เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 973

เสวียนจีพูดน้ำไหลไฟดับ แต่ก็ไม่หยุดการบังคับรถ เผลอนำหน้าเฟิ่งเหมียนไปไกลห้าเมตร จนต้องเลี้ยวกลับมาใหม่อีกครั้ง

รถไม้จอดหน้าเฟิ่งเหมียน ทั้งสองสบตากัน

สุดท้ายเสวียนจีเป็นคนพูดก่อน ใช้แววตาน่าสงสารมองเขา

“ท่านดูสิ จู่ ๆ ท่านก็โผล่มาเกือบจะทำแผนลับของพวกข้าพัง แต่ข้าก็ไม่เห็นจะโกรธท่านเลย พวกเราถือว่าหายกันน่ะ?”

ประโยคนี้ทำให้สติปัญญาของเฟิ่งเหมียนต่ำลง เขาเงียบต่อไป ไม่รู้จะโต้ตอบเช่นไร

ถูกอยู่ เพราะการมาของเขาทำให้อีกฝ่ายต้องเสี่ยงอันตราย

เสวียนจีมองสังเกตแววตาของเฟิ่งเหมียน แม้เขาจะไม่พูด แต่สีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย นางรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

“ใช่แล้ว ไยท่านถึงมาศาลต้าหลี่?”

เฟิ่งเหมียนยอมพูดสักที แต่กลับย้อนถามว่า “แล้วไยพวกเจ้าถึงไม่บอกว่ามีแผนลับ?”

หลังใจเย็นเขาก็คิได้ จากที่คิดว่าเสวียนจีไม่เชื่อใจเขา แต่เมื่อครู่นางปกป้องเขาสุดชีวิต แสดงว่านางเป็นห่วงเขามาก

งั้นสาเหตุที่ไม่ยอมบอกเขา เพราะเห็นว่าเขาไม่มีประโยชน์ ช่วยอะไรไม่ได้รึ?

เสวียนจีกระพริบตา ตอบว่า “การดำเนินครั้งนี้สำคัญยิ่ง ท่านไม่มีส่วนร่วมกับแผนครั้งนี้ บอกท่านไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าบอกท่าน ท่านจะกังวลเปล่า ๆ ทำอะไรไม่ได้ ช่วงที่รอข้าดำเนินแผนจะต้องคอยกังวลใจ”

เฟิ่งเหมียนได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกขมขื่น ที่แท้ก็รังเกียจที่เขาไม่มีประโยชน์จริงด้วย

ไม่คิดว่าราชครูที่เป็นความหวังของคนมากมาย จะช่วยอะไรคนอื่นไม่ได้ ซ้ำยังเพิ่มปัญหาให้ด้วย

“อีกอย่างมันเป็นความลับสุดยอด ตามกฎแล้วจะไม่บอกผู้ที่ไม่เข้าร่วมแผน ตอนพวกข้าอยู่ในองค์กรก็เคยมีต่างคนต่างทำภารกิจ ต่อให้เป็นพวกนายท่านหลีว์ ข้าก็ไม่บอกภารกิจส่วนตัวกับพวกนาง”

“เพราะแบบนี้ถึงจะเก็บความลับได้ ไม่รั่วไหลไปไหน เรื่องคนรอบข้างแทงข้างหลังมีให้เห็นถมเถ”

“ถึงแม้พวกเราจะเชื่อใจกัน แต่ก็ต้องเก็บความลับ หาไม่แล้วถ้าเกิดผู้ที่รู้ด้วยโดนศัตรูจับ จะโดนใช้วิชาอ่านใจ ป้อนยาพูดความจริง แล้วอาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายเพื่อบีบให้พูดความจริง”

“ถ้าข้อมูลรั่วไหลเมื่อไหร่ ต่อให้โดนบังคับ ไม่ยินดี แต่ก็เป็นการทำร้ายเพื่อนที่ตัวเองรักและหวงแหน”

“ดังนั้นการรักษาความลับไม่เพียงแต่ปกป้องตัวเอง ยังเป็นการปกป้องเพื่อนในทีมด้วย”

เสวียนจีเปรยคำเหล่านี้ด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่ค่อยมีบ่อย ๆ

เคยมีภารกิจพิเศษครั้งหนึ่ง องค์กรเลือกให้หลิวฉิงดำเนินการ พวกศัตรูก็ใช้พลังจิตเข้าสืบ โดยปลอมตัวด้วยเทคนิคพิเศษแล้วมาหาอวิ๋นหลิง พยายามหลอกให้อวิ๋นหลิงบอกข้อมูลลับกับอีกฝ่าย

ทว่าอวิ๋นหลิงไม่รู้ว่าหลิวฉิงกำลังทำภารกิจใด ศัตรูจึงทำโดยไม่เกิดประโยชน์ ทั้งยังโดนอวิ๋นหลิงจับพิรุธได้ แล้วจับเป็นตัวประกันในท้ายที่สุด

ล้วนเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่พวกนางได้จากการปฏิบัติภารกิจนับครั้งไม่ถ้วน แม้บัดนี้ไม่ได้อยู่ในองค์กรแล้ว พวกนางมายังโลกอีกใบหนึ่ง แต่แนวทางนี้ฝังลึกเข้ากลางใจแล้ว

เฟิ่งเหมียนได้ยินดังนั้นก็มองเสวียนจีด้วยความอึ้ง ภายในใจเกิดความรู้สึกบางอย่าง

ที่แท้นี่คือ...สาเหตุที่พวกนางปิดข่าว

เสวียนจีคลี่ยิ้มแล้วมองเขา “ไอ้นกโง่ ท่านคิดว่าพวกเราจงใจปิดบังท่าน ทำให้ท่านต้องคอยเป็นห่วง ท่านถึงถามข้าว่าไยไม่บอกท่าน?”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เฟิ่งเหมียนยกมุมปากยิ้ม รอยยิ้มเผยความผ่อนคลายและเย้ยหยันตัวเอง

“ข้าแค่พบว่า...คืนนี้คงที่ออกมากับเจ้าไม่ใช่ลู่ฉี แต่เป็นองครักษ์เยี่ย ข้าเลยแปลกใจและเป็นห่วง จึงมาดู ไม่คิดว่าเกือบทำแผนพวกเจ้าพัง”

รอยยิ้มนี้ไม่ต่างจากปกติ รอยยิ้มแห่งความซาบซึ้งนี้สะกดใจยิ่ง ราวกับน้ำแข็งแกะสลักผู้หล่อเหลาอย่างไรอย่างนั้น

นอกจากแสงจันทรากับวิวหิมะ เหมือนเหมือนวิวที่งดงามอย่างที่สาม ชวนให้เสวียนจีเคลิบเคลิ้ม

นกโง่สวยมากจริง ๆ

เขาเป็นชายอายุมากแล้ว แต่ไยถึงบำรุงดี หรือเกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียร?

เขาไม่ใช่กงจื่อโยวที่เติบโตในสิ่งแวดล้อมดี ๆ ดูเหมือนการรักษาจิตใจให้สงบช่วยเรื่องรักษาความอ่อนเยาว์ได้ดีจริง

แล้วความดีใจและเศร้าใจเมื่อครู่ คือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ครั้งใหญ่ จะทำให้เขาโกรธจนอัปลักษณ์หรือไม่?

เสวียนจีจ้องเฟิ่งเหมียน หลังอีกปรับอารมณ์ได้ เห็นนางเอาแต่จ้องหน้า ติ่งหูก็เริ่มแดง

“เอาแต่จ้องหน้าข้าทำไม เจ้าไม่บาดเจ็บแต่ใส่เสื้อเปื้อนเลือดแบบนี้ไม่อึดอัดรึ?”

เสวียนจีตอบโดยไม่คิด “ข้ากำลังนับว่าท่านโกรธข้าแล้วเกิดรอยตีนกากี่เส้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ