เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 992

เดิมก็เป็นบทสรุปที่นางคาดหวังมานานมากแล้ว แต่พอมาถึงวันนี้จริงๆ เสิ่นชิ่นกลับพบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกหลุดพ้นเหมือนที่คิดเอาไว้

นางไม่รู้ว่าควรจะอธิบายถึงความรู้สึกของตัวเองอย่างไร รู้สึกแค่ว่าหัวใจมีชิ้นส่วนขาดหายไป ว่างเปล่า ไม่รับรู้ถึงความสุขหรือความเศร้าใดๆทั้งสิ้น

เสิ่นชิ่นรับหนังสือหย่ามาด้วยสัญชาตญาณ ในหูกลับได้ยินเสียงของเสียนอ๋องดังขึ้นอีกว่า

“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่”

แววตาของนางไหววูบ เงยหน้าขึ้นมองเขาทันที น้ำเสียงกลับเบาหวิว “ท่าน......ท่านพูดอะไร”

เสียนอ๋องก้มหน้าจ้องมองนาง ดวงตาที่ดำขลับลึกล้ำแฝงความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆเอ่ยขึ้นมาว่า

“อาชิ่น ข้าเข้าใจว่าตอนนี้ข้าทำให้เจ้ารู้สึกไม่คุ้นเคย เมื่อเทียบกับสามีในอดีตของเจ้า พวกเรามีสิ่งที่ไม่เหมือนกันมากมาย”

“เซียวฉางซวี่นิสัยกลัวม้า ไม่เคยขี่ม้าตัวคนเดียว ที่จริงไม่ใช่เช่นนั้นเลย นั่นเป็นคำโกหกที่เขาจงใจสร้างขึ้นในตอนแรกเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก และข้าก็ถูกอันชินอ๋องเลี้ยงดูอยู่ข้างกายมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่ค้นหาหมอที่มีชื่อเสียง ก็ถูกเขาสั่งสอนทักษะการขี่ม้าด้วยตัวเอง แม้จะเทียบกับเหล่าขุนพลไม่ได้ แต่ก็เคยขี่ม้าเดินทางนับพันลี้มาแล้ว”

“เซียวฉางซวี่ไม่เชี่ยวชาญการเล่นหมากรุก ทุกครั้งที่เขาเล่นหมากรุกจะเคลื่อนหมากได้ไม่เกินยี่สิบครั้งก็แพ้ราบคาบ ก็เป็นการกระทำที่จงใจเสแสร้งเช่นกัน เพียงเพื่อให้ภรรยาที่รักที่ไม่ถนัดในการเล่นหมากรุกมีรอยยิ้ม......ส่วนข้ามีใจรักในการเล่นหมากรุกมาตั้งแต่เด็ก พออายุยี่สิบปีก็ยากจะพบกับศัตรูคู่แข่งแล้ว”

“เซียวฉางซวี่ปกติจะไม่ชอบกินปลา มักจะไม่ชอบที่มันก้างเยอะ แต่ท่านหมอกลับบอกว่ากินปลาเยอะๆจะช่วยให้เขาฟื้นฟูได้เร็วขึ้น นี่ก็เป็นการจงใจติดสินบนท่านหมอเช่นเดียวกัน จุดประสงค์ก็เพื่ออยากจะให้ภรรยาแกะก้างปลาให้เขาด้วยตัวเอง กล่อมให้เขากินข้าว......”

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำอ่อนโยนราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิ และราวกับเหล้าสาเกเก่าที่ทำให้คนเมามาย

เสิ่นชิ่นฟังอย่างเหม่อลอย หวนนึกถึงภาพที่ทั้งสองรู้จักกันขึ้นมาอย่างเลือนราง

ตอนที่นางขี่ม้าผ่านตลาดที่คึกคัก เห็นลูกหลานของตระกูลเฟิงที่ไม่เอาไหนกำลังห้อมล้อมและล้อเลียนคุณชายคนหนึ่ง คุณชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม กลับเหมือนคนปัญญาอ่อน มีท่าทีตื่นตกใจทำตัวไม่ถูกท่ามกลางกลุ่มคน

นางเกิดความรู้สึกโมโหขึ้นมา ไม่ชินกับการเห็นคนรวยรังแกคนโง่ และกังวลว่าจะล่วงเกินตระกูลเฟิง ดังนั้นจึงทำการชิงตัว ในขณะที่ควบม้าอย่างรวดเร็วก็คว้าเอาตัวเขาขึ้นมาบนหลังม้าและหนีไป

หลังจากนั้นคุณชายคนนั้นก็ขอบคุณนางอย่างซาบซึ้งใจ เสิ่นชิ่นเห็นเขามีท่าทีซื่อบื้อ แต่ดูจริงจังและเชื่อฟัง น่าสนใจมาก

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดรู้สึกสนุกขึ้นมา พูดล้อเล่นให้เขาใช้ร่างกายตอบแทน

คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีขันทีกลุ่มหนึ่งมาสู่ขอถึงบ้านอย่างยิ่งใหญ่จริงจัง นางเพิ่งจะรู้สถานะที่แท้จริงของคุณชายคนนั้นว่าที่แท้ก็เป็นเสียนอ๋องลูกชายคนรองของจักรพรรดิจาวเหริน

เสิ่นชิ่นรู้สึกตกใจมาก ย่อมไม่กล้าตอบรับการแต่งงานง่ายๆ แต่เสียนอ๋องยังคงดึงดันจะตอบแทนด้วยร่างกาย เพื่อชดใช้บุญคุณของนาง

นางลำบากใจแต่ก็ดึงดันจะให้เสียนอ๋องเปลี่ยนวิธีการตอบแทน ดังนั้นเสียนอ๋องจึงบอกว่าความกล้าหาญของนางในวันนั้นทำให้เขารู้สึกคะนึงหา หวังว่าเสิ่นชิ่นจะสอนทักษะการขี่ม้ากับเขาด้วยตัวเอง

เขากลัวม้ามาก แต่ก็มักจะอดไม่ได้ที่จะสัมผัสพวกมัน มีเพียงการขี่ม้าตัวเดียวกับนางเท่านั้นจึงทำให้กล้าขึ้นไปบนหลังม้า ยังมักจะจับเอวนางไว้แน่นไม่ปล่อยเพราะความตื่นเต้น

ตั้งแต่ป่าท้อข้างลำธารในเดือนสาม จนกระทั่งเส้นทางหินบนเนินเขาเขียวในเดือนเจ็ด

หลายเดือนผ่านไป เป็นครั้งแรกที่เสิ่นชิ่นอยู่กับผู้ชายทั้งวันทั้งคืนนอกจากพี่ชายตัวเอง และเซียวฉางซวี่ก็ไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆที่นางรู้จัก

เขาหัวสมองทึ่มทื่อแต่มีความละเอียดและใส่ใจมาก ไม่ได้หยาบกระด้างป่าเถื่อนเหมือนชายหนุ่มในกองทัพ และไม่เหมือนคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ที่ใช้ชีวิตอิสระหว่านเสน่ห์ไปทั่ว

ระหว่างทั้งสองคนเคยใกล้ชิดอย่างสนิทสนมเกินกว่าการรู้จักทั่วไปอยู่หลายครั้ง แต่สายตาของเซียวฉางซวี่มักจะแจ่มชัดไร้เดียงสา เหมือนกวางน้อยที่อยู่ในป่า อ่อนโยนไร้พิษภัย บริสุทธิ์สดใส

ตอนนั้น นางคิดในใจว่าที่เปรียบเปรยว่า”เมื่อทุกคนบนโลกมัวเมามีเพียงข้าที่สติแจ่มชัด”คงเป็นคุณชายเช่นนี้กระมัง

คุณชายที่สะอาดอบอุ่นเช่นนี้ มองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักตลอดเวลา ไม่มีผู้หญิงบนโลกคนไหนสามารถปฏิเสธได้

“รักแค่ไหน และตั้งแต่เมื่อไหร่”

“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ยิ่งนานวันก็ลึกซึ้ง”

พูดจบประโยคนี้ เสิ่นชิ่นพยายามสงบจิตใจตัวเอง ไม่ให้น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาสะสมในดวงตาล้นออกมา “ท่านยังอยากจะพูดอะไรกับข้าอีก”

“ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า ไม่ว่าข้ากับเขาจะคล้ายกันหรือไม่ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นไป ข้าจะใช้ตัวตนที่แท้จริงของข้า ทำความรู้จักกับเจ้าอีกครั้ง”

พูดจบ เสียนอ๋องก็ถอยออกไปสองก้าว โค้งตัวลงเล็กน้อยประสานมือขึ้นมาทำท่าคำนับ

“แม่นางเสิ่น ข้าแซ่เซียวชื่อฉางซวี่ เป็นคนแคว้นต้าโจว เกิดเมื่อวันที่สิบเจ็ดเดือนอ้ายยามจื่อ อายุยี่สิบหกปีแล้ว”

“บิดาผู้ให้กำเนิดยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากมารดาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจึงทำให้ขัดแย้งกัน ยังมีลูกสาวที่อายุเพียงสี่ขวบ ในครอบครัวมีพี่น้องผู้ชายหกคน พี่น้องผู้หญิงสองคน พี่น้องเคารพให้เกียรติ รักใคร่ปรองดองกันดี”

“ข้านิสัยตรงไปตรงมา เป็นคนระมัดระวัง ยินดีคบหากับผู้มีความสามารถในใต้หล้า หลังจากนี้กรุณาชี้แนะด้วย”

เสียนอ๋องพูดจบ ก็ก้มตัวโค้งคำนับ

เสิ่นชิ่นมองเขาด้วยสายตาพร่ามัว ที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา กัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้

เสียนอ๋องยื่นมือออกไปอยากจะเช็ดน้ำตาให้นาง แต่มือกลับชะงักค้างกลางคัน จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งออกมาจากอกยื่นไปให้

“อาชิ่น......บางทีเจ้าอาจจะรักเซียวฉางซวี่อีกคนอย่างสุดใจ แต่ขอความกรุณาเจ้าให้โอกาสข้าสักครั้ง ให้ข้าได้อยู่เคียงข้างเจ้า แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ในใจเจ้ายังคงรักคนนั้นอย่างมั่นคงไม่ใช่ข้า ก็ไม่เป็นไร”

“ชาตินี้ ข้ากับเขาจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ