เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 969

ได้ยินเช่นนี้ หน่วยกล้าตายที่ใส่ชุดสีดำอีกหนึ่งคนให้ความร่วมมือในการยกปืนคาบศิลาที่อยู่ข้างเอวขึ้นมา ปากกระบอกปืนสีดำเล็งไปที่ศีรษะของใต้เท้าเฉิง

เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของพวกจ่าศาลต่างก็เต็มไปด้วยความลนลานหลังจากรู้สึกตกตะลึง สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที

“ปืนคาบศิลา พวกเจ้าถึงกับแอบสะสมปืนคาบศิลาเชียวหรือ”

“พวกเขามีปืนคาบศิลาสามกระบอก พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”

เมื่อเทียบกับความลนลานของพวกเขา เสวียนจีได้ยินเสียงนี้กลับรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

คนที่จับใต้เท้าเฉิงเป็นตัวประกันคือสายลับหน้ากากเงิน เห็นทีเขาทำสำเร็จแล้ว หน่วยกล้าตายที่เป็นเพื่อนของเขาไม่ระแวงอะไรเลย

เวลานี้เอง อาลักษณ์ยินที่สวมชุดนักโทษก็ถูกช่วยเหลือออกมาแล้ว

เขาถูกขังไว้ในคุกลับอีกแห่ง ตอนนี้ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแผนการหลบหนีภายในตระกูลยินเลยแม้แต่น้อย ถูกหน่วยกล้าตายช่วยออกมาอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่ายังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง

“ถังเอ๋อร์ นี่มัน......”

“ท่านปู่” ยินถังร้องเรียกอย่างตื่นเต้น เอ่ยเสียงขุ่นเคืองว่า “คดีกบฏล้วนเป็นแผนการของราชวงศ์ คนที่อยู่ในบัลลังก์คนนั้นอยากจะฆ่าคนในตระกูลยินทั้งหมด พวกเราจำเป็นต้องใช้แผนการรับมือเช่นนี้ ที่นี่ไม่ควรจะอยู่นาน ท่านกับหลานหนีออกไปจากที่นี่กันก่อนค่อยเล่ารายละเอียดให้ฟัง”

ฉวยโอกาสที่สองปู่หลายคุยกัน เสวียนจีเก็บข้อมูลสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทันที

ตอนนี้ในลานกว้างมีหน่วยกล้าตายจำนวนสิบสองนาย สามคนมีปืนคาบศิลาอยู่ในมือ น่าจะเป็นจำนวนคนที่มาช่วยแหกคุกทั้งหมดแล้ว

แม้ว่าปืนคาบศิลาจะอันตราย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นหนทางสุดท้าย ยินถังไม่มีทางสั่งการให้ยิงง่ายๆ มิเช่นนั้นจะเป็นการดึงดูองครักษ์ที่ลาดตระเวนในเมือง การหลบหนีก็ยิ่งทวีความยากมากขึ้น

เมื่อมีแผนการอยู่ในใจแล้ว เสวียนจีสบตากับหน้ากากเงินอย่างไม่ให้ผิดสังเกต พยักหน้าเบาๆเป็นการส่งสัญญาณ

สามารถลงมือได้แล้ว

เวลานี้เอง ใต้เท้าเฉิงเอ่ยเสียงเข้มว่า “ยันถัง เจ้าจับข้าเป็นตัวประกัน ใยยังต้องจับแม่นางจินที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเป็นตัวประกันด้วยเล่า ปล่อยนางไป”

“ใต้เท้าเฉิง เจ้าอาศัยอะไรจึงคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เทียบกับน้องหยวนเป่าได้ เจ้าสิบคนยังเทียบปลายนิ้วของน้องหยวนเป่าไม่ได้”

ยินถังหัวเราะเยาะ หันไปมองทางเสวียนจี น้ำเสียงอบอุ่นแต่ก็แฝงเจตนาร้าย

“น้องหยวนเป่าไม่ต้องกลัว ขอเพียงสามารถออกนอกเมืองอย่างราบรื่น ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า อีกอย่างเจ้าก็ช่วยข้าตั้งเยอะแล้ว ไม่สู้ช่วยคนก็ช่วยให้สุดไปเลย”

เขาพูดจบประโยคนี้ เดิมคิดว่าจะได้เห็นน้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลอาบใบหน้าของเสวียนจี

คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่ก่อนหน้านี้ยังสั่นเทาเพราะความตื่นกลัว ตอนนี้กลับเผยรอยยิ้มอ่อนหวานออกมา

“ท่านพูดถูก ข้าที่เป็นป้าเจ้าก็ควรจะส่งเจ้าไปสวรรค์ด้วยตัวเอง”

พูดจบ นางก็ใช้ศอกโจมตีที่หน้าอกของหน่วยกล้าตายที่คุมตัวนางเอาไว้ทันที ขณะเดียวกันก็ใช้เท้าเตะไปที่หน้าท้องของยินถัง

ยินถังยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้สึกตาลาย หน้าท้องถูกแตะอย่างรุนแรง ร้องอย่างเจ็บปวดพลางงอตัวเป็นกุ้ง

“อ๊ะ......”

ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึง หญิงสาวที่ดูอ่อนแอไร้เดียงสาจะมีอารมณ์ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทุกคนต่างก็ไม่มีการป้องกันแต่อย่างใด

แค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น ยินถังก็ถูกเสวียนจีกระชากคอเสื้อเอาไว้ ใช้แรงกดลงไปกับพื้น

สองมือถูกไขว้ไว้ทางด้านหลัง เข่าของสาวน้อยใช้แรงกดไปบนหลังเอว ใบหน้าของยินถังจมอยู่ในพื้นหิมะ แต่ก็ยังคงร้องอย่างเจ็บปวดไม่หยุด

สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึง

หน่วยกล้าตายที่อยู่รอบข้างต่างก็ถอยออกไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ ยกปืนคาบศิลาขึ้นมาเล็งไปที่เสวียนจีด้วยไอสังหารอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้ากล้ายิง ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้านี่จะกลายเป็นตะแกรงร่อนคนแรก”

เสียงสดใสของหญิงสาวดังก้องไปทั่วทั้งลานกว้าง ยินถังได้สติกลับมาจากความเจ็บปวด พอเงยหน้าขึ้นมาจึงพบว่ามีสิ่งของแข็งกระด้างเย็นเยียบวางอยู่บนขมับของตนเอง

ภายนอกดูแล้วเหมือนปืนคาบศิลามาก แต่มีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่าปืนคาบศิลามาก

เขามองเสวียนจีด้วยสายตาตกตะลึง ใบหน้ายังคงเหมือนเดิม แต่มองไม่เห็นความอ่อนโยนไร้เดียงสาเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มที่อ่อนหวานแฝงไอสังหาร ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ขนลุกตั้งชัน

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ วิชาจับกุมที่ยอดเยี่ยมของนาง ทำในเขาที่เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวไม่ได้

เสวียนจีเหนี่ยวไกปืน ยิงไปที่ขาของยินถังสองนัด เพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนี หลังจากนั้นก็ถอยออกไปเพื่อหลบหลีกคมดาบที่ฟันลงมา

ตอนที่อยู่แคว้นตงฉู่ หินอุกกาบาตอยู่ในมือของจักรพรรดิตงฉู่ ตอนนี้ระดับการฟื้นฟูพลังจิตของนางสู้พวกหลิวฉิงไม่ได้

ยากที่จะทำให้อีกฝ่ายตายจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่การขัดขวางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ปัญหา ชั่วขณะนั้นแม้จะน่ากลัวแต่ก็ปลอดภัย

ทางด้านเสวียนจีหลบหลีกพลางตอบโต้ หน่วยกล้าตายอีกสองนายที่ถือปืนคาบศิลา กลับเล็งไปยังทหารองครักษ์และยิงอย่างเอาเป็นเอาตาย

เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลอมรวมไปกับเสียงพลุไฟที่จุดในเมือง

ดีที่ทหารองครักษ์ที่เหลือที่ซุ่มอยู่มีการเตรียมการมาอย่างดี ไม่เพียงแต่สวมชุดเกราะหมวกเกราะ ในมือยังถือโล่ที่แข็งแกร่งเอาไว้ด้วย

หัวหน้าศาลต้าหลี่ถูกคุ้มกันเอาไว้ ซ่อนตัวอยู่หลังโล่กำบังที่ตั้งฉาก ฟังเสียงดังบาดหูของปืนคาบศิลาที่ยิงมากระแทกโล่กำบัง มือที่สั่นเทาปาดเหงื่อด้วยความกลัว

“นี่......ปืนคาบศิลาโหดเหี้ยมกว่ามีดดาบเสียอีก เร็ว......รีบไปช่วยแม่นางหยวนเป่าเร็วเข้า อย่าให้คนชั่วเหล่านั้นหนีไปได้”

เพื่อป้องกันไม่ให้ทำร้ายคนของตนเองด้วยความประมาท เหล่าองครักษ์ต่างก็ไม่ได้พกปืนคาบศิลา ดาบและโล่แม้จะป้องกันได้อย่างแน่นหนา แต่ก็ไม่คล่องแคล่วมากพอ

หน้ากากเงินเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “วางใจเถอะ พวกเขาหนีไม่พ้นแน่”

หลังจากนั้นเขาก็เป่าปากสองที ลูกศิษย์ของสำนักทิงเสวี่ยที่กระจายตัวซุ่มอยู่ตามมุมลับต่างๆ ก็โยนระเบิดควันน้ำตาที่ผสมยาสลบไปที่คนเหล่านั้นทันที

ใต้แสงจันทร์ ควันคลุ้งกระจาย หิมะยังไม่ทันตกถึงพื้นก็ถูกความร้อนที่กระจายอยู่ในอากาศทำให้แห้งเหือดไป

ควันขาวทำให้สำลักจนน้ำตาไหล เสวียนจีได้เอาหน้ากากป้องกันพิษออกมาสวมใส่ตั้งนานแล้ว ในการต่อสู้ที่วุ่นวายได้ทำการสังหารหน่วยกล้าตายที่เป็นยอดฝีมือไปสามสี่คนอย่างไร้สุ้มเสียง

เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้เคลื่อนไหวช้าลงเพราะมีอุปสรรค หัวใจของนางก็ยิ่งสงบนิ่ง รู้ว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว

แต่แล้วในเวลานี้เอง หางตาของนางก็เหลือบไปเห็นจุดหนึ่ง ทำให้นิ่งอึ้งไปทันที

อีกด้านหนึ่งของกลุ่มควันที่ถูกลมพัดสลายไป เห็นเงาร่างเลือนรางและคุ้นเคยสายหนึ่งค่อยๆปรากฏตัวชัดขึ้น

เดี๋ยวก่อน นั่นมัน......พี่เหมียนจื่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ