พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 97

นางเฉินสำลักน้ำชาจนหน้าแดงก่ำ อวิ๋นหลิงรีบลูบหลังให้

เมื่อค่อยยังชั่วแล้วนางเฉินก็พูดด้วยความตึงเครียด “เจ้าถีบนางจริงหรือ จิ้งอ๋องรู้หรือไม่?”

อวิ๋นหลิงพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเบิกบาน “เขารู้เจ้าค่ะ เขาเห็นเองกับตาแล้วยังช่วยข้าปิดเป็นความลับด้วย”

ได้ยินดังนั้นดวงตากลมโตอันสวยงามก็เบิกกว้างแล้วมองอวิ๋นหลิง “หลิงเอ๋อร์...แม่ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม จริงหรือ?”

นางรู้จักนิสัยจิ้งอ๋องดี ต่อให้ไม่ชอบอวิ๋นหลิงแค่ไหน แต่ถ้าอวิ๋นหลิงไม่ได้ทำก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดใส่ร้ายป้ายสีหรือมาตำหนิได้

แต่ไฉนเห็นเองกับตาว่าอวิ่นหลิงถีบฉู่อวิ๋นหานตกน้ำแล้วยังปกป้องนางอีก?

เมื่อก่อนจิ้งอ๋องกับฉู่อวิ๋นหานนั้น...

“จริงเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะฉู่อวิ๋นหานเป็นคนวางแผนร้ายก่อน ฉันจึงใช้วิธีเดียวกันเล่นงานนางเจ้าค่ะ”

อวิ๋นหลิงเปรยรายละเอียดเรื่องที่ฉู่อวิ๋นหานวางแผนทำร้ายหรงฉานแล้วก็จะใส่ร้ายนาง

“ท่านอ๋องมองเห็นตั้งนานแล้ว ตอนที่นางเอาหลักฐานปลอมไปยัดใส่กุญกันดอกไม้ ท่านอ๋องไปเห็นเข้าพอดี”

นึกถึงเรื่องนั้นทีไร อวิ๋นหลิงก็หัวเราะทุกครั้ง

นางเฉินได้ยิน จากที่เป็นคนสุภาพอ่อนโยน ยามนี้สีหน้าแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ฉู่อวิ๋นหานมีจิตใจชั่วช้าเพียงนี้เชียวหรือ? กล้าวางอุบายใส่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วย”

หากอวิ๋นหลิงโดนปรักปรำจริง ความสัมพันธ์ของจวนเหวินกั๋วกงกับจวนเจิ้นกั๋วกงก็จะเสื่อมคลายแล้วกลายเป็นศัตรูกัน เช่นนั้นหลิงอวิ๋นก็จะตกเป็นตัวก่อเหตุที่สร้างปัญหาให้แก่ตระกูลฉู่

เมื่อหายโกรธ นางเฉินก็รู้สึกสะใจยิ่ง “เช่นนั้นจิ้งอ๋องก็รู้ธาตุแท้ของฉู่อวิ๋นหานแล้วสิ ต่อไปคงไม่โดนนางปั่นหัวแล้ว”

นางเผยรอยยิ้ม สายตามองไปยังท้องที่นูนออกมาของอวิ๋นหลิง จากนั้นรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหาย

เมื่ออวิ๋นหลิงเห็นนางเฉินกลุ้มอกกลุ้มใจก็เลิกคิ้วถาม “ท่านแม่เป็นอันใดหรือ?”

นางเฉินละสายตามามองอวิ๋นหลิง ก่อนจะพูดด้วยความลังเล “อวิ๋นหลิง เจ้าบอกแม่ตามความเป็นจริงว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับจิ้งอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”

อวิ๋นหลิงคิดว่ามารดากำลังกังวลเรื่องที่นางกับจิ้งอ๋องเข้ากันไม่ได้ ยิ้มปลอบใจ “พวกเราเข้ากันได้ดีมาก ได้ปรับความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเลี้ยงคืนหยวนเซียวแล้วเจ้าค่ะ”

นางเฉินอ้าปาก อันที่จริงนางอยากถามว่าเซียวปี้เฉิงรักอวิ๋นหลิงบ้างไหม ทว่าเมื่อเห็นปานสีแดงอมม่วงใต้ผ้าคลุมหน้าของอวิ๋นหลิง นางก็รีบเปลี่ยนคำ

เมื่อนางหายกังวลก็ยิ้มอ่อนโยน “เช่นนั้นก็ดี เจ้ารักษาดวงตาของเขาได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องดีต่อเจ้าแน่”

“ท่านแม่วางใจเถอะ ลูกสาวของท่านไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ”

เมื่อเห็นลูกสาวไม่รับรู้ความคิดของนาง นางเฉินก็ได้แต่คีบอาหารให้บุตรีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ความกลัดกลุ้มในใจยังคงแผ่ซ่านอย่างไร้ขอบเขต

ลูกสาวคนโง่ของนางคงไม่รู้ว่าหากเซียวปี้เฉิงมองเห็นแล้ว ชีวิตของนางก็จะพลิกแพลงไปทันที

บุรุษที่มีสมญานามว่าเทพสงคราม เป็นชายที่สตรีทั่วแคว้นต้าโจวหมายปอง หากไม่ใช่เขาตาบอดก่อน ทั้งยังเกิดเรื่องอย่างงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว อวิ๋นหลิงก็ไม่มีสิทธิ์ได้แต่งงานกับเขาเลย

ยามนี้เซียวปี้เฉิงกลับมามองเห็นอีกครั้ง ส่วนอวิ๋นหลิงก็ทั้งขี้เหร่และกำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่อาจปรนนิบัติสามีบนเตียงได้...

......

หลังร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน เซียวปี้เฉิงกับฉู่อวิ๋นเจ๋อก็ไปเดินย่อยหารที่สวนดอกไม้ด้วยกัน

เขาเป็นท่านอ๋องผู้ว่างงานสองปี ไม่ยุ่งเรื่องราชสำนักนานแล้ว ยามนี้กลับมามองเห็นอีกครั้ง คิดว่าจักรพรรดิจ้าวเหรินต้องมอบหมายภารกิจให้แน่

เซียวปี้เฉิงจึงถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจสถานการณ์ราชสำนักจากปากฉู่อวิ๋นเจ๋อ

“อวิ๋นเจ๋อ สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย เหมือนคนเหนื่อยล้ามาก เจอปัญหาอะไรหรือไม่?”

ก้นบึ้งนัยน์ตาของฉู่อวิ๋นหานมัวหมอง เซียวปี้เฉิงเห็นแล้วจึงถามด้วยความเป็นห่วง

“ยามนี้ข้าทำงานในกรมอาญา ท่านปู่อยากให้ข้าเริ่มต้นสร้างตัวด้วยฝีมือตัวเอง ต้องรับมือกับอุปสรรคให้ได้ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะใช้อำนาจของท่านปู่ อันนี้ไม่มีอะไรมาก แต่พวกลูกสาวสกุลเฟิงมักจะหาเรื่องข้า ข้าสูญเสียพลังงานตอนที่รับมือกับพวกเรามาก”

เซียวปี้เฉิงย่นคิ้ว นึกออกว่ากรมอาญาเป็นเขตอิทธิพลของพวกเสนาบดีซ้ายเฟิง

“คงเป็นเพราะเรื่องเฟิงเหยียน ตระกูลเฟิงกับจวนเหวินกั๋วกงจึงกลายเป็นศัตรูกัน”

ก่อนหน้านี้เฟิงเหยียนกับเขาก็เคยมีเรื่องกันหลายครั้ง ต่อมาเขากับอวิ๋นหลิงก็ไม่คิดจะช่วยเรื่องงูพิษอีก ยามนี้เฟิงเหยียนยังเป็นอัมพาตนอนติดเตียง ต้องกินยาเพื่อประคองชีวิตทุกวัน

เฟิงเหยียนเป็นบุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เสนาบดีซ้ายเฟิงไม่ค่อยแลเห็นถึงความสำคัญนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายของภรรยาเอก

ฉู่อวิ๋นเจ๋อยิ้มอย่างจนปัญญา แววตามีประกายแสงเย็นเยียบแวบผ่าน “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ข้าไม่กลัวหรอก เขาซ่อนงูพิษไว้ในกล่องของขวัญ ถือว่าทำตัวเอง”

หากอวิ๋นหลิงโดนทำร้ายจริง เขาในฐานะพี่ชายก็จะสู้กับอีกฝ่ายเพื่อน้องสาวสุดชีวิต

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ทว่าก็ใจลอยเล็กน้อย

มีคำถามคาใจเขาตลอด เขาก็เคยพูดคุยกับเฟิงเหยียนหลายครั้ง เขาคิดว่ารู้จักนิสัยใจคอของเฟิงเหยียนดี

เฟิงเหนียนเป็นคนใจเสาะ นิสัยแย่ ทั้งยังชอบมีปากเสียงกับผู้อื่น ถึงจะใจโหด แต่ไม่มีทางร้ายถึงขั้นนั้นแน่

เรื่องที่ซ่อนงูพิษวางในกล่องของขวัญ...เฟิงเหยียนไม่น่าจะทำ

ในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่ ข้ารับใช้ก็วิ่งมากระซิบข้างหูฉู่อวิ๋นเจ๋อด้วยความเร่งรีบ

ผ่านไปชั่วครู่ ฉู่อวิ๋นหานก็ประสานมือทำความเคารพ “ปี้เฉิง กรมอาญามีคดีเร่งด่วนต้องทำ ข้าขอตัวก่อน”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า มองส่งเขาเดินออกไป จากนั้นก็เดินเล่นในสวนบุปผาคนเดียวต่อ

ทันใดนั้นเขาก็ต้องหยุดเดินกะทันหัน สายตามองไปยังคนที่ยืนตรงหน้า พลางขมวดคิ้วมุ่น

สวนดอกไม้ยามพลบค่ำ ดอกกุหลาบผลิบานอย่างสวยงาม ดอกไม้หลากสีแข่งกันประชันความงามยกใหญ่

ท่ามกลางดอกไม้นาๆพันธุ์ คนร่างผอมซูบคนที่ยืนตากลม ภายใต้แสงโคมไฟของจวนเหวินกั๋วกง เจ้าของร่างนั้นแลดูอ้างว้าง เดียวดายยิ่ง

“พี่ปี้เฉิง...”

ฉู่อวิ๋นหานจับจ้องเซียวปี้เฉิงด้วยดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าอิดโรย

นางกำลังอยู่ในช่วงกักบริเวณ แต่เมื่อได้ยินว่าเซียวปี้เฉิงมาที่จวนเหวินกั๋วกงก็แอบหนีออกมา

เมื่อเห็นเซียวปี้เฉิงทำหน้าเย็นชา ไม่ยอมตอบสักคำ ฉู่อวิ๋นหานก็เดินเข้าไปใกล้อีกสองสามก้าว

“พี่ปี้เฉิง ท่านแม่บอกว่าดวงตาท่านหายดีแล้วใช่ไหม?”

ฉู่อวิ๋นหานมองสำรวจใบหน้าเซียวปี้เฉิง พบว่าดวงตาของเขาสุกใสดั่งจันทราลอยอยู่ในนั้น ไม่ได้ล่องลอยและมืดมนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว กลับมามีชีวิตชีวาจนสะกดใจผู้คนเหมือนอดีตแล้ว

เมื่อเห็นดวงตาคู่นี้ สภาพจิตใจของนางก็มีความสับสนและซับซ้อนเต็มไปหมด ยากจะทำใจนิ่งได้

“อืม”

เซียวปี้เฉิงขานรับเบาๆ ฟังอารมณ์ไม่ออก

ฉู่อวิ่นหานปั้นรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงพูดเหมือนจะตื่นเต้นไม่น้อย “ดีจังเลย...ตลอดสองปีที่ผ่านมา สิ่งที่ข้าปรารถนาที่สุดก็คือให้ท่านกลับมามองเห็นอีกครั้ง ยามนี้...ยามนี้..ข้าดีใจเหลือเกิน"

ระหว่างที่พูด ดวงตานางก็แดงก่ำ กล่าวเสียงสะอื้น

“แต่เสียดายพวกเราไม่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขดั่งที่หวังกันไว้ พี่ปี้เฉิง พรุ่งนี้ข้าจะแต่งงานแล้ว”

น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นหานไม่ได้ปกปิดความอาลัยอาวรณ์สักนิด และเซียวปี้เฉิงก็ฟังออกว่านางไม่ได้เสแสร้ง

เพียงแต่เขายังคงรู้สึกแดกดันยิ่ง

เขามองไปยังฉู่อวิ๋นหาน มุมปากเผยรอยยิ้มอย่างเย้ยหยัน พูดเสียงเรียบว่า “เสียดายหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกหรือ?”

เมื่อฉู่อวิ๋นหานได้ยินประโยคนี้ก็หน้าเจื่อนทันที

“พี่ปี้เฉิง...?”

พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ