พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 98

เซียวปี้เฉิงมองใบหน้านี้แล้วก็เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้น

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด เมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยนี้แล้วก็เกิดความรู้สึกผิดหวังและเฉยชายิ่ง

“ไม่ต้องแกล้งทำแล้ว เจ้ากับข้าพูดเปิดอกกันเถิด”

ฉู่อวิ๋นหานกุมเสื้อไว้แน่น พยายามรักษาสีหน้าของตัวเองให้ดูดีเข้าไว้ “พี่ปี้เฉิง ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านกล่าว ไยตอนนี้ท่านถึง...”

เซียวปี้เฉิงแทรกนางพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย “ฟังไม่เข้าใจ เช่นนั้นท่านอ๋องข้าก็จะพูดให้ละเอียดกว่านี้”

เซียวปี้เฉิงไม่เคยแทนตัวเองว่าท่านอ๋องข้ากับนางมาก่อน เมื่อเห็นเขาเย็นชาใส่ ฉู่อวิ๋นหานก็รู้สึกว่าต้องมีลางร้ายเกิดขึ้นแน่

“ท่านอ๋องข้ารู้เรื่องงานเลี้ยงคืนหยวนเซียวแล้ว”

ฉู่อวิ๋นหานขดตา

“เจ้าอยากแต่งงานกับรุ่ยอ๋องไม่ใช่หรือ? เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เจ้าถึงกับวางใส่ข้า สุดท้ายก็ให้อวิ๋นหลิงแต่งกับข้าตามแผนที่เจ้าวางไว้”

เมื่อฉู่อวิ๋นหานโดนไขความลับสุดยอด ใบหน้าก็ซีดเผือด หัวใจเต้นตัวแรง

เมื่อเห็นแววตาอันน่าเกรงขามของเซียวปี้เฉิงแล้ว นางก็เกือบหายใจไม่ออก กระวนกระวายจนใจเหงื่อซึม ทว่ายังคงหน้าด้านหน้าทน แสร้งทำเป็นทุกข์ใจ

“พี่ปี้เฉิง ไยท่านถึงคิดว่าข้าเป็นคนแบบนั้น ข้าจริงใจต่อท่านนะ”

รอยยิ้มแห่งความแดกดันบนใบหน้าเซียวปี้เฉิงเข้มข้นยิ่งขึ้น “จริงใจ?”

แต่เสียใจที่ไม่ได้เป็นพระชายารุ่ยอ๋องและเห็นดวงตาเขาดีขึ้นเท่านั้นเอง

ฉู่อวิ๋นหานขบฟัน เล็บมือจิบกลางฝ่ามือ ไม่กล้าสบตาเขา ละสายตาไปทางอื่นอย่างละอายใจ

“หานเอ๋อร์สาบานต่อฟ้าดินว่าไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น พี่สาวพูดจาเหลวไหลกับท่านใช่ไหม? หลักฐานละ นางจะปรักปรำข้าเช่นนี้ไม่ได้”

เรื่องงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว นางกับฮูหยินเหลียนวางแผนด้วยกัน เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ได้ทำลายทั้งพยานคนและพยานวัตถุเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยและเบาะแสทิ้งไว้สักนิด

เซียวปี้เฉิงหลุบตาลง อ่านความคิดจากใบหน้าไม่ออก “เรื่องงานเลี้ยงคืนหยวนเซียวไม่มีหลักฐานจริงๆ แต่ตอนที่เจ้าเอาหลักฐานปลอมใส่แจกันดอกไม้ในเรือสำราญ หรือข้าดูผิดไป?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าที่พยายามรักษาสีหน้าของฉู่อวิ๋นหานก็ล้มเหลว นางมองเซียวปี้เฉิงด้วยความตะลึงงัน ใบหน้าเผยความเหลือเชื่อเต็มประดา

“ตอนนั้นท่านก็มองเห็นแล้วหรือ?”

เซียวปี้เฉิงยกคางขึ้นเล็กน้อย มองนางอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร แต่ฉู่อวิ๋นหานกลับรู้คำตอบแล้ว

สมองของนางเกิดเสียงโครมคราม เกือบเป็นลมหมดสติไปแล้ว

มิน่าล่ะตอนที่อยู่บนเรือสำราญ เซียวปี้เฉิงจึงปล่อยให้อวิ๋นหลิงหยามเหยียดนาง ที่แท้ก็รู้ความจริงแต่แรกแล้ว

“เจ้าคิดว่าทำลายชื่อเสียงของหรงฉานแล้วโยนความผิดให้อวิ๋นหลิงสำเร็จ เจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์ เป็นพระชายารุ่ยอ๋องหรือ...แต่เสียดาย...เดินหมากผิดไปหนึ่งตัวก็จะพ่ายแพ้ทั้งกระดานหมากหมด”

ฉู่อวิ๋นหานมองเขาด้วยความอึ้ง ความรักใคร่ผสมปนเปกับความตกตะลึงและหวาดกลัวบนใบหน้า แลดูบูดเบี้ยวยิ่ง

เซียวปี้เฉิงเห็นสภาพนางแล้วก็เหนื่อยใจ ไม่อยากจะคุยต่อ

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้ากับข้าก็ต่างคนต่างอยู่ ตัดเยื่อใยให้หมด ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก มิตรภาพที่ยาวนานก็จบสิ้น ณ บัดนี้”

เขาหมุนกาย น้ำเสียงเย็นยะเยือกดั่งเหล็กที่ฝังใต้หิมะพันปี แต่ก็ยังเจือพลังสังหารไว้ร่วมด้วย

“แต่ถ้าเจ้าคิดไม่ดีไม่ร้ายกับอวิ๋นหลิงอีก ข้าจะไม่ออมมือเหมือนครั้งนี้อีก”

เมื่อทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว เซียวปี้เฉิงก็เดินออกจากสวนดอกไม้โดยไม่เหลียวหลังมอง

“พี่ปี้เฉิง”

เสียงร่ำไห้ของฉู่อวิ๋นหานแหวกกลางอากาศ นางอยากไล่ตาม แต่ขากลับอ่อนยวบ ไร้เรี่ยวแรง ก้าวไปได้สองก้าวก็ขาทรุดไปนั่งกับพื้นแล้ว

เมื่อเห็นแผ่นหลังหายลับไปจากสายตา นางก็เปล่งเสียงร้องไห้ออกมา เสียงร่ำไห้เต็มไปด้วยความเสียใจกับการกระทำและความเคียดแค้น

นางเสียใจกับการกระทำของตัวเอง นางเสียดายยิ่ง

นางไม่เชื่อว่าอวิ๋นหลิงจะเก่งจนสามารถรักษาดวงตาของเซียวปี้เฉิงหายได้เพียงสองเดือน ต้องเป็นเพราะนางคอยดูแลเซียวปี้เฉิงตลอดสองปีแน่

นางใจร้อนเกินไป หากรอต่ออีกไม่กี่เดือน คนที่รักษาดวงตาของเซียวปี้เฉิงหายก็คือนาง...

ด้วยอุปนิสัยของเซียวปี้เฉิง และด้วยที่เขาเองก็รักนางด้วย ดังนั้นหลังจากที่ดวงตาเขาหายดีแล้ว เขาต้องยืนกรานที่จะแต่งนางเป็นพระชายาเอกแน่

เป็นเพราะนางใจร้อนเกินไป จึงต้องมอบสิ่งที่ใกล้ถึงมือให้คนอื่น

“ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริง...”

ฉู่อวิ๋นหานนั่งร้องไห้กลางสายลม ยามนี้นางไม่เพียงแต่สูญเสียเซียวปี้เฉิง แม้แต่พระชายารองรุ่ยอ๋องก็ไม่ได้เป็น

นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางอยากได้

“ช่างเถอะ บางทีแบบนี้ถึงจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุด”

ท่ามกลางสายลมยามราตรี เกิดเสียงถอนหายใจของฮูหยินเหลียนดังขึ้น นางเดินเข้าไปหาลูกสาวผู้อ่อนเพลีย แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่และซับซ้อน

“อันที่จริงแม่ไม่อยากให้เจ้าแต่งงานกับจิ้งอ๋องเลย...หานเอ๋อร์ เจ้าจะรักลูกหลานเชื้อกษัตริย์แคว้นต้าโจวไม่ได้”

ฉู่อวิ๋นหานก้มหน้าร้องไห้ ได้ยินเสียงฮูหยินเหลียนก็เงยหน้ามองด้วยความมึนงง

ฮูหยินเหลียนปัดเส้นผมอันยุ่งเหยิงของนางออก กล่าวเสียงเข้มขรึมด้วยความอ่อนโยน “แป๊บเดียวก็ผ่านไปสิบเจ็ดปีแล้ว เจ้าโตเป็นสาวแล้ว มีเรื่องหนึ่ง...ที่แม่ไม่ควรปิดบังเจ้าอีกต่อไป”

“ท่านแม่...”

ใบหน้าฮูหยินเหลียนเผยความเด็ดเดี่ยว “ตามแม่มา”

สองแม่ลูกกลับมายังเรือนของตัวเอง สายลมยังคงโชยชาย แสงโคมไฟส่องสว่างไปทั่วเรือน

......

ตอนที่ออกจากจวนเหวินกั๋วกง ท้องฟ้าอันมืดมิดก็แต่งแต้มไปด้วยดวงดาวอันเจิดจรัส

อวิ๋นหลิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเซียวปี้เฉิง เหมือนเขาจะมีเรื่องในใจ ทว่าสีหน้ากลับสดใสราวกับได้ปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาใจเขามานาน

เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็เลิกคิ้วถาม “ได้เจอหน้าฉู่อวิ๋นหานแล้วหรือ?”

เซียวปี้เฉิงยกมุมปากตอบ “ปิดอะไรเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ”

ดวงตาคู่งามของอวิ๋นหลิงจ้องเขม็งใส่เขา “ทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับเพียงนี้ พรุ่งนี้สาวที่เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยกจะแต่งงานแล้ว อาลัยอาวรณ์หรือ?”

ถึงแม้กำลังพูดจาหยอกล้อเขาอยู่ แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด นางพูดแล้วรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย

เซียวปี้เฉิงแย้มยิ้ม “นางจะแต่งกับใครก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับข้า ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไปพูดถึงทำไมกัน?”

อวิ๋นหลิงแบะปากอย่างไม่เห็นด้วย ทว่าก็ไม่ได้พูดถึงฉู่อวิ๋นหานอีก

“คืนนี้ท่านคุยกับพี่ใหญ่ตั้งนาน คุยอะไรกันบ้าง?”

“คุยเรื่องราชสำนักกับเรื่องงาน”

เมื่อนึกถึงฉู่อวิ๋นเจ๋อ เซียวปี้เฉิงก็เล่าเรื่องที่ฉู่อวิ๋นเจ๋อโดนลูกหลานตระกูลเฟิงกลั่นแกล้งให้นางฟัง

“ตระกูลเฟิงเหมือนพวกแมลงวันที่ทำให้รำคาญใจยิ่ง สงสารพี่ใหญ่จังที่ต้องรับมือกับคนประเภทนี้” อวิ๋นหลิงเลิกคิ้ว “มีวิธีทำให้เขาอยู่ในกรมอาญาสบายกว่านี้ไหม?”

นางเป็นต้นเหตุของเรื่อง นางทำร้ายเฟิงเหยียนอย่างหนัก ตระกูลเฟิงไม่กล้าหาเรื่องจวนจิ้งอ๋อง จึงไปหาเรื่องตระกูลฉู่แทน

เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วใช้ความคิด “ข้าจำได้ว่าอาลักษณ์เก่าของกรมอาญาเป็นญาติกับจวนเจิ้นกั๋วกง เขาเป็นตาของสองพี่น้องหรงฉาน เจ้าสนิทกับหรงฉาน อาจจะช่วยอวิ๋นเจ๋อได้”

สิ้นเสียงเซียวปี้เฉิงก็เสียใจกับคำพูดตัวเองทันที อยู่ดีไม่ว่าดี เขาไปพูดถึงจวนเจิ้นกั๋วกงทำไมกัน

เขายังไม่ลืมหรอกว่ามีผู้ชายบัดซบแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงที่ยังถวิลหาอวิ๋นหลิงทุกวี่วัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ