เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 978

หลิวฉิงได้ยินก็มองสำรวจโม่อี้ซือโดยละเอียด “ก็ไม่เหมือนคนปัญญาอ่อนนี่ ทำไมถึงพูดไม่รู้จักคิดได้?”

โม่อี้ซือใบหน้าแดงก่ำ เห็นสีหน้าเซียวปี้เฉิงแย่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็รีบแก้ต่าง “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น...ข้า...เมื่อก่อนข้าหูเบา หลงเชื่อคำพูดของตระกูลยิน ถึงได้พูดล่วงเกินพระชายารัชทายาท เมื่อครู่ข้าฟังท่านลุงรัชทายาทอธิบาย ก็รู้แล้วว่าตระกูลยินสมควรได้รับโทษ”

อวิ๋นหลิงเห็นแล้วอยากปรบมือให้นางเหลือเกิน

คิกคิก เป็นเด็กเป็นเล็กที่มีหน้ากากหลายใบเหลือเกิน? เปลี่ยนสีหน้าเป็นว่าเล่น

นางอมยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าก็อธิบายให้เจ้าฟังแล้ว ไยเจ้าถึงไม่เชื่อข้า แต่ไม่สงสัยคำพูดของท่านลุงรัชทายาทสักคำเลย”

หลิวฉิงขมวดคิ้วมุ่น พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “มีเรื่องนี้ด้วยรึ? ไยเจ้าถึงด่าแต่น้องหลิง ไม่ด่าเขา สองมาตรฐานชัดๆ”

โม่อี้ซือหน้าแดงแปร๊ด จุกจนพูดไม่ออก

นางเติบโตที่เมืองเซียวโจว ชายแดนติดแคว้นถังใต้ สิ่งที่ซึมซับเข้าสมองคือสตรีต้องโอนอ่อนผ่อนตามบุรุษ แล้วจะโทษรัชทายาทได้อย่างไร?

อย่าว่าแต่ถือโทษโกรธเคืองเลย ต่อให้รู้สึกเช่นนั้นจริง แต่จะกล้าพูดออกมารึ?

โม่อี้ซือรู้สึกอับอาย สตรีสองคนนี้รู้คำตอบอยู่แล้วยังแกล้งถามนางอีก

ผู้ที่อยู่ด้านข้าง เซียวปี้เฉิงมองโม่อี้ซือด้วยแววตาเย็นชา

พวกเขาใช้เด็กคนนี้เป็นเครื่องมือจริง แต่ไม่เคยติดค้างนางอย่างแน่นอน ต่อให้ตระกูลยินไม่ก่อคดี นางในฐานะลูกสาวบุญธรรมของอ๋องไหวเซียงก็ไม่อาจลอยตัวเหนือปัญหาได้

กระทั่งลูกสาวแท้ ๆ ขององค์หญิงอี๋อัน เมื่อบิดาบังเกิดเกล้าทรยศบ้านเมืองเช่นนี้ ก็จะมีผลกระทบทั้งชีวิต ลำพังอนาคตก็ดับสูญแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงานเลย

โลกของอวิ๋นหลิง ผู้ที่มีคดีติดตัวจะส่งผลต่อการเมืองของลูกหลานสามรุ่นกันเลยทีเดียว

ก็เหมือนกับสิ่งที่นั่วเอ๋อร์เจอ พอนางโตมา ถ้าไม่สร้างผลงานใหญ่เหมือนเสิ่นทัว นางก็ไม่อาจเป็นขุนนางหญิงได้เลย

แว่นแคว้นมีกฎ ราชสำนักไม่อาจอะลุ่มอล่วยเพราะนางเป็นเชื้อพระวงศ์ กฎและหลักการบางอย่าง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้โม่อี้ซืออยากคว้าอนาคตดี ๆ ให้กับตัวเอง แต่บัดนี้เห็นทีคงปล่อยโอกาสหลุดมือเสียแล้ว

โม่อี้ซือกระวนกระวายใจเมื่อเห็นแววตาเข้มขรึมของเซียวปี้เฉิง พูดอ้ำอึ้งว่า “ท่านลุงรัชทายาท...”

“ไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านลุง ข้าไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับเจ้า” เซียวปี้เฉิงแทรก เปล่งเสียงเย็นเยียบอย่างไม่อาจทักท้วงได้ “เจ้าคิดว่าราชวงศ์กำจัดบ้านสามีของเจ้า งั้นต่อไปเจ้าก็อย่าเป็นเสี่ยนจู่ของราชวงศ์เซียวอีกเลย”

เขาสามารถให้อภัยและชดใช้โม่อี้ซือได้มากมาย แต่ต้องไม่ล้ำเขตบรรทัดฐานของเขา

อีกฝ่ายในฐานะลูกสาวบุญธรรมขององค์หญิง ไม่คิดว่าผู้ใดให้เกียรติและความสุขสบายแก่ตน แต่กลับตำหนิราชวงศ์หน้าด้าน ๆ

ถ้ามองในฐานะประชาชนต้าโจว หากอยู่ข้างขุนนางต่ำช้า ต่อต้านวิธีของราชสำนัก ก็จะโดนจับกุมอย่างไม่ต้องสงสัย

ถ้ายุคสมัยใหม่ของอวิ๋นหลิง ตามกฎหมายแล้วต้องโดนปรับห้าแสนฐานพูดจาส่งเดชแบบไม่มีทางดิ้นให้หลุดพ้นได้

ไม่ว่าจะหลักการใดก็ตาม เซียวปี้เฉิงไม่มีทางไว้หน้าโม่อี้ซือ

“อะ...อะไรนะ?”

“เมื่อครู่ที่ทะเลสาบจันทร์จรัสแสงเกิดไฟไหม้บนเรือ สร้างความแตกตื่นให้กับคนที่อยู่บนสะพาน แม่นางเสิ่นไม่ระวังตกลงน้ำทะเลสาบ นายท่านเห็นก็รีบกระโดดลงไปช่วย...เขาเคยบาดเจ็บสาหัส สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว แล้วช่วงนี้ก็อากาศหนาวเป็นพิเศษ ฤดูหนาวเช่นนี้...”

อู๋อิ่งเปรยมาถึงจุดนี้ แม้จะเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก แต่ก็อดสะอื้นไม่ได้

เซียวปี้เฉิงหนังตากระตุก รีบถามว่า “รีบนำทาง พี่รองกับเสิ่นชิ่นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

สิ้นเสียงพวกเขาก็ไม่มีเวลาสนใจไยดีโม่อี้ซือ รีบยกเท้าเดินออกไปด้านนอก

“แม่นางเสิ่นไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ทหารลาดตระเวนแถวทะเลสาบมาช่วยไว้ แต่นายท่านถูกช่วยขึ้นมาทีหลัง ตอนนี้กำลังหมดสติอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

อู๋อิ่งอนาทรร้อนใจยิ่ง พูดตะกุกตะกักถึงจะเล่าเรื่องได้อย่างชัดเจน

เขาไม่อยู่ตอนเกินเหตุ ฟังแม่นางที่ช่วยเสียนอ๋องกลางทะเลสาบเล่าเท่านั้นเอง

เล่าว่าตอนนั้นเรือกลางทะเลสาบเกิดเพลิงไหม้ มีคนกระโดดลงน้ำกันเยอะ แต่โชคดีที่ทหารลาดตระเวนเหมือนเตรียมการไว้พร้อมแต่แรก พายเรือเข้ามาช่วยคนตกน้ำ

ตอนนั้นเสิ่นชิ่นอยู่บนสะพาน โดนผู้อื่นเบียดจนตกสะพาน เพราะอยู่ห่างจากกลางทะเลสาบ ทหารลาดตระเวนจึงยังไม่เห็น

เสียนอ๋องกระโดดลงไปช่วย ไม่ให้เสิ่นชิ่นจมน้ำ เขายืดเวลาจนถึงเรือเล็กของทหารเข้าใกล้

หลังจากเสิ่นชิ่นได้ยินการช่วยเหลือ เขาก็หมดแรง โดนกระแสน้ำพัดไปไกล

หากไม่ได้แม่นางที่ว่ายน้ำเก่งกระโดดลงไปช่วย ไม่แน่ว่าเสียนอ๋องอาจจะเสียชีวิตแล้วก็เป็นได้...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ