อวิ๋นหลิงเบือนหน้าไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนห่วงใยว่า “อาชิ่น เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ทางห้องครัวได้ต้มแกงไล่ความเย็นไว้แล้ว เจ้าดื่มให้มากหน่อย ระหว่างอย่าให้ติดไข้หวัด ทางด้านเรือนเสิ่นไม่ต้องกังวล อู๋อิ่งได้กลับไปดูแลพวกเขาให้แล้ว”
“ข้าไม่เป็นไร”
เสิ่นชิ่นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินไปข้างเตียง สายตาจับจ้องไปที่ร่างของเสียนอ๋องเขม็ง
มองดูใบหน้าขาวซีดของคนคนนั้น ดวงตาปิดสนิท ยังมีเข็มเงินมากมายปักอยู่ทั่วร่างกาย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ เกือบจะร้องไห้ออกมา
“เขาล่ะ จะเป็นอย่างไร”
อวิ๋นหลิงไม่ปิดบัง พูดตามความจริงว่า “จมน้ำไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่ความเย็นที่กระทบร่างกายหลังจากนั้นทำให้เกิดไข้สูงส่งผลให้อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง แค่สามารถประคองอาการให้ผ่านพ้นสองสามวันนี้ไปได้ หลังจากนั้นทุกอย่างจะดีขึ้น ข้าจะพยายามรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ให้ได้”
อย่างโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและการหายใจล้มเหลวเป็นต้น สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ล้วนไม่สามารถละเลยได้
ได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเสิ่นชิ่นราวกับตกลงไปในหุบเหวลึก จ้องมองคนบนเตียงนิ่งๆ
แม้แต่อวิ๋นหลิงยังบอกว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง และไม่ได้รับประกันว่าเขาจะไม่เป็นอะไร......
ทันใดนั้นนางก็ตกลงสู่ห้วงแห่งความตื่นตระหนกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อนานมาแล้ว นางเคยคิดจะอยู่ให้ห่างจากอีกฝ่าย ไม่เจอกับเขาอีก มีเพียงเรื่องที่ไม่เคยคิดคือการจากลาชั่วนิรันดร
ครั้งที่แล้ว เขาก็ถูกฟันเพราะนาง ดีที่สุดท้ายก็ปลอดภัย แล้วครั้งนี้เล่า
เสิ่นชิ่นคิดไม่ถึงว่า ตนเองยังต้องหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นที่ไม่อยากจะจดจำอีกครั้ง
จู่ๆนางก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “เมื่อก่อนข้ามักจะคิดในใจเสมอ การรู้จักเขาเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความทุกข์ในชีวิตข้า......แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ความเจ็บปวดและทรมานที่ข้านำมาให้เขาก็ไม่น้อย”
“บางที พวกเราสองคนไม่ควรจะรู้จักกันเลยในชาตินี้”
เสิ่นชิ่นเอ่ยขึ้น พลางยื่นมือไปลูบใบหน้าของเสียนอ๋องเบาๆอย่างอดไม่ได้ ราวกับพยายามมอบความอบอุ่นให้เขาบ้าง
อวิ๋นหลิงมองนางเงียบๆ ถามขึ้นว่า “อาชิ่น เรื่องมาถึงป่านนี้แล้วเจ้ายังเกลียดเขาอยู่หรือไม่”
“เกลียด” น้ำเสียงของเสิ่นชิ่นแฝงแววเย้ยหยันตนเองอยู่หลายส่วน “ที่จริงข้ารู้ดี เรื่องบางเรื่องข้าก็ไม่มีสิทธิ์เกลียดเขา”
“ตระกูลเสิ่นต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้จะมีเขาเป็นสาเหตุ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะท่านพ่อหลงใหลในอำนาจ เกิดความโลภอยากจะอาศัยอิทธิพลของคนอื่น”
“การแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์เดิมก็ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจรอยู่แล้ว ท่านพ่อเลือกข้าง ย่อมต้องคำนึงถึงผลของการพ่ายแพ้”
“ท่านพี่เคยมีความดีความชอบด้านทหาร แต่ลูกหลานของขุนนางกบฏไม่คู่ควรที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนาง เป็นเพราะเขาปฏิเสธความเมตตาของฝ่าบาทที่จะคืนตำแหน่งให้ จึงแลกมาซึ่งชีวิตของพวกเราพี่น้องในวันนี้ เหล่านี้ข้าล้วนรู้ดี......”
ตอนที่เสียนอ๋องแสร้งทำเป็นคล้อยตามเฟิงอิ๋งอิ๋ง ได้ค้นพบความลับมากมาย จึงใช้นามแฝงในการบอกกล่าวกับเซียวปี้เฉิง จึงทำให้ราชสำนักกำจัดอิทธิพลลับของเหมียวเจียงจนสิ้นซากอย่างง่ายดาย
จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกผิดต่อเสียนอ๋อง เดิมทีอยากจะใช้เรื่องนี้คืนตำแหน่งให้กับเขา แต่ถูกเสียนอ๋องปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
รางวัลนี้ ย่อมเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่น ตอบแทนมาที่ตัวของพี่น้องเสิ่นชิ่น
“ข้าก็รู้ดีว่า ระหว่างเขากับซ่งเชว่อวี่ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เด็กคนนั้น ที่สุดก็ต้องโทษข้าที่ไม่ระวังตัวเองจนทำให้แท้งเขาไป เป็นข้ากับเขาที่ไม่มีวาสนาแม่ลูกต่อกัน......”
เสิ่นชิ่นพูดถึงตรงนี้ สายตาหม่นหมองลง ฝ่ามือจับไปที่หน้าท้องด้วยสัญชาตญาณ ใบหน้ามีแววเศร้าโศกวาบผ่าน
“เขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้สองครั้ง สิ่งที่ติดค้างข้าล้วนชดใช้หมดแล้ว แต่ข้าก็ไม่อาจข้ามผ่านอุปสรรคที่อยู่ในใจได้”
“ที่ผ่านมาการรู้จักกับเขาเป็นแค่แผนการร้ายเท่านั้น ที่ข้าคิดว่าเป็นรักเดียว เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในแผนการของเขา แม้กระทั่งเวลานี้ เขาก็ยังคงหลอกข้าอยู่”
ตอนนั้นนางไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น อดทนต่อสายตาของคนอื่นที่มองมาอย่างประหลาดและเยาะเย้ย แต่งงานกับ”ท่านอ๋องโง่”อย่างไม่ลังเล
นางคิดอย่างดื้อรั้นว่า ถึงแม้เขาจะโง่ ก็มีความจริงใจที่หาได้ยากยิ่ง
แต่ที่สุดแล้ว ในส่วนลึกของความรักอันเร่าร้อนที่มีอยู่เต็มหัวใจของนาง เขามีความจริงใจแค่ไหน
ในสถานการณ์ที่ทั้งสามคนใช้พลังจิตพร้อมกัน มักจะเป็นสิ่งที่ง่ายและมั่นคงที่สุด และถูกเรียกว่าเป็นทฤษฎีเหล็กสามเหลี่ยมในการรักษาด้วยพลังจิต
เดิมทีนางอยากจะทดลองดูสักครั้ง กลับคิดไม่ถึงว่าเซียงถวนจะให้ความร่วมเมื่ออย่างไม่น่าเชื่อ
ในขณะที่พลังจิตของอวิ๋นหลิงสัมผัสกับพลังที่เพิ่งกำเนิดขึ้นแต่มีความแข็งแกร่งนั้น นางก็มีความรู้สึกราวกับวิญญาณถูกชะล้าง
พลังสายนี้สงบและเชื่องมาก ไม่มีพลังในการโจมตีเลยสักนิด
ราวกับลอยล่องอยู่บนท้องทะเลแห่งความอ่อนโยน
ภายใต้การใช้พลังจิตร่วมกัน อวิ๋นหลิงเข้าสู่สมาธิอันจดจ่ออย่างรวดเร็ว รวบรวมพลังจนเกิดเป็น”เข็มเงิน”เล่มเล็กราวกับเส้นผม ทั้งยังเปล่งประกายสีขาวออกมา
บนเตียง เสียนอ๋องหลับตาแน่น เขาอยู่ในโลกที่มืดมิดไร้แสงสว่าง
เขาราวกับอยู่ใต้ทะเลสาบที่มืดมน ความมืดที่มองไม่เห็นทำให้เขากดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก
ในหูได้ยินเสียงที่คุ้นเคยในความทรงจำดังขึ้นมาอย่างเลือนราง ทำให้เขาพยายามตอบโต้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ลืมตาขึ้นมาไม่ได้ และเปล่งเสียงไม่ได้เช่นกัน
กระทั่งประกายแสงที่อบอุ่นสายหนึ่งสลายความมืดออกไปอย่างกะทันหัน ราวกับพระอาทิตย์ส่องแสงอีกครั้ง แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
……
“ฮือ......อา”
อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงถูกเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยปลุกให้ตื่น
เซียงถวนดูดริมฝีปากตัวเอง ดวงตากลมโตไม่มีน้ำตา หลังจากที่ดึงดูดสายตาของผู้ใหญ่ได้แล้ว ก็หยุดร้องงอแง
“อาอา”
นางร้องขึ้นมาราวกับแมวตัวเล็กๆ บอกพ่อแม่ว่าตนเองหิวแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...