“หลิงเอ๋อร์ เจ้าๆๆ...นี่เจ้าอยากให้เสด็จพ่อสละราชบัลลังก์มาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่”
นี่เป็นเพียงการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ หากจักรพรรดิจาวเหรินแสดงสีหน้าผิดปกติขึ้นอีก หลี่กุ้ยเฟยจะเริ่มวุ่นวายทันที หากข่าวแพร่ไปถึงหูพระเจ้าหลวง เซียวปี้เฉิงจะรู้สึกว่าบัลลังก์ของบิดาบังเกิดเกล้าของเขานั้นจบลงแล้วจริงๆ
พูดตามตรง เขารู้สึกว่าถ้าได้เป็นรัชทายาทต่อไปอีกสักสองสามปีก็คงจะดีทีเดียว ถึงอย่างไรจักรพรรดิจาวเหรินอยู่ในตำแหน่งก็ยังสามารถจัดการงานได้
หากอีกฝ่ายสละราชสมบัติจริงๆ ก็ปล่อยไปตามยถากรรมแล้วกัน ถึงเวลานั้นเรื่องต่างๆ ของวังหลังในราชวงศ์ก่อนก็จะตกอยู่บนบ่าของพวกเขาสามีภรรยา นั่นจะเป็นชีวิตที่ยากลำบากโดยแท้
อวิ๋นหลิงโบกมือ พับแขนเสื้อแล้วนั่งดื่มชาแทะเมล็ดแตง “เขาจะไม่ยอมสละราชสมบัติอย่างขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ เขาเป็นผู้ที่รักหน้าจะตาย ในเวลาสุดท้ายเขาเลือกจะยอมก้มหน้าประนีประนอมกับหลี่กุ้ยเฟยมากกว่าจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ให้ผู้คนหัวเราะเยาะไปหลายร้อยปีหรอก”
หลังจากเซียวปี้เฉิงเข้าใจข่าวคราวทั้งหมดแล้ว เขาก็ขบคิดอย่างรวดเร็ว “นี่เจ้ากำลังช่วยหลี่กุ้ยเฟยต่อสู้เพื่อสิทธิแยกกันอยู่ใช่หรือไม่”
พวกเขาล้วนรู้ดีว่านี่คือผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับทุกฝ่าย แต่จักรพรรดิจาวเหรินจะไม่ยินยอม
“ใช่แล้ว ชาวฮั่นมักชอบรอมชอม เช่น ถ้าบอกว่าบ้านมืดเกินไปแล้วต้องเปิดหน้าต่างที่นี่ ทุกคนจะไม่ยอมแน่นอน แต่ถ้าบอกว่าจะรื้อหลังคาออก พวกเขาจะเต็มใจเปิดหน้าต่าง”
อวิ๋นหลิงนอนลงบนเก้าอี้โยก หรี่ตาอย่างสบายๆ
“เรื่องของหลี่กุ้ยเฟยก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ ถ้าข้าแนะนำให้เสด็จพ่อแยกกันอยู่ เขาจะไม่เห็นด้วยแน่นอน แต่ถ้าหลี่กุ้ยเฟยตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นคนธรรมดาสามัญ เช่นนั้นเขาก็จะยินยอมแยกกันอยู่”
นางหลอกจักรพรรดิจาวเหรินให้พูดคำเหล่านั้น จะไปกระตุ้นโทสะของหลี่กุ้ยเฟยเป็นครั้งที่สอง หากแม่นางหลีอยู่ใกล้ๆ จะเป็นตัวเร่งให้เกิดไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา ตาแก่จักรพรรดิจะดับไฟนี้ไม่ได้
เซียวปี้เฉิงขบคิดที่นางพูดอย่างรอบคอบก่อนพูดอย่างอดไม่ได้ว่า “ใครเป็นผู้พูดคำนี้ นี่มันพูดจี้ใจดำชัดๆ”
“คุณหลู่ซวิ่น เป็นนักคิดนักเขียนวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศพวกเราในอีกโลกหนึ่ง”
“ไม่คิดว่าเจ้าจะชอบอ่านงานประเภทนี้ด้วย”
อย่างไรเสียตอนอยู่ที่แคว้นต้าโจว เขาก็เคยเห็นอวิ๋นหลิงอ่านตำราแพทย์และหนังสือผู้ใหญ่เท่านั้น
“...อ่า มันเป็นข้อความที่ท่องอยู่ใน DNA ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนชั้นประถมหรือนักศึกษาก็หนีข้อความนี้ไม่พ้น”
อวิ๋นหลิงถอนหายใจเบาๆ ในใจ ทั้งสองก็คุยเรื่องสมัยใหม่กันเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาที่หัวข้อหลัก
เซียวปี้เฉิงพูดอย่างนึกสงสัย “จริงสิ เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงอยากช่วยหลี่กุ้ยเฟย”
“เป็นการลงทุนให้แม่นางหลีและเสี่ยวกู้ หากกอดแข้งกอดขาทองคำก้อนนี้ไว้ ต่อไปก็จะเจริญรุ่งเรือง เมื่อเห็นว่าอู๋จีและเมิ่งชูกำลังจะแต่งงานกัน เสี่ยวกู้ยังไม่มีภรรยาด้วยซ้ำ ข้าในฐานะเป็นอาจารย์ก็ต้องเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง”
ร้านของหวานในครั้งนี้ ความจริงแม่นางหลีเป็นคนต้นคิดอยากทำกับหลี่กุ้ยเฟย
ในระยะแรกของโครงการรีสอร์ต มาตรฐานการลงทุนของหลงเย่นั้นสูงยิ่งนัก นอกจากการควบคุมคุณภาพที่ออกจะเพี้ยนๆ แล้ว ยังต้องใช้เงินทุนมหาศาลที่เพียงพออีกด้วย
ดูเหมือนนางจะอ่อนโยนและคุยง่าย แต่เมื่อพูดถึงเรื่องงาน ไม่ใช่แค่อาศัยความสัมพันธ์ก็จะชักชวนให้ใช้เส้นสายได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกันล่ะ
กิจการของแม่นางหลีในสำนักศึกษาชิงอี้ดำเนินไปด้วยดี เลี้ยงดูสองแม่ลูกได้อย่างเหลือเฟือ และนางยังเก็บสะสมเงินได้มากอีกด้วย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......