ทั้งอวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงไม่คัดค้านการตัดสินใจของจักรพรรดิจาวเหรินที่จะปล่อยตระกูลลู่ไป
ไม่ใช่ว่าไม่อยากจัดการกับตาแก่ผู้นี้ อย่างไรเสียพฤติกรรมที่ช่วยคนทำชั่วของเขานั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่จากสถานการณ์โดยรวม การรักษาตระกูลลู่ไว้นั้นดีกว่าการฆ่าพวกเขา
ครั้งนี้ผู้ที่ถูกกวาดล้างไม่เพียงแค่ตระกูลยิน แต่ยังรวมถึงตระกูลขุนนางหลายตระกูลที่มีส่วนพัวพันอย่างลึกซึ้งด้วย ขุนนางเมืองหลวงจำนวนมากถูกไล่ออกและสอบสวน จำเป็นต้องมีผู้ที่มีความสามารถใหม่เข้ามาแทนที่อย่างเร่งด่วน
หลังจากกวาดล้างตระกูลยินแล้ว ภายในราชสำนักก็เกิดความสับสนอลหม่าน ผลพวงของการสั่นสะเทือนฟ้าดินจะแพร่กระจายจากเมืองหลวงไปยังพื้นที่ท้องถิ่นในไม่ช้า
หากตระกูลลู่ก็ถูกกวาดล้างไปพร้อมกัน ขุนนางที่ทรยศในสถานที่ต่างๆ จะต้องตื่นตระหนกและสับสนอลหม่านอย่างแน่นอน
เรื่องที่อ๋องไหวเซียงก่อกบฏมีให้เห็นเป็นตัวอย่าง ก็พูดยากว่าจะมีใครเลียนแบบเขาและหนีไปกบดานเพื่อปกป้องตัวเองหรือไม่ และก่อนที่พวกเขาจะหลบหนี ก็จะต้องปล้นทรัพย์สมบัติของประชาชนอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนในท้องถิ่นก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การสื่อสารและเทคโนโลยีในสมัยโบราณยังไม่ก้าวหน้าเท่าสมัยใหม่ การจับกุมข้ามพรมแดนทำได้ยากยิ่งนัก
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมากมาตลอด
ทั้งอวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงต่างรู้สึกว่าการปล่อยตระกูลลู่ไปโดยละม่อมจะเป็นการดีกว่า เพื่อ ‘ปลอบขวัญ’ จิตใจของขุนนางทุกแห่งหนไปชั่วคราวก่อน
มิฉะนั้นหากคนเหล่านี้ถูกฆ่าหรือหลบหนีไปทั้งหมด ราชสำนักก็จะหาคนมาดำรงตำแหน่งราชการจำนวนมากขนาดนี้ไม่ได้ไปชั่วขณะ
ยังต้องรอให้ถึงเวลาอันสมควรก่อน แล้วค่อยจัดการกับขุนนางสุนัขกลุ่มนี้ทีละคนๆ
สองวันต่อมา อาลักษณ์ลู่มอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลลู่ให้อีกครั้ง ดูจะเล็กกว่าท้องพระคลังของตระกูลยินมากทีเดียว แต่ก็ยังมีเงินอยู่ไม่น้อย
ทรัพย์สินต่างๆ เช่น ทรัพย์สินของร้านค้าในหมู่บ้านจะถูกราชสำนักยึดคืนทีละรายการ เมื่อแต่ละกรมของราชสำนักเริ่มก่อสร้างหลังเทศกาลปีใหม่
แม้ว่าการต่อสู้กับตระกูลยินและตระกูลลู่จะพลิกผันหลายครั้ง แต่ก็ราบรื่นกว่าที่คาดคิดไว้มาก ทั้งคู่สามีภรรยาก็สามารถพักหายใจได้ชั่วคราว
ขณะเดียวกันก็มีข่าวมาจากตระกูลหลิ่วว่าเจ้าสามหลิ่วหย่าขาดกับฮูหยินสามหลิ่วแล้ว
ตามที่คาดไว้ หลังจากรู้ว่านางทำอะไรกับหลิ่วชิงเยี่ยน เจ้าสามหลิ่วก็รู้สึกตกใจและโมโห เขาไม่คาดคิดว่าคนที่ไว้วางใจอยู่ข้างหมอนมาหลายปีจะมีโฉมหน้าที่เลวร้ายเช่นนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็จะหย่ากับนางทันที
ลูกๆ ของฮูหยินสามหลิ่วพยายามชะลอเรื่องนี้จนถึงสิ้นปีโดยอ้างว่าเพื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันปีใหม่ จากนั้นจึงหาวิธีที่จะระงับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ประเมินความดื้อรั้นของเจ้าสามหลิ่วต่ำไป
ตอนนั้นสำนักของท่านน้าหลิ่วช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ที่ฆ่าทั้งครอบครัวก็มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเขาด้วย ถ้าไม่หย่ากับฮูหยินสามหลิ่ว แล้วร้อยปีให้หลังเขาจะมีหน้าไปพบท่านน้าหลิ่วกับสำนักของนางได้อย่างไร
หลังจากทะเลาะกัน ในที่สุดก็หย่าขาดกับฮูหยินสามหลิ่วก่อนวันส่งท้ายปีเก่าหนึ่งวัน
อวิ๋นหลิงถามตงชิง “ตอนนี้สถานการณ์ของชิงเยี่ยนในตระกูลหลิ่วเป็นอย่างไรบ้าง พี่น้องหลายคนของนางคงจะไม่พอใจมากกระมัง”
ตงชิงพยักหน้าตอบว่า “พี่ชายของแม่นางหลิ่วอายุแก่กว่า มีนิสัยหัวโบราณและตรงไปตรงมาพอๆ กับพ่อของเขา พอรู้ว่าฮูหยินสามหลิ่วทำผิดเรื่องนี้ หลังจากพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ก็รู้ว่าไร้ประโยชน์จึงไม่ได้พูดอะไรอีก น้องสาวยังเด็กอยู่ และอยู่กับแม่นางหลิ่วมาด้วยดีเสมอ ถึงแม้จะเศร้าเสียใจแต่ก็แค่งอแงตามประสาเด็ก”
“พี่สาวของแม่นางหลิ่วเพิ่งออกเรือนไปไม่นานมานี้ การหย่าร้างของแม่ใหญ่ทำให้นางอับอายมากในครอบครัวสามี นางจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่แม่นางหลิ่วก็ฝากบ่าวมาบอกท่านว่านางอยู่ในตระกูลหลิ่วใช้ชีวิตดีทุกอย่าง สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม ท่านไม่ต้องกังวลกับนางมากเกินไป”
แม้ว่าฮูหยินสามหลิ่วจะร้ายกาจ แต่ก็ปกป้องลูกๆ ของนางได้ดีเหลือเกิน ในแง่แผนการในใจอาจเทียบกับหลิ่วชิงเยี่ยนไม่ได้เลย
อวิ๋นหลิงฟังเรื่องราวของตระกูลหลิ่วจบก็พยักหน้า นางกังวลว่าหลิ่วชิงเยี่ยนจะเกิดการเผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันระหว่างพี่น้องเพราะเรื่องนี้ นางจึงให้ตงชิงไปส่งของขวัญปีใหม่เพื่อแสดงท่าทีของตำหนักบูรพายังตระกูลหลิ่วโดยเฉพาะ ถือเป็นเรื่องที่ชวนให้ตกใจเล็กน้อย และเป็นการสนับสนุนหลิ่วชิงเยี่ยนไปด้วย
นางกำนัลน้อยไม่รู้ว่านางไปทำความผิดอะไรไว้ แค่คิดว่านางคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏของอ๋องไหวเซียง ก็อดรู้สึกสงสารนางจับใจอยู่บ้างไม่ได้ ก่อนปลอบใจนางด้วยความหวังดี “แต่องค์หญิงใหญ่ก็มองว่าท่านเป็นลูกสาวของนางเอง จะต้องพาท่านไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมอย่างแน่นอน”
โม่อี้ซือที่สีหน้าซีดเซียวดูเหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง นางหยิบพระราชโองการไปยังตำหนักโยวซินด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นองค์หญิงอี๋อัน นางก็หลั่งน้ำตาฟูมฟาย
นางร่ำไห้พร้อมกับสำนึกผิด “ท่านแม่! ซือซือรู้ว่าผิดไปแล้ว วันนั้นข้า...วันนั้นข้าตกใจมากไป และไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง ตอนนั้นจึงพูดผิดไปชั่วขณะ!”
“ท่านแม่ โปรดไปขอร้องฝ่าบาทให้ซือซือด้วยเถิด ข้าไม่อยากจากท่านไปจริงๆ!” โม่อี้ซือสะอื้นไห้ฮือๆๆ ใบหน้ายังดูงดงามเหมือนดอกสาลี่ต้องสายฝน นางเสียใจเหลือแสน “ในโลกนี้ซือซือมีท่านเป็นญาติเพียงผู้เดียว โลกนี้ช่างน่าแปลกเหลือเกิน ข้าจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีท่านได้อย่างไร”
นางไม่กล้าคิดเลยจริงๆ ว่าหลังจากถูกไล่ออกจากวังแล้วจะไปใช้ชีวิตแบบไหน
นางจะถูกพาไปอยู่ในเรือนเล็กๆ ที่ทรุดโทรมและห่างไกลเหมือนอย่างที่เคยอยู่ในจวนของอ๋องไหวเซียงเหมือนเมื่อคราวก่อน หรือจะถูกลดระดับให้เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญที่ยากจนต่ำต้อยจนไม่มีแม้กระทั่งเรือนเล็กๆ ที่ทรุดโทรมอยู่ด้วยซ้ำ?
ไม่ว่าจะเป็นวังหลวงหรือจวนยิน ชีวิตในทั้งสองสถานที่นี้เอามาเทียบกันไม่ได้เลย
นับตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงกว่าครึ่งปี นางเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตที่มีเสื้อผ้าใส่มีอาหารกิน อยู่บ้านก็มีบ่าวรับใช้รายล้อม พอออกไปข้างนอกก็มีคนขับรถม้า
แค่คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา ความแตกต่างมากมายเช่นนี้ก็ทำให้โม่อี้ซือแทบจะทรุดตัวล้มลงอย่างสิ้นหวัง
องค์หญิงอี๋อันถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม “เสด็จพ่อออกพระราชโองการแล้ว จะถอนรับสั่งง่ายๆ ได้อย่างไร เจ้าต้องเข้าใจว่าปลาหมอตายเพราะปากนั้นไม่ใช่เรื่องตลก จากมุมมองของเสด็จพ่อ เขาแค่ริบตำแหน่งท่านหญิงของเจ้า ไม่มีการลงโทษแต่อย่างใด ถือว่าเปิดโอกาสให้แล้ว…”
ควรรู้ไว้ว่า โม่อี้ซือเป็นภรรยาของตระกูลยินแล้ว จากผลของการกำจัดตระกูลยิน ผู้คนจำนวนมากจะตกอยู่ในสภาพเป็นทาส

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...