เซียวปี้เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคืองแค้น “นี่คือของปล้นที่พวกเขาสะสมมานานกว่ายี่สิบปี หากตอนที่ต่อสู้กับเผ่าทูเจวียนั้นในท้องพระคลังมีเงินจำนวนนี้ สงครามก็คงจะไม่ยากลำบากและตึงเครียดขนาดนั้น”
เขาเป็นคนที่อยู่ในสนามรบมานานกว่าห้าปี รู้ว่าสมัยนั้นยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน
เมื่อคิดว่าเงินที่ถูกปล้นไปเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกตระกูลยินฉวยโอกาสช่วงเกิดสงครามยักยอกไป ในใจเขาก็เดือดดาลยิ่งนัก
อวิ๋นหลิงพูดอย่างแผ่วเบา “ตระกูลยินตัวเล็กๆ มีรากฐานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าตระกูลลู่เป็นอย่างไรบ้าง ยังมีพวกหนูเหล่านั้นซ่อนตัวกัดแทะอยู่ในซอกมุมไหนอีก...”
ทั้งคู่สามีภรรยามองหน้ากันแวบหนึ่ง ความโกรธจัดในดวงตาพลันกลายเป็นประกายสีทองอย่างรวดเร็ว
หากขุนนางทุจริตในแคว้นต้าโจวทั้งหมดถูกยึดทรัพย์สินเข้าหลวง เช่นนั้นควรจะได้เงินเท่าใด
แค่จินตนาการถึงตัวเลขนั้นก็ทำให้คืนนี้เซียวปี้เฉิงเริ่มรู้สึกนอนไม่หลับเล็กน้อย
พอคิดว่าเงินที่ควรจะอยู่ในท้องพระคลัง ยามนี้ไม่รู้ว่าถูกพวกคนชั่วใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่ายเท่าไรแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้าทรมานเป็นเท่าทวีคูณ
“ช่างเถอะ ต่อไปก็ลองคิดดูว่าจะจัดการกับตระกูลลู่อย่างไรดีกว่า”
อาจหวาดกลัวกับวิธีการดุจฟ้าร้องและความเร็วดุจสายฟ้าฟาดของราชสำนัก หลายวันนี้ตระกูลยินประพฤติตัวรู้ความ ไม่ส่งเสียงอะไรเลยสักแอะ ถึงขั้นไม่กล้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือเมื่อตระกูลยินถูกชำระบัญชี
อวิ๋นหลิงอดรู้สึกไม่ได้ว่าตาแก่ลู่ซึ่งเป็นอาลักษณ์กรมคลังนั้นดูเหมือนจะขี้ขลาดกว่าที่คิดไว้มากนัก
แต่ความคิดนี้ผุดขึ้นได้ไม่นานก็ถูกล้มเลิกไปอย่างรวดเร็ว
นางไม่นึกว่าอาลักษณ์ลู่ไม่เพียงไม่ขี้ขลาด แต่ยังใจกล้ากว่าที่คาดไว้อีกด้วย
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากงานเลี้ยงในวังในวันส่งท้ายปีเก่า จักรพรรดิจาวเหรินจะจัดงานเลี้ยงหลายคืนติดต่อกัน ต้อนรับขุนนางทุกคนในราชสำนักเป็นชุดๆ ไป
หลังจากงานเลี้ยงในวังคืนแรก อาลักษณ์ลู่ผู้นี้ก็ไปมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับจักรพรรดิจาวเหรินยังห้องตำราด้วยตนเอง
มันเป็นกล่องไม้หนักๆ ใบหนึ่ง แต่ในนั้นไม่มีเครื่องประดับเงินทอง แต่เป็นกล่องที่เต็มไปด้วยหนังสือ
ข้างในนั้นกลายเป็นข้อมูลของขุนนางทุกคนในทุกจังหวัด เมือง และมณฑลต่างๆ ของทั้งแคว้นต้าโจวอย่างละเอียด
ตำแหน่งใหญ่ไปจนถึงเจ้าเมือง ตำแหน่งเล็กไปจนถึงผู้พิพากษาประจำเทศมณฑล ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎหมายหาผลประโยชน์ส่วนตัวและยักยอกเงินจากขุนนาง ผู้ที่รังแกชาวบ้านชายหญิง สมรู้ร่วมคิดกับพวกอันธพาล เคยไปทำเรื่องอะไรไว้และเคยทำร้ายใครไปบ้างนั้นล้วนถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน
จักรพรรดิจาวเหรินไม่คาดคิดว่าตาแก่คนนี้จะเข้ามาปล่อยท่าไม้ตาย เขาตัวสั่นทันที “ท่าน ท่าน...นี่ท่าน?”
อาลักษณ์ลู่หลุบตาลงเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชราแหบห้าว “ฝ่าบาท ของที่พระองค์ทรงปรารถนามาตลอด ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว”
“หลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลยินได้ควบคุมกรมขุนนางไว้ทั้งหมด ปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียวเป็นการส่วนตัว ก่อกรรมทำชั่วไปทั่ว แม้ว่ากระหม่อมจะไม่ยินดีร่วมทำชั่วด้วย แต่เมื่อถอนตัวลำบากก็ต้องปกป้องตัวเองจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ในที่สุดก็รอวันปลดปล่อยจนได้”
“กระหม่อมรู้ว่าได้ก่อความผิดที่เลวร้าย ยิ่งละอายใจมากขึ้นที่ได้รับความไว้วางใจจากราชสำนักและฝ่าบาท แต่ก็หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่กล่องไม้ใบนี้ แล้วอนุญาตให้กระหม่อมเกษียณกลับไปบ้านเกิด”
“กระหม่อมยินดีสละทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือผู้คนในใต้หล้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความภักดีและความกตัญญูของตระกูลลู่ที่มีต่อราชสำนักและฝ่าบาท”
จักรพรรดิจาวเหรินได้สติกลับมาจากอารามตกใจอย่างกะทันหัน ในที่สุดก็รู้ว่าอาลักษณ์ลู่แสดงความภักดีเพื่อเอาชีวิตรอด
จะอย่างไรก็เป็นฮ่องเต้มาหลายปีแล้ว เขาจึงไม่เชื่อคำเหลวไหลของอาลักษณ์ลู่ เขาคงเห็นว่าตระกูลยินพังภินท์ลง เขาจึงรีบยอมแพ้ก่อนที่มีดจะตกลงมาบั่นคอเขา
ต้องบอกว่าสมุดเหล่านี้ค่อนข้างหนักเอาเรื่อง
สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล พวกขุนนางจึงมักใช้อำนาจโดยพลการ
ราชสำนักต้องการล้างบางและเปลี่ยนเลือดใหม่ทั้งหมดมาตลอด แต่การปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงปีแรกๆ ขุนนางที่เขาส่งไปตรวจสอบข้างนอกนั้น ไม่ต้องพูดถึงการทำภารกิจให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ แค่รอดชีวิตกลับมาได้ก็ยากลำบากแล้ว
มิฉะนั้นการรีบบุ่มบ่ามเข้าไปช่วยอาจเร่งการตายของตระกูลลู่
สุดท้ายตระกูลยินก็ปราชัยอย่างหมดท่า ดังนั้นหลังจากค่ำคืนของความโกลหลวุ่นวาย อาลักษณ์ลู่จึงเตรียมกล่องไม้ในชั่วข้ามคืน
เขาขายความลับสุดยอดของสหายโดยตรงเพื่อแลกกับชีวิตของเขาเอง
อวิ๋นหลิงถอนหายใจ “ชายชราคนนี้ระมัดระวังตัวยิ่งนัก เขามองการณ์ไกลและปลิ้นปล้อนมากกว่าตระกูลยิน”
จุดนี้เห็นได้จากชื่อเสียงของเขาในฐานะคนดีของแผ่นดินใหญ่
นอกจากนี้ จากแฟ้มคดีของศาลต้าหลี่และข้อมูลในสมุดเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าปฏิบัติการลับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อนตำแหน่งขุนนาง รวมถึงการฉ้อโกงระบบการสอบคัดเลือกข้าราชการ ตลอดจนการค้ามนุษย์ เป็นต้น โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นตระกูลยินที่บงการชี้นำหลัก
ส่วนตระกูลลู่ควบคุมกรมคลัง สิ่งเดียวที่ทำคือให้ข้อมูลข่าวกรองและสำมะโนครัวของประชากรต่างๆ
ตัวอย่างเช่นคดีค้ามนุษย์ของสถานสงเคราะห์เด็กที่ถูกหลิวฉิงเปิดเผย ตระกูลลู่มีหน้าที่รับผิดชอบเพียงการจัดหาเงินทุนและจัดการข้อมูลของเด็กกำพร้าเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ค้าขาย ผู้ที่ลงมือยังคงเป็นหน่วยกล้าตายของตระกูลยิน
ตามที่พวกเขาได้ตรวจสอบก่อนหน้านี้ ตระกูลลู่ไม่ได้ทำงานสกปรกเลย กลับกันยังทำความดีไว้มากมายทั้งซ่อมถนนและสร้างสะพาน อาศัยข้อมูลโดยตรงในการสร้างรายได้
อวิ๋นหลิงเชื่อว่าอาลักษณ์ลู่ได้คิดใคร่ครวญปฏิบัติการนี้ไว้อย่างรอบคอบแล้ว เขาได้เตรียมตัวสำหรับวันนี้มาตลอดนับตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่ม
น่าเสียดายที่คนมีมันสมองเช่นนี้ไม่ได้มุ่งมั่นรับใช้ราชสำนัก
เซียวปี้เฉิงอดกล่าวไม่ได้ว่า “ช่างเป็นตาแก่ที่เจ้าเล่ห์จริงๆ”
แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่อาลักษณ์ลู่มอบให้นั้นสำคัญยิ่งนัก และคุ้มค่ากับชีวิตของเขา
ด้วยสิ่งเหล่านี้ เมื่อลูกศิษย์ชุดแรกของสำนักศึกษาชิงอี้ถูกส่งไปทำงานที่อื่นในปีหน้า พวกเขาก็จะรู้สึกสบายใจมากขึ้น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...