อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นเพื่อนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันตั้งหลายครั้ง

นางหนูที่ไร้หัวใจคนนี้ แม้แต่คำว่า”ท่านวางใจได้ ข้าจะไม่เป็นไร” ก็ไม่ยอมพูดให้เขาฟัง

ลมหนาวพัดจนมือของเฟิ่งเหมียนแข็งค้าง เขาเข้าใกล้ศาลต้าหลี่ด้วยความเร็วที่มากขึ้น

ปะทะกับหิมะที่โปรยปราย เฟิ่งเหมียนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง

คิดแล้วก็น่าขัน เขาไม่แยแสเรื่องทางโลกตั้งหลายปี เคยมีคนตั้งมากมายสรรเสริญเยินยอ อยากจะใกล้ชิดกับเขา ต่างก็ถูกปฏิเสธด้วยความหยิ่งผยอง

ตอนนี้เขาเปิดใจด้วยตัวเอง ยินดีให้คนคนหนึ่งเดินเข้ามาในโลกของตนเอง อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ

ที่แท้การถูกคนที่ใส่ใจปฏิเสธ มันเป็นความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง

……

ภายในศาลต้าหลี่ ท้องฟ้ามีหิมะโปรยปราย

โคมไฟใต้ชายคาโยกไหวตามสายลม ดวงไฟกลมๆส่องสว่างและสั่นไหวอยู่ใต้ท้องฟ้ามืดมิด ราวกับวินาทีต่อไปจะดับลงแล้ว

เสวียนจีได้ถือกล่องอาหารไปถึงหน้าห้องขังของยินถังแล้ว

“พี่ยินถัง”

หลังจากยินถังเห็นนางก็นิ่งอึ้งไป ดวงตาที่มีแววประหลาดใจปิดบังความยินดีที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเอาไว้ไม่ได้ “น้องหยวนเป่า ทำไมคืนนี้เจ้าจึงมาที่ศาลต้าหลี่”

อีกฝ่ายไม่ได้มาที่ศาลต้าหลี่เป็นเวลาติดต่อกันสามวันแล้ว เขายังกังวลอยู่ว่าใช่จวนอ๋องจินสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใช่หรือไม่

เสวียนจียิ้มหวาน “ใกล้จะปีใหม่แล้ว ในจวนมีงานเยอะมาก จึงยุ่งจนไปไหนไม่ได้ ดีที่ตอนนี้แต่ละที่ก็ทยอยหยุดงานเพื่อฉลองเทศกาลแล้ว ข้าจึงมีเวลาว่างมาเยี่ยมท่าน อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว ข้าได้นำของว่างกับเหล้ามาเยี่ยมท่านโดยเฉพาะ”

“น้องหยวนเป่า ลำบากเจ้าแล้ว แต่ว่าข้าเพิ่งจะกินอาหารเย็นไปไม่นาน”

ยินถังสีหน้าซาบซึ้งใจ แต่กลับไม่มีทีท่าจะดื่มเหล้ากินของว่างเลยสักนิด

ครั้งที่แล้วหลังจากที่จินหยวนเป่ามาส่งของว่างให้เขา เขาก็ผายลมติดต่อกันหลายวัน ไม่เพียงแต่เสียงดังลั่นเท่านั้น ยังมีกลิ่นเหม็นรุนแรงด้วย

คุกหลวงไม่ระบายอากาศ หลายวันนั้นเขาเกือบจะถูกตดของตนเองรมจนประสาทการรับรู้กลิ่นไม่ทำงาน

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะของว่างมีปัญหา หรือว่าอาการของคุกหลวงมีปัญหา

เอาเป็นว่าถ้าไม่ใช่เพราะจินหยวนเป่าช่วยส่งข่าวให้ตระกูลยิน ยินถังคงจะสงสัยจุดประสงค์ที่นางส่งของว่างมาให้แล้ว

เสวียนจีก็ไม่ได้บังคับให้เขากิน เอ่ยเสียงเบาว่า “พี่ยินถัง คืนนี้คนอยู่เวรในศาลต้าหลี่มีไม่มาก ข้าได้มอบเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้กับองครักษ์ที่คุมคุกไปดื่มเหล้าที่ลานด้านนอก เช่นนี้ก็สามารถอยู่เป็นเพื่อนท่านได้นานหน่อย”

ยินถังได้ยินเช่นนี้ก็กระตือรือร้นขึ้นมา

หน่วยกล้าตายที่ถือปืนคาบศิลาคนหนึ่งเอากุญแจออกมา ช่วยยินถังออกมาจากห้องขัง

“สถานการณ์ในศาลต้าหลี่เป็นอย่างไรบ้าง ท่านปู่เล่า”

“เรียนคุณชายใหญ่ คาดว่าเป็นเพราะใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว การคุ้มกันของที่นี่จึงหละหลวมมาก พวกเราลอบเข้าไปในห้องเพื่อจับตัวหัวหน้าศาลต้าหลี่ได้อย่างราบรื่น ตอนนี้องครักษ์ที่อยู่ข้างนอกถูกพวกเราควบคุมไว้หมดแล้ว พวกเราได้กุญแจมาจากตัวหัวหน้าศาลต้าหลี่ ได้ส่งคนไปช่วยใต้เท้าอาลักษณ์แล้ว”

ยินถังได้ยินเช่นนี้ ก็เผยสีหน้ายินดี ไม่สงสัยเลยสักนิดว่าทำไมเรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก

ในมุมมองของเขา ตระกูลยินได้วางแผนการไว้ล่วงหน้า หน่วยกล้าตายที่เขาฝึกออกมามีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าทหารองครักษ์เลย

ทุกอย่างน่าจะอยู่ในการควบคุมของพวกเขา ตระกูลเซียวที่เพิ่งจะได้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้อาศัยอะไรมาจัดการกับตระกูลยิน

“อือๆๆ”

ข้างกาย เสวียนจีมองยินถังอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสับสนถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น

กวาดตามองนางแวบหนึ่ง ยินถังแววตาเย็นชา “น้องหยวนเป่า พูดตามความจริง ข้าชอบเจ้าจากใจจริงๆ ถ้าหาเป็นไปได้ละก็ ข้าก็ไม่อยากหลอกใช้เจ้า......จะโทษก็ต้องโทษที่ราชวงศ์โหดเหี้ยมไร้เมตตา บีบให้ตระกูลยินต้องมาถึงจุดนี้”

จากนั้นเขาก็ไม่เสียเวลาอีก ก้าวออกไปยังด้านนอกของคุกหลวง

เสวียนจีถูกหน่วยกล้าตายคนหนึ่งคุมตัวให้เดินตามหลังยินถังไปติดๆ ส่วนทางด้านหลัง เป็นหน่วยกล้าตายสองคนที่ถือปืนด้วยท่าทีโหดเหี้ยม ไม่มีใครสนใจว่าในมือนางยังถือกล่องข้าวใบเล็กๆไว้แน่น

หลังจากเดินออกมาจากคุก เสวียนจีก็เห็นสถานการณ์ในลานกว้างอย่างชัดเจน

ใต้แสงจันทร์เยือกเย็น หิมะตกลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง ใต้เท้าเฉิงหัวหน้าศาลต้าหลี่ถูกหน่วยกล้าตายคนหนึ่งบีบคอเอาไว้ สีหน้าแดงก่ำไปหมด

หน่วยกล้าตายสิบกว่านายล้อมตัวเขาเอาไว้ กำลังปะทะคารมกับจ่าศาลต้าหลี่และองครักษ์คนอื่นๆอยู่

จ่าศาลต้าหลี่ตะคอกว่า “ช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าแหกคุก ไม่เห็นอำนาจฮ่องเต้และกฎหมายอยู่ในสายตา ยังไม่รีบปล่อยตัวใต้เท้าเฉิงอีก มิเช่นนั้นหากทหารองครักษ์มาถึงที่นี่ พวกเจ้าล้วนต้องถูกตัดหัวทันที”

หน่วยกล้าตายที่ใส่ชุดสีดำบีบคอใต้เท้าเฉิงขู่เสียงเย็นว่า “เจ้าหยุดคิดที่จะแอบส่งข่าวเสียเถอะ ถ้าเจ้าดึงดูดทหารองครักษ์มา คนที่อยู่ที่นี่ต้องตายหมด ไม่เชื่อละก็ เจ้าสามารถลองดูได้ พลุสัญญาณของเจ้า หรือปืนคาบศิลาในมือพวกข้าอันไหนจะเร็วกว่ากัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ